แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 304 เยี่ยชิงขวงกับหลิวอิ๋ง
เด็กทั้งสองที่ได้ชื่อจริงมาก็พบว่า สุดท้ายก็เป็นชื่อที่ท่านน้าหลิวหลีที่พวกเขารักนักหนาเป็นคนตั้งให้ อีกทั้งยังพบว่าพ่อแม่ของพวกเขาเหมือนจะชอบชื่อจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยนมากกว่า เด็กทั้งสองประท้วงไปหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เหตุผลนั้นง่ายมาก เป็นเพราะอยู่ในหอกาลเวลา มิเช่นนั้นพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก หลังจากประท้วงไม่ได้สำเร็จ เด็กทั้งสองก็พบว่าใครใช้ให้พวกเขาเด็กที่สุดกัน คงต้องยอมรับชะตากรรมไป
ณ ดินแดนนภาสุวรรณ เยี่ยชิงขวงรู้สึกว่าตนเองมีเริ่มอยากจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียน แต่ก็ยังคงเลือนลางอย่างยิ่ง ดูเหมือนตนเองจำเป็นต้องออกเดินทางเสียหน่อย
ผลคือได้พบใบหน้าที่น่าสนใจในสถานที่แห่งหนึ่ง
“อ้าว นี่ไม่ใช่บริวารเด็กของเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาหรอกหรือ” มีคนจำหลิวอิ๋งได้
หลิวอิ๋งไม่พูดจา คำพูดล้อเลียนประเภทนี้ช่วงนี้นางได้ยินบ่อยแล้ว บ่อยจนทำให้นางชินชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางได้ยินมาว่ามีเซียนหยั่งรู้ฝาแฝดปรากฏตัวขึ้น น่าขันนัก ทำไม มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทำไมกันนะ
มีคนโจมตี หลิวอิ๋งฟาดอีกฝ่ายจนเขาล้มลงไปกองกับพื้น แม้ว่านางจะกลายเป็นเซียนหยั่งรู้ไม่ได้ แต่นางก็มีพลังบำเพ็ญเพียรในขั้นเซียนนภานพเก้า ไม่ใช่พวกไม่มีพลังอะไร เพียงแต่คนเรามักโดนขัดขาอยู่เสมอ หลิวอิ๋งเจอกับความล้มเหลวเป็นครั้งแรก ในวินาทีที่นางถูกฟาดล้มลงไปบนพื้น จนกระอักเลือดออกมา พร้อมกับสายตาเคียดแค้นไม่พอใจนั้นดึงดูดความสนใจของเยี่ยชิงขวงเข้า
“ขุนนางเซียน ช่วยเหลือแม่นางผู้นั้น” เมื่อเยี่ยชิงขวงออกคำสั่งเรียบร้อย ขุนนางเซียนที่อยู่ข้างๆก็ยื่นมือเข้าไปช่วยหลิวอิ๋ง
“เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงต้องช่วยข้า” หลิวอิ๋งขี้ระแวงอย่างมาก นางมองผู้ที่ช่วยเหลือตนอย่างระแวดระวัง ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ
“คุณชายของข้าให้ข้ามาช่วยเจ้า” ขุนนางเซียนก็เป็นคนเย็นชา นอกจากนายท่านของพวกเขา แม้แต่คำสั่งขององค์จักรพรรดิ เขาก็อาจจะไม่ฟัง
“คุณชาย” หลิวอิ๋งมองตามสายตาของขุนนางเซียน เพียงสบตาครั้งเดียว ใจของนางก็เต้นระรัว คนนี้คือคู่ชีวิตของนาง แม้ว่านางจะคลางแคลงใจในคำพยากรณ์ที่จักรพรรดิเซียนได้ทำนายให้ตอนที่นางจากมา แต่นางเชื่อว่าตนเองคงคิดไม่ผิดแน่ แต่กลับไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ในจุดที่จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ใช่ เรียบร้อย เจ้าปลอดภัยแล้ว” ขุนนางเซียนพูดจบก็เตรียมเดินจากไป
“ช้าก่อน คุณชายของพวกเจ้าต้องการกำลังคนหรือไม่ ข้าอยากทำงานให้คุณชาย” หลิวอิ๋งกล่าว
“เจ้าหรือ? มีแค่พลังเซียนนภานพเก้า ต่ำต้อยเกินไป” ขุนนางเซียนพูดอย่างไม่เกรงใจ
