แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 300 อยากโตขึ้น
“พวกเจ้าสองคนเหตุใดยังไม่ไปนั่งสมาธิอีก มาทำอะไรอยู่ตรงนี้?” หลิวหลีกลับมาอย่างอารมณ์ดี นางไม่พอใจตาเฒ่ากลุ่มนั้นมานาน น่าเสียดายเป็นเพราะลำดับอาวุโส นางจึงไม่กล้าลงมือ เกรงว่าจะโดนตราหน้าว่าเนรคุณ ครั้งนี้นางอ้างเรื่องการประลองฝีมืออัดอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ สะใจ จริงๆ รู้สึกเหมือนความแค้นที่มีถูกปลดปล่อยออกมา
“รอท่านน้ากลับมา” เด็กทั้งสองพูดด้วยท่าทีน่าสงสาร ถึงท่านน้าเขยจะบอกเช่นนั้น แต่พวกเขาก็ยังกังวล
“ไม่มีอะไร ตอนนี้ข้ามีความสุขมาก ไปนั่งสมาธิ ถ้าไม่อยากนั่งสมาธิก็ไปนอน” หลิวหลีลูบศีรษะเด็กทั้งสองเบาๆ อายุยังน้อยก็คิดเหลวไหล ถือเป็นเรื่องไม่ดี
“พวกข้าไม่อยากนั่งสมาธิ พวกข้าจะไปพักผ่อน” เด็กทั้งสองรีบวิ่งไปที่เตียงของตนเองอย่างรวดเร็วและตัดสินใจเข้านอน
ไม่นานหลิวหลีก็ขึ้นมา ในมือถือยาที่บดสดๆมาให้เด็กทั้งสองทา จากนั้นก็ใช้พลังเซียเร่งฤทธิ์ยา แล้วเด็กทั้งสองก็กลับมาตัวขาวน่ารักอีกครั้ง
“เจ้าทั้งสองคน ตอนนี้สบายใจได้แล้ว นอนเถอะ จงวางใจ ข้ารักพวกเจ้ามากที่สุด” หลิวหลีลูบหัวเด็กทั้งสองแล้วเดินออกไป
“จ๋ายจ่าย ท่านน้าหลิวหลีรักพวกเรา” เจี๋ยนเจี่ยนพูดอย่างตื้นตัน
“เจี๋ยนเจี่ยน ข้าได้ยินแล้ว พวกเราอย่าคิดเหลวไหลอีกเลย ท่านน้ารักพวกเรามากกว่าท่านน้าเขยมากนัก” จ๋ายจ่ายพูดอย่างดีใจ
“ใช่ จ๋ายจ่าย อยู่ๆก็ตื่นเต้น ไม่อยากนอนเลย” เจี๋ยนเจี่ยนกอดผ้าห่มกลิ้งไปกลิ้งมา มีความสุขจัง
“เจี๋ยนเจี่ยน อยู่ดีๆข้าก็อยากโต” จู่ๆจ๋ายจ่ายก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ฮ่า จ๋ายจ่าย เจ้าก็รู้ว่าพวกเราเป็นอสูรเทพ โตช้านะ” เจี๋ยนเจี่ยนเข้าใจความหมายของจ๋ายจ๋ายทันที
“ใช่ พวกเราอายุหลายร้อยปีแล้วยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย” จ๋ายจ่ายเศร้าเล็กน้อย
“พรุ่งนี้ไปถามตาเฒ่ากัน เขาอายุตั้งเยอะ ไม่แน่อาจจะรู้วิธีทำให้พวกเราโตขึ้นก็ได้” เจี๋ยนเจี่ยนนึกถึงเอ๋าเฟิงแล้วพูดออกมา
“ใช่เลย” จ๋ายจ่ายเข้าใจทันที
ดังนั้นวันต่อมา เด็กทั้งสองจึงไปหาเอ๋าเฟิงด้วยความตื่นเต้น
“บรรพชน ที่แท้ท่านก็มีสภาพแบบนี้นี่เอง” เด็กทั้งสองจ้องมองใบหน้าสีเขียวของเอ๋าเฟิงแล้วก็เข้าใจทันที ชวนให้รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเลย
“น่าเกลียดมากเลย” จ๋ายจ่ายพูดแทงใจดำ
พูดจนเอ๋าเฟิงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลิวหลีเจ้าเด็กดื้อนั่นลงมือโหดร้ายเกินไป อีกทั้งยังสร้างความเสียหายไว้มากทีเดียว นางใช้หญ้าเซียนทำให้หน้าของเขาเขียวไปอย่างน้อยหนึ่งเดือน ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาอับอายขายหน้าได้ จนเขาสงสัยว่านังหนูอยากจะแก้แค้นเป็นการส่วนตัวด้วย พอเห็นเด็กสองคนที่พูดจาตรงไปตรงมา ก็ยิ่งทำให้เสียใจ
