แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 332 ดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพง (นอกใจ,คบชู้)
จากที่หนานกงเวิ่นเทียนทำความเข้าใจในสภาพภูมิศาสตร์ต่างๆก่อนล่วงหน้า ทำให้หลิวหลีสามารถหาสถานที่เรียนของศิษย์ระดับล่างได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงก้อนเมฆประหลาด ด้านบนปรากฏข้อมูลขึ้นมาเป็นครั้งคราวซึ่งผู้คนต่างยื้อแย่งกัน พวกเขาแย่งกันด้วยวิธีประชาธิปไตย ใครมาก่อนได้ก่อน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
“เป็นประชาธิปไตยไม่เบาเลยนะเนี่ย” หลิวหลีกล่าวพลางลูบคาง
พอมองภารกิจบนก้อนเมฆ นางก็พบว่าสิ่งที่ตนสนใจมีไม่มากนัก
“ศิษย์น้องหลิวหลี เจ้าอยู่ที่นี่เองหรือ ตามข้ามาลงทะเบียนก่อนเถอะ” สวีโจวเจอเข้ากับหลิวหลี คิดไม่ถึงว่าศิษย์น้องผู้นี้จะตามหาที่แห่งนี้พบ สามีผู้เป็นศิษย์ระดับพิเศษผู้นั้นน่าจะเป็นคนบอกนางกระมัง
“เป็นศิษย์พี่สวีโจวนี่เอง” หลิวหลีมีมารยาทมากทีเดียว
“ศิษย์น้อง ภารกิจพวกนี้เจ้ายังรับไม่ได้หรอกนะ เจ้ายังไม่ได้ทำป้ายชื่อศิษย์ จะแย่งภารกิจด้านบนไม่ได้” สวีโจวอธิบาย ศิษย์น้องผู้นี้ทะเยอทะยาน ดูจากความรักของสองสามีภรรยาแล้วคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็คงจะบรรลุพลังบำเพ็ญเพียรในขอบเขตเทพระดับกลาง ระดับขอบเขตพลังของพวกเขาต้องไม่ต่างกันมากไปถึงจะดี
“ลำบากศิษย์พี่แล้ว” นางเข้าใจทันที ตนเองยังไม่สามารถแย่งภารกิจได้ นางสังเกตอย่างละเอียดจึงพบว่าพลังเทพที่คนเหล่านี้ปล่อยออกมาล้วนที่มีมาจากป้ายแผ่นหนึ่ง น่าจะเป็นป้ายชื่อประจำตัวสินะ
“ศิษย์น้องหลิวหลี เชิญทางนี้” สวีโจวรู้สึกเสียดายเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าศิษย์น้องที่น่ารักขนาดนี้จะมีเจ้าของแล้ว หากสามีของนางไม่ประกาศตัดสัมพันธ์ พวกเขายังคงเป็นคู่ครองกันอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นระดับขอบเขตพลังที่ต่ำเช่นนี้พวกเขาเองก็น่าจะมีโอกาสเช่นกัน
“ขอบคุณท่านแม่ทัพเทพมาก” หลิวหลีกล่าวอย่างมีมารยาท ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงประกาศของภารกิจ เพียงแต่ถ้าจะต้องไปแย่งถึงที่ก็คงดูไม่งามเท่าไรนัก หลิวหลีกล่าวลาสวีโจว ระหว่างทางนางได้ลองใช้พลังจิตสัมผัสควบคุมป้ายชื่อของตน แล้วจึงพบว่ามีงานผู้ช่วยอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์แต่กลับไม่มีใครยื้อแย่งกัน ไหนบอกกันว่านักปรุงยาไปที่ไหนก็สุขสบายไม่ใช่หรืออย่างไร ภารกิจนี้ไม่มีใครแย่ง จึงไม่สามารถประกาศภารกิจถัดไปได้ ทุกคนต่างรอคอยคนมารับกรรม
สุดท้ายพวกเขาก็ค้นพบว่าภารกิจถูกแย่งไปแล้ว ส่วนผู้ที่แย่งไปก็คือผู้บำเพ็ญหญิงที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ศิษย์น้องผู้นี้ เจ้ารับงานผู้ช่วยอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงไปหรือ” แล้วจึงพบว่าเป็นเทพระดับล่างเหมือนพวกเขา แถมยังเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย จึงเกิดเห็นใจ อดเอ่ยปากเตือนนางไม่ได้
“ใช่สิ พวกเจ้าไม่มีใครแย่งกันไม่ใช่หรือ บังเอิญข้าเคยเป็นนักปรุงยามาก่อนพอดี ไปเรียนรู้สักหน่อยคงมีส่วนช่วยได้มาก” หลิวหลีออกตัวว่าเป็นความต้องการของนาง แต่กลับพบว่าทุกคนมองนางด้วยแววตาสงสาร งานนี้ไม่ดีหรือนี่
