แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 288 โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
ความจริงก็กระจ่างแจ้งแล้ว หนานกงเวิ่นเทียนมีพัฒนาการ มีพัฒนาการขึ้นมาก แต่น้องหญิงของเขาก็กำลังพัฒนาเช่นกัน ผลคือหนานกงเวิ่นเทียนก็พึงพอใจอย่างมาก อย่างน้อยก็มองออกว่ามีพัฒนาการเป็นอย่างมาก
ทั้งสองได้รู้แจ้งในอะไรไม่น้อยจากสิ่งที่แต่ละคนได้รับ
“น้องหญิง ต่อไปเจ้าอยากไปไหน?” หนานกงเวิ่นเทียนถาม แม้จะบอกว่าอยากไปดินแดนนภาพสุธา แต่ก็รู้สึกเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรมากทีเดียว
“ดูสถานการณ์ก่อนแล้วกัน ใช่สิ ตอนนี้พวกเราสลายพลังกันจนหมดแล้ว ข้าอยากกลับวังนภาเพลิง อย่างไรเสียตอนนั้นก็สั่งคนอื่นเอาไว้แล้ว จะไม่ไปให้ทางตำหนักนั้นไม่เห็นหน้าคงไม่ใช่เรื่องแน่ ท่านพี่ก็ต้องกลับไปวังนภาธาราด้วยเหมือนกัน ท่านเป็นราชาเซียนแล้ว จะผลัดผ่อนไม่ได้แล้ว” หลิวหลีพูด
“จริงด้วย ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแบบน้องหญิงก็น่าจะใช้ได้แล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่านี่ถือเป็นปัญหาเช่นกัน อย่างไรเสียวังนภาธาราก็ดูเหมือนจะไม่มีเจ้าตำหนักคนไหนบรรลุขั้นเซียนนภานพเก้า แต่ไม่แน่ว่าคราวนี้กลับไปอาจจะมีก็ได้
“ใช่สิ ไม่ต้องทำอะไร สั่งให้คนอื่นทำแทน สบายดีทีเดียว” หากถูกขุนนางเซียนของทั้งสองตำหนักได้ยินคำพูดนี้ของหลิวหลีเข้าคงได้กระอักเลือด ไม่เคยเห็นเจ้าตำหนักคนไหนไม่รับผิดชอบขนาดนี้ พวกเขาเองก็ไม่มีใครอื่น
เมื่อทั้งสองออกจากมิติ หลิวหลีก็ได้รับสารด่วนจากเอ๋าเลี่ย ให้รีบกลับด่วน
“พวกเรากลับดินแดนอสูรเทพกันก่อนดีกว่า อาเลี่ยมีเรื่องด่วนเรียกพวกเราไปพบ” หลิวหลีพูด
“อาเลี่ยเรียกหาพวกเราน่าจะเกิดเรื่อง” ถึงเอ๋าเลี่ยจะดูเหลวไหล แต่ถ้าเป็นเรื่องที่จัดการเองได้ก็จะไม่รบกวนพวกเขา นี่ถึงกับส่งข่าวมาบอกด้วยตัวเองว่าให้รีบกลับด่วน คงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่
หลิวหลีและหนานกงเวิ่นเทียนกลับมายังดินแดนอสูรเทพแล้วก็พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
“ดังนั้นเรื่องด่วนที่สุดก็คืออิงเสวี่ยตั้งครรภ์แล้ว แถมยังชอบคิดเพ้อเจ้อ” หลิวหลีรู้สึกไม่ค่อยดีนัก พวกเขาอายุน้อยกว่าชัดๆ แต่ทำไมข่าวดีล่าสุดนี้ถึงได้เป็นเรื่องของพวกเขาที่อายุเกินแก่คู่นี้กัน ทั้งที่นางและสามีก็พยายามกันมาก ทั้งที่พวกเขาแต่งงานกันเร็วที่สุด แล้วลูกอยู่ไหนล่ะ
“จริงสิ ก็เพราะคำพูดของเจ้าในตอนนั้น ข้ากับอิงเสวี่ยคิดว่าคงจะมีลูกไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเจ้ากับหมอนี่แต่งงานกันเกือบหมื่นปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ พวกเราจึงปล่อยไปตามธรรมชาติ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากงานแต่งงานของจื่อฉีกับมู่มู่ อิงเสวี่ยก็ผิดปกติ เริ่มขนร่วง ฉุนเฉียว ผิดปกติไปหมด ไม่เหมือนหงส์เหมันต์ที่เย็นยะเยือก แต่เป็นมังกรที่ร้อนแผดเผา พูดอะไรนิดหน่อยถ้านางรู้สึกไม่ดีก็จะร้องไห้ ไม่ชอบกินของที่ปกติชอบกิน ผ่ายผอมลงไปไม่น้อย ต้องเชิญบรรพชนมาดูถึงได้รู้ว่าอิงเสวี่ยตั้งครรภ์” เอ๋าเลี่ยพูด แม้ว่าเขาจะดีใจ แต่ก็เป็นห่วงอิงเสวี่ยเช่นกัน กลัวว่านางจะไม่สบาย โดยเฉพาะอิงเสวี่ยมีอาการของโรคซึมเศร้าก่อนตั้งครรภ์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากหลิวหลีที่มีลูกเล่นนับร้อย แต่กลับไม่ได้รู้เลยว่ากำลังเสริมที่เขาของความช่วยเหลือนี้ก็กำลังโดนโจมตีจนไม่ไหวเช่นกัน
“อาเลี่ย เจ้าควรเรียกอสูรเทพหญิงที่มีประสบการณ์ หรือไม่ก็ผู้บำเพ็ญหญิงที่เคยตั้งครรภ์มาก่อนไม่ใช่หรือ เจ้าเรียกหาข้าคนที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนนี่คิดว่าจะช่วยอะไรได้หรือ” หลิวหลีรู้สึกงุนงง
“จะไม่น่าไว้ใจได้อย่างไร บรรพชนในสกุลบอกไว้ว่าทายาทของข้าขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” เอ๋าเลี่ยแถ
“นี่เจ้ากำลังหาคส่งๆใช่ไหม” หลิวหลีหมดแรงจะแขวะ
“เปล่าเสียหน่อย หลิวหลี ข้าเชื่อใจเจ้า ต้องฝากอิงเสวี่ยกับลูกในท้องด้วย” เอ๋าเลี่ยฝากฝังอย่างจริงจัง
“อาเลี่ย มุกนี้ไม่ตลกเลยสักนิด” หลิวหลีคิดว่าอาเลี่ยก็บ้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจะมาถามนางแทนที่จะถามผู้เชี่ยวชาญทำไมกัน
“เอาเถอะ ข้าลองต้มซุปปลาให้อิงเสวี่ยก่อนค่อยว่ากัน” หลิวหลีพ่ายแพ้ให้กับสายตาคาดหวังคู่นั้นของเอ๋าเลี่ย
เพราะคิดเผื่อหญิงตั้งครรภ์ ซุปปลาที่หลิวหลีต้มนั้นจึงไม่ใส่น้ำมันสักหยด เคี่ยวจนเป็นน้ำนมสีขาว ใส่แค่เกลือและต้นหอมเพียงเล็กน้อย แล้วจึงยกไปให้อิงเสวี่ย
เฟิ่งอิงเสวี่ยตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า ในสมองมีความคิดเหลวไหลไปต่างๆนานา ทำให้นางกินอะไรไม่ลง จนได้กลิ่นสดชื่นลอยเข้ามา เฟิ่งอิงเสวี่ยเห็นหลิวหลียกของอะไรบางอย่างเข้ามา อืม หอมจัง อยากกิน
“มา อิงเสวี่ย ดื่มซุปปลาเสียหน่อย รองท้อง” หลิวหลียื่นให้อิงเสวี่ย อีกฝ่ายไม่อิดออด ยกซุปขึ้นดื่มจนหมด
“ยินดีด้วยนะอิงเสวี่ย” สายตาของหลิวหลีมีแต่ความอิจฉา
“ไม่หรอก” อิงเสวี่ยลืมความกังวลไป เหตุใดนางจึงลืมไปว่าน้องสาวคนนี้แต่งงานก่อนนางตั้งหลายหมื่นปี แต่กลับยังไม่มีลูก
“ไม่เลย ต้องยินดีสิ จะมีลูกไม่ใช่เรื่องง่าย” ถึงหลิวหลีจะอิจฉา แต่ก็รู้สึกยินดีมากกว่า ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงจะมีลูกทั้งทีไม่ง่ายเลย จึงยิ่งต้องรักษาเอาไว้ให้ดี
“ขอบคุณนะ หลิวหลี เจ้ารู้ไหมว่าในใจข้ารู้สึกหวาดกลัวมากแค่ไหน รู้สึกราวไม่ใช่เรื่องจริงอย่างยิ่ง ข้ากลัวว่าจะคลอดสัตว์ประหลาดออกมา” เฟิ่งอิงเสวี่ยคิดถึงสัตว์ประหลาดอย่างหัวเป็นมังกรตัวเป็นหงส์ หรือตัวเป็นมังกรมีปีกหงส์แล้วก็ชวนให้หวาดกลัวเล็กน้อย นางกลัวจริงๆว่าจะคลอดสัตว์ประหลาดเช่นนี้ออกมา
“ไม่หรอกอิงเสวี่ย ตอนนั้นข้าก็แค่พูดเหลวไหลเท่านั้นเอง ขอโทษที่ทำให้เจ้าคิดมาก” พอหลิวหลีคิดว่าคำพูดล้อเล่นของตนเองในตอนนั้นได้ทำร้ายอิงเสวี่ยไปแค่ไหน เฮ้อ นางแค่นึกถึงบันทึกประหลาดที่เคยอ่านในอดีต ใครจะไปคิดว่าจะเป็นแบบนี้ โรคซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ก็น่าหดหู่มากเช่นกัน