“เด็กน้อยทั้งสอง วันนี้บรรพชนจะเบามือแล้วกัน” เอ๋าเฟิงคิด เขาแค่ลงมือเบาๆ แต่ผิวเด็กนั้นอ่อนแอ ช้ำเขียวเป็นเรื่องปกติ แต่กลับถูกหลิวหลีคนโรคจิตนั่นแก้แค้น มีเด็กที่ไหนไม่ล้มไม่ชนบ้าง จำเป็นต้องโหดร้ายเช่นนี้ด้วยหรือ
“ไม่เอา หลายวันนี้พวกข้ามีธุระกับท่าน” จ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนมองเอ๋าเฟิงอย่างร้อนรน
“โอ๊ะ? ไหนว่ามาสิ” เมื่อวานนี้กลับไปเกิดอะไรขึ้น เด็กทั้งสองถึงได้มาหาเขาได้ เหตุใดถึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
“คือว่า พวกข้าอยากโต บรรพชน ท่านพอจะมีวิธีบ้างไหม” เด็กทั้งสองพูดมองเอ๋าเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสาร
“อยากโต ทำไมอยู่ดีๆถึงอยากโตเล่า” เป็นเด็กสนุกจะตาย คิดไม่ถึงว่าจะอยากโต เมื่อคืนมีอะไรไปกระตุ้นสองคนนี้กัน
“โตแล้วจะสามารถปกป้องท่านน้าหลิวหลีได้”
“ถึงพวกเจ้าจะโตแล้วก็เถอะ แต่ท่านน้าของพวกเจ้าไม่ต้องให้พวกเจ้าปกป้องหรอก หากพวกเจ้าทำ เดี๋ยวน้าเขยของพวกเจ้าก็หึงหรอก” ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความเร็วในการบรรลุขั้นพลังที่ผิดปกติได้อย่างนาง ไม่แน่ไม่ต้องรอให้เจ้าเด็กสองคนนี้โตก่อน แต่นางคงบรรลุขั้นพลังไปแล้ว เดี๋ยวนะ เด็กสองคนนี้น่ะหรือ
“ไม่เหมือนกัน พวกข้าส่วนพวกข้า ท่านน้าเขยก็ส่วนท่านน้าเขย” เด็กทั้งสองส่ายหน้าพูดออกมาพร้อมกัน
“มีน่ะมันก็มี อีกทั้งพ่อแม่ของพวกเจ้าก็เข้าฌานอยู่ที่นั่น แต่ข้าไม่กล้าตัดสินใจมั่วซั่ว เรื่องนี้หากท่านน้าของพวกเจ้าไม่เห็นด้วยก็ทำไม่ได้ ต่อให้ข้าแอบพาพวกเจ้าเข้าไป นางก็ต้องลากพวกเจ้าออกมาอยู่ดี ส่วนผลที่ตามมานั้นข้าไม่พูดแล้วกัน” สำหรับเด็กสองคนนี้คงไม่เท่าไหร่ แต่เขาในฐานะที่เป็นคนรองรับอารมณ์ ชีวิตเขาคงไม่สงบสุขขนาดนั้น ดังนั้นเด็กสองคนนี้จะพยายามทำตัวน่ารักยังไงก็ไม่ได้ผล ตอนนี้เขาก็กลัวท่านน้าหลิวหลีของพวกเขาเหมือนกัน
“หากท่านน้าเห็นด้วยก็ทำได้ใช่ไหม” จ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนพูดจริงจัง
“ใช่” ต้องให้หลิวหลีเห็นด้วย
“เช่นนั้นข้าขอตัวลา” จ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนได้รับคำตอบที่ตนต้องการแล้ว จึงทิ้งเอ๋าเฟิงอย่างมีความสุข การที่เด็กสองคนนี้ใช้ใครเสร็จแล้วทิ้งขว้างแบบนี้ไปเรียนจากใครมากัน ทำได้ดีมาก หน้าของเขา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คิดว่าเวลาหนึ่งเดือนช่างยาวนาน
“ท่านน้าหลิวหลีๆ” เด็กทั้งสองตะโกนเรียก หลิวหลีลืมตาขึ้น เหตุใดทั้งสองคนถึงกลับมาไวเช่นนี้ หรือว่าจะตกใจใบหน้านั้น?
“จ๋ายจ่าย เจี๋ยนเจี่ย” หลิวหลีปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเด็กทั้งสอง
“ท่านน้า พวกข้าอยากโต ได้ยินว่ามีสถานที่หนึ่ง พ่อแม่ข้าก็อยู่ในนั้นด้วย ท่านน้าให้พวกเราเข้าไปนะ” จ๋ายจ่ายกอดขาซ้ายของหลิวหลี ส่วนเจี๋ยนเจี่ยนกอดขาขวา ทั้งสองมองหลิวหลีด้วยสายตาละห้อย
“พวกเจ้าหมายถึงหอกาลเวลา พ่อแม่ของพวกเจ้าอยู่ในนั้นก็จริง แต่ที่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเจ้าโตขึ้น เพียงแค่เวลาเดินเร็วต่างกัน ไหนพวกเจ้าบอกข้าหน่อยสิ ว่าเหตุใดถึงอยากโตขึ้น ค่อยๆโตไม่ดีหรือ” หลิวหลีสงสัย เด็กทั้งสองถูกสิ่งใดกระตุ้นมา โตแล้วจะเครียดมากนะ
“เมื่อโตแล้วจะได้ปกป้องน้าหลิวหลีได้ ต่อให้ช่วยเหลือท่านน้าไม่ได้ แต่ก็สามารถช่วยจัดการธุระให้ท่านได้บ้าง” เจี๋ยนเจี่ยนพูด
“สมแล้วที่ข้ารักพวกเจ้านัก แต่ข้าไม่แนะนำให้พวกเจ้าไปหอกาลเวลา เด็กต้องทำตัวเป็นเด็ก ช่วงวัยเด็กของพวกเจ้าสั้นมาก วัยผู้ใหญ่ของพวกเจ้าจะกินเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเจ้า ดังนั้นข้าอยากให้พวกเจ้ารักษาช่วงเวลาวัยเด็กไว้” หลิวหลีตื้นตัน ความสุขในวัยเด็กนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แถมวัยเด็กของพวกเขาเหล่านี้ยังมาพร้อมกับจุดด่างพร้อย ดังนั้นหลิวหลีจึงอยากให้เด็กทั้งสองคนมีวัยเด็กที่มีความสุขเป็นพิเศษ
“ท่านน้าหลิวหลี วัยเด็กของพวกข้ามีแต่กันและกันเท่านั้น แถมหาเพื่อนเล่นก็ไม่ได้ พวกเราจึงอยากโต”
“โตขึ้น พวกเจ้าจะต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย ราคาของการเติบโตมันสูงมาก พวกเจ้าแน่ใจนะว่าคิดมาดีแล้ว” หลิวหลีถามจริงจัง
“อื้ม พวกข้าอยากโตขึ้น” เด็กทั้งสองสบตากัน แล้วยืนยันกับหลิวหลี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับน้าเขยของเจ้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย อย่างไรเวลาสำหรับพวกข้า ให้เร็วขึ้นอย่างไรก็ไร้ประโยชน์” หลิวหลีเห็นเด็กทั้งสองยืนยันเช่นนี้จึงไม่พูดอะไรอีก นางเคารพความเห็นของเด็กๆ แค่หวังว่าอาเลี่ยกับอิงเสวี่ยออกจากฌานมาแล้วจะไม่กล่าวโทษนาง โตขึ้น ไม่ดีจริงๆนะ แต่จะเป็นเด็กตลอดไปก็ไม่ดีเหมือนกัน
Comments for chapter "ตอนที่ 300 อยากโตขึ้น"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
PPK
อ่าว..พ่อแม่เขายังไม่ได้เห็นวัยเด็กของลูกๆเลยนะ