“ศิษย์น้อง อาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงมีนิสัยแปลกพิกล ศิษย์น้องระวังตัวด้วยนะ”
“ขอบใจศิษย์พี่มาก” พอหลิวหลีพูดจบก็เดินตามการนำทางของป้ายประจำตัวไปหาอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงท่านนี้ ที่แท้ป้ายชื่อประจำตัวก็ทำเช่นนี้ได้ นางยังกังวลอยู่เลยว่าจะตามหาอย่างไร ส่วนเรื่องนิสัยแปลกพิลึกนั่นหลิวหลีไม่คิดเช่นนั้น ต้องเจอกันแล้วถึงจะรู้
“ท่านอาจารย์หลง ศิษย์น้องที่รับทำงานมาแล้วขอรับ” ซ่งอีฝานใบหน้าเรียบเฉยแต่ในใจกลับกู่ร้อง ดีเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็ทนจนมีคนมารับกรรมแทนได้แล้ว
“ส่งต่องานแล้ว เจ้าก็กลับไปเถิด” เสียงของอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงดังลอยมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นศิษย์น้องรักษาตัวด้วย” พอซ่งอีฝานพูดจบก็วิ่งหนีไปทันที ทิ้งหลิวหลีที่งุนงงไว้ ในเมื่อรู้สึกว่าอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงเป็นหายนะ แล้วเหตุใดจึงเลือกทำภารกิจนี้ นางจึงออกไปดูคลังเก็บยาที่เละเทะ หญ้าเทพศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาด ถ้านางเป็นอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงก็คงอารมณ์เสียเหมือนกัน จะได้ทำความสะอาดและทำความคุ้นเคยกับพืชเทพศักดิ์สิทธิ์ของโลกเทพไปด้วย ในเมื่อมาสถานที่ใหม่ทุกอย่างก็ต้องเริ่มจากศูนย์
และตอนนี้ประสาทเซียนของหลิวหลีแบ่งออกเป็นหมื่นสาย ทำสิบอย่างพร้อมกันก็ยังได้ หลงเหยียนจิ่งเข้ามาก็เห็นว่าหลิวหลีเก็บข้าวของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งตรวจสอบดูแล้วของก็ไม่ได้วางผิดที่แถมยังละเอียดรอบคอบอีกด้วย สิ่งที่ทำให้เขายอมรับที่สุดก็คือนางสามารถแบ่งจิตทำหลายอย่างพร้อมกันได้ ถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการปรุงยา แต่อย่างไรหลงเหยียนจิ่งก็ยังตั้งใจจะลองสังเกตดูอีกหน่อย แล้วจึงจากไป
“อาจารย์ปรุงยาผู้นี้แปลกตรงไหนกัน เห็นๆกันอยู่ว่าคนพวกนี้ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างทำอะไรมั่วซั่วไปหมดจนเขาพลอยพิลึกไปด้วยมากกว่า” หลิวหลีเห็นว่าเขาไปแล้วจึงบ่นงึมงำอย่างระมัดระวัง นางรู้สึกได้ถึงการมาเยือนของหลงเหยียนจิ่งแต่นางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วทำหน้าที่ของตนเอง ดูแล้วความประทับใจครั้งแรกคงดีมากทีเดียว
วันต่อมาหลิวหลีก็ได้เห็นหญ้าเทพศักดิ์สิทธิ์ใหม่ทุกวัน เก็บกวาดห้องยา มีหญ้าเทพศักดิ์สิทธิ์บางส่วนที่หลิวหลีหยิบเอาออกมาตากบ้างเป็นครั้งคราว และไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่แต่นางค้นเจอตำราบันทึกหญ้าเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สลักอักษรไว้ หลิวหลีจดจำลำดับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งสร้างความพอใจให้หลงเหยียนจิ่งที่ดูอยู่
คนด้านนอกต่างพากันชมเปาะด้วยความประหลาดใจ ศิษย์น้องคนนี้ใช้มารยาหญิงหรืออย่างไร เหตุใดอาจารย์ปรุงยาเทพศักดิ์สิทธิ์หลงถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้ เวลาผ่านไปก็นานแล้วแต่ยังไม่เคยระบายโทสะเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาก็เคยมีนักบำเพ็ญหญิงโฉมงามมาเป็นผู้ช่วยเขามาก่อน แต่สุดท้ายก็ถูกไล่ออกมา ผลคือมีคำเล่าลือมากมายเกี่ยวกับเขาว่อนทั่วสำนัก