“ข้าเองก็รู้เช่นกัน จริงๆแล้วต่อให้หลิวหลีเจ้าไม่พูด ข้าก็คงคิดเพ้อเจ้อแบบนี้อยู่ดี อย่างไรเสียข้ากับอาเลี่ยก็เป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน” อิงเสวี่ยออกตัวว่าถึงหลิวหลีจะไม่พูด แต่นางก็คงคิดแบบนี้อยู่ดี คนละเผ่าพันธุ์กันมักจะมีความกังวลเช่นนี้ ไม่มีลูกก็พอพูดได้แต่พอมีลูกแล้วจึงเกิดความกังวลใจเช่นนี้
“อิงเสวี่ย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม นั่นก็คือลูกของเจ้า ผลผลิตความรักของเจ้ากับอาเลี่ย ไม่ว่าเขาจะมีลักษณะอย่างไร สายเลือดไม่สูงส่งก็ดี รูปร่างปกติก็ช่าง อย่างไรเสียเขาก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้ากับอาเลี่ย พวกเจ้าต้องรักเขาแน่” หลิวหลีบอกว่าไม่ว่าลูกจะเกิดมาธรรมดาหรือแปลกประหลาดก็ล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าของพวกเขา
“จริงสิ หลิวหลี ขอบคุณนะที่ชี้แนะข้า ข้าสบายใจขึ้นมาก แม้ว่าข้าจะยังคงคิดเหลวไหล แต่เมื่อคิดถึงความหมายของเด็กคนนี้ ข้าก็สบายใจขึ้นแล้ว” เฟิ่งอิงเสวี่ยรู้สึกว่าใจที่อึดอัดของตนเองนั้นผ่อนคลายมากขึ้น
“เจ้าเปิดใจให้กว้างเถอะ จะได้ส่งดีกับเด็กด้วยเช่นกัน ช่วงนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า จนกว่าเจ้าจะหยุดคิดเรื่องเหลวไหล” หลิวหลีตัดสินใจ นี่เป็นลูกกคนแรกของพวกเขา จะต้องให้ความสำคัญให้มาก
หลังจากนั้นหลิวหลีก็เริ่มทำเหมือนอิงเสวี่ยเป็นหญิงตั้งครรภ์ทั่วๆไป อาหารบำรุงสามมื้อต่อวันที่แตกต่างกันไปทุกวัน แถมยังเล่าเรื่องตลกต่างๆ ก็ยิ่งทำให้อิงเสวี่ยผ่อนคลายลง และเมื่อออกไปเดินเล่นก็ยิ่งกระตุ้นให้อิงเสวี่ยไม่หลงลืมว่าการฝึกบำเพ็ญก็จะทิ้งไม่ได้ อย่างไรเสียผู้บำเพ็ญเพียรเมื่อคลอดลูกแล้วพลังบำเพ็ญเพียรก็จะลดลงไป
เอ๋าเลี่ยมองดูอิงเสวี่ยที่ร่าเริงมากขึ้น และประกายความรักของคนเป็นแม่ก็ส่องสว่างเรืองรองอย่างไม่วางตา เขาว่าแล้วว่านังหนูต้องมีวิธี แต่ทว่าเขาก็โดนบรรพชนต่อว่ายกใหญ่ ฮูหยินของตนเองแท้ๆแต่กลับต้องให้คนอื่นมาดูแล สามีอย่างเขาจะมีประโยชน์อะไร เอ๋าเลี่ยคิดว่าเขาโดนใส่ร้าย อย่างไรก็ตามผู้หญิงก็ต้องเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่าอยู่แล้ว
ไม่รู้เป็นเพราะซุปต่างๆของหลิวหลีหรือไม่ อิงเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองอวบอ้วนจนมีเหนียงแล้ว เอ่อ อาเลี่ยจะรังเกียจนางไหมนะ ทว่าความกังวลนี้ของอิงเสวี่ยก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่ออาเลี่ยยิ่งใส่ใจนางมากกว่าเดิม อ่อนโยนรักใคร่นางมากกว่าแต่ก่อน อาจเพราะช่วงนั้นไปแล้ว อิงเสวี่ยจึงรู้สึกว่าตนเองผ่อนคลายลงไม่น้อย จนสามารถนั่งขัดสมาธิได้อย่างสบายใจ ต้องรู้เอาไว้ว่าตั้งแต่ตอนที่นางรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์แล้วนั้น นางก็ไม่ได้ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเพียรเท่าไหร่นัก