แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 333 เป็นญาตินี่เอง
“แค่กๆ พวกเจ้าสองสามีภรรยาแสดงความรักประเจิดประเจ้อในที่ของคนอื่นเช่นนี้จะดีหรือ?” หลงเหยียนจิ่งอดพูดไม่ได้ มองไม่เห็นนิสัยแปลกพิลึกหรือไม่น่าคบหา
“ท่านอาวุโสหลง ท่านเห็นคู่รักคุยกันเรื่องส่วนตัวก็ไม่รู้จักหลบไปที่อื่นเช่นนี้ดีหรือ?” หลิวหลีเอ่ยพลางกลอกตา
“นี่นังหนู อยู่ๆก็โทษข้าเสียได้” หลงเหยียนจิ่งเลิกคิ้ว นังหนูนี่ไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด อย่านึกว่าเขาไม่รู้ว่ากลุ่มคนด้านนอกเรียกเขาว่าอย่างไร
“ข้ามิบังอาจ เพียงแต่ท่านอายุมากแล้ว สายตาไม่ดีก็เข้าใจได้” หลิวหลีทำสีหน้าว่าเข้าอกเข้