หนานกงเวิ่นเทียนมาถึงสถานที่สำหรับศิษย์ระดับพิเศษของตนเอง หาที่ปลีกวิเวกสักแห่งแล้วก็เข้าสู่ห้วงบำเพ็ญในเวลาไม่นาน แล้วบรรลุขอบเขตเทพสวรรค์อย่างราบรื่น ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่หนานกงเวิ่นเทียนกลับรู้สึกสมเหตุสมผล เขาค้นพบว่าน้องหญิงของเขาจงใจชดเชยให้เขา ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พัฒนาได้เร็วขนาดนี้
พอหนานกงเวิ่นเทียนออกจากฌาน แววตาทุกคนที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ ผู้ถูกเลือกผู้นี้ยังไม่สลัดฮูหยินที่ไม่คู่ควรของเขาทิ้ง แต่หญิงผู้นั้นชิงนอกใจเขาไปก่อน
หนานกงเวิ่นเทียนทำสีหน้าเย็นชา ทำไมจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาจงใจพูดให้ฟัง กระทั่งจงใจเน้นย้ำด้วยซ้ำ และมุ่งหน้าไปหาหลงเหยียนจิ่งทันที
“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว” ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนที่ไม่ขัดสนเรื่องเงินที่สุดก็คือพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนี่แหละ
ส่วนฝั่งหลิวหลี ในที่สุดนางก็จำวิธีการใช้ ลักษณะพิเศษทางธรรมชาติ และวิธีการเก็บเกี่ยวของหญิงเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในห้องเก็บยาได้ขึ้นใจ เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยลอยเข้ามา เหตุใดสามีของนางถึงมาที่นี่
“ท่านพี่ ท่านมาได้อย่างไรหรือ?” น้ำเสียงของหลิวหลีตกใจ
“ได้ยินมาว่าน้องหญิงมีความสุขกับชู้รักดี สามีที่ถูกต้องตามธรรมเนียมอย่างข้าเลยอดที่จะมารอดื่มชากับชู้รักของเจ้าไม่ได้” หนานกงเวิ่นเทียนพูดด้วยความแค้นใจ ถึงแม้เขาจะรู้ว่านอกจากเขาแล้วน้องหญิงคงไม่เลือกใคร แต่พอได้ยินเช่นนั้นก็อดริษยาไม่ได้
“ท่านพี่ เรื่องล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลยนะ” หลิวหลีชักสีหน้า นี่ใครใส่ร้ายนางขนาดนี้กัน คงไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้วสินะ
“น้องหญิง ข้าทำงานกับเจ้าแล้วกัน” หนานกงเวิ่นเทียนตัดสินใจในสิ่งที่ชวนตกใจออกมา จนหลงเหยียนจิ่งที่ถูกเข้าใจว่าเป็น ‘ชู้’ ข้างๆพูดไม่ออก สองคนนี้ก็ช่างรักกันเหลือเกิน เขายืนอยู่ด้านข้างมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นอีก
“ท่านพี่ ท่านไม่ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรแล้วหรือ สิทธิประโยชน์ของศิษย์ระดับพิเศษดีจะตายไป ประหยัดไปตั้งมาก ท่านพี่ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ข้ากำลังรอให้ท่านพี่เก่งขึ้นกว่านี้แล้วอ้างชื่อท่านเพื่อเบ่งอยู่นะ” พอหลิวหลีรู้สิทธิประโยชน์ของศิษย์ระดับพิเศษ นางก็รู้สึกว่าต้องเอาใจสามีตนเอง
“ก็ได้ ถึงจะรู้ว่าข่าวที่เขาลือกันเป็นเรื่องโกหก แต่ข้าก็ยังโกรธอยู่ดี” หนานกงเวิ่นเทียนทำเว้าวอนขอคำปลอบใจ
“ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราอยู่ในถิ่นของคนอื่น ต้องสำรวมหน่อย ท่านพี่ก็รู้ว่าพวกเขาต่างกำลังเดิมพันกันอยู่ว่าท่านพี่จะสลัดข้าทิ้งเมื่อไร ข้าต้องเป็นฝ่ายรู้สึกร้อนใจต่างหาก” หลิวหลีพูดออกไปเช่นนั้น แต่สีหน้ากลับไร้ซึ่งความกลัว
“น้องหญิง เรื่องนี้ไม่ตลกเลยนะ” หนานกงเวิ่นเทียนตำหนิ เจ้าคนตาบอดพวกนี้ไม่รู้เลยว่าฮูหยินของเขาสุดยอดขนาดไหน