“อย่าดูถูกข้าเชียวนะ ข้าออกมาจากวังเซียนหยั่งรู้ แม้จะไม่ได้กลายเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตา แต่ข้าก็พอรู้อะไรบ้าง” หลิวอิ๋งเอ่ยอย่างมั่นใจ เรื่องนี้พวกจื่อถงยังไม่รู้ ทำไมนางจะต้องสร้างขีดจำกัดให้ตนเองด้วย
“ขุนนางเซียน รับนางไว้เถอะ” เยี่ยชิงขวงพูดจบก็เดินนำไปก่อน คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้จากการออกมาครั้งนี้ก็คือหญิงสาวผู้นี้ ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือข้าได้อย่างไรบ้าง อยากรู้เหลือเกิน ไม่ได้ข่าวหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนมานานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของพวกเขาสองคนอยู่ขั้นไหนกันแล้ว แต่เขามั่นใจว่า แค่ตนบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนก็จะเริ่มลงมือได้แล้ว สามารถพูดได้ว่าจักรพรรดิของเผ่ามารรัตติกาลกับจักรพรรดิของคนทั่วไปมีความคิดกันคนละแบบ พวกเขาต้องการแค่จักรพรรดิเซียนคนเดียวก็สามารถสร้างจักรพรรดิเซียนได้อีกเป็นร้อย
“ขอรับ” ขุนนางเซียนไม่เข้าใจนัก เหตุใดนายท่านถึงได้ให้คนนอกนี้อยู่ด้วย
หลิวอิ๋งดีใจรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
หลิวอิ๋งมองคนตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ที่แท้คุณชายก็คือนายท่านชิงขวง เจ้าตำหนักชิงขวงในตำนานแห่งดินแดนนภาสุวรรณ เหมือนฝันจริงๆ เมื่อเยี่ยชิงขวงกลับมาก็รีบเข้าฌาณ ตนเองรับรู้และลึกซึ้งในสิ่งต่างๆมากมาย ใกล้จะเข้าฌาณได้แล้ว ครั้งนี้ตนไม่จำเป็นต้องหาเชื้อพระวงศ์ที่เหลืออยู่ผู้นั้นก็สามารถได้เปรียบชิงข้อได้เปรียบของสายเลือดมาได้ โลกเซียนแห่งนี้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องเป็นของเขา เผ่ามารัตติกาลของพวกเขาจะกลับมาปกครองโลกเซียนอีกครั้ง
“เล่อถง ข้าจะทำให้ท่านรู้ ต่อให้ท่านเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาท่านก็ผิดได้” หลิวอิ๋งมาถึงที่พักของตนเอง นางหลับตาและลืมตาขึ้นมาพูดทันที ใช่ แม้ว่านางจะไม่อาจเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาได้ นางก็มีวิธีอื่นทำนายดวงชะตาเช่นกัน ในตอนนี้หลิวอิ๋งได้ก้าวไปผิดทางอย่างสมบูรณ์
ในตอนแรก ตั้งแต่ขุนนางเซียนจนถึงทหารสวรรค์ในตำหนักเยี่ยชิงขวงล้วนเป็นปฏิปักษ์กับหลิวอิ๋ง จนกระทั่งพวกเขาหลายคนออกไปปฏิบัติภารกิจ หลิวอิ๋งทำนายอันตรายให้พวกเขา คนกลุ่มนี้จึงค่อยๆเปลี่ยนความคิด
“ใช้ได้นี่ หลิวอิ๋ง สมกับเป็นคนจากวังเซียนหยั่งรู้ สามารถทำนายอันตรายได้”
“ใช่ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีฝีมือด้านนี้ด้วย”
ทุกคนกำลังเอ่ยชื่นชมหลิวอิ๋ง แต่ใบหน้านางยังคงนิ่งเฉย ทว่าในใจกลับรู้สึกพอใจมาก เล่อถง เจ้าเห็นหรือยัง ถึงข้าจะไม่อาจเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาได้ แต่ข้าก็ยังสามารถทำนายดวงชะตาได้ เจ้าพลาดแล้วที่ไม่ให้ข้าเป็นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตา เซียนหยั่งรู้ฝาแฝด น่าขัน ช่างน่าขันเสียจริง ความคิดของคนสองคนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร พวกเขาย่อมต้องมีความคิดของตนเองดังนั้นเซียนหยั่งรู้ดวงชะตาเช่นนั้นถึงได้น่าขัน
“เฮ้อ ข้าเตือนหลิวอิ๋งไปว่าอย่าได้เอาบุญคุณเล็กน้อยมาแบกไว้ทั้งชีวิต แต่นางไม่ฟัง แล้วยังแอบเรียนวิชาต้องห้ามนั่นอีก ทำนายชะตาได้แล้วอย่างไร” เล่อถงมองท้องฟ้าพึมพำกับตนเอง น้ำเสียงเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งความเสียใจ เพียงรู้สึกปลงเท่านั้น
ตอนที่เยี่ยชิงขวงล่วงรู้ หลิวอิ๋งก็กลายเป็นคนดังในตำหนักเขาไปแล้ว เยี่ยชิงขวงจึงเกิดสนใจ และวางแผนจะพบคนครึ่งเซียนผู้นี้
“คารวะนายท่าน” หลิวอิ๋งตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้คือคู่ชีวิตของนาง ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็สามารถทำเพื่อเขาได้
“ลุกขึ้นเถอะ ได้ยินมาว่าเจ้าสามารถทำนายดวงชะตาได้ ลองทำนายให้ข้าเป็นอย่างไร?” เยี่ยชิงขวงสนใจ
“ได้เจ้าค่ะ ได้ทำนายดวงชะตาให้นายท่านนับเป็นโชคดีของหลิวอิ๋ง” หลิวอิ๋งกล่าว แต่หลิวอิ๋งพบว่าตนเองจะพยากรณ์อย่างไรก็ไม่เห็นอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่กับคนอื่นก็ใช้งานได้ดี เหตุใดเมื่อถึงคราวของนายท่านถึงได้ไร้ผล แต่จะทำให้นายท่านผิดหวังไม่ได้ นางจึงเพิ่มพลัง แผดเผาพลังชีวิตหนึ่งในสามของตนเพื่อเสริมพลังเซียน นางกระอักเลือดออกมา และได้คำทำนายออกมา คุ้มค่านัก คุ้มค่าแล้ว
“ยินดีกับนายท่านด้วย ท่านจะได้เป็นผู้ปกครองสูงสุด” หลิวอิ๋งกล่าวพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก แต่หลังจากนั้นไม่ว่านางจะทำนายอะไร ก็ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ราวถูกอะไรบางอย่างบดบังไว้ คาดว่าคงเป็นเพราะนายท่านจะได้กลายเป็นผู้ปกครองสูงสุด แข็งแกร่งเกินไปจนไม่สามารถทำนายดวงชะตาหลังจากนั้นได้ ใช่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ตนถึงกับใช้พลังชีวิตหนึ่งในสามเสริมเพื่อพลังเซียน ต้องไม่ผิดแน่ แต่หากตนไม่สามารถบรรลุเป็นราชาเซียนได้ ชีวิตของตนก็จะเหลือเพียงหนึ่งหมื่นปีเท่านั้น ต่อไปนางจะไม่ทำนายแล้ว ต้องเพิ่งพลังของตนเองเพื่อจะได้แข็งแกร่งพอจะทำงานให้นายท่านได้
“ผู้ปกครองสูงสุดหรือ?” เยี่ยชิงขวงครุ่นคิด จักรพรรดิผู้ปกครองสูงสุดในใต้หล้าหรือ เป็นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ คนผู้นี้ก็มีความสามารถมากทีเดียว อีกทั้งไม่น่าผิดพลาด โชคชะตาของตนยิ่งใหญ่เพียงนี้ นางถึงกับกระอักเลือดถึงทำนายออกมาได้ คิดว่าคงเป็นเรื่องจริง โลกเซียนเป็นของเขาอย่างที่คิดไว้ ฮ่าๆ เช่นนี้เขาก็ยิ่งบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนได้อย่างสบายใจ
“เจ้าออกไปเถอะ ขุนนางเซียน นำยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ดีที่สุดมอบให้หลิวอิ๋ง สตรีกระอักเลือดออกมาคงไม่ดีนัก” รอยยิ้มจอมปลอมนั้นทำให้หลิวอิ๋งถลำลึกลงไปมากยิ่งขึ้น คิดว่าทุกสิ่งที่นางทำนั้นคุ้มค่าแล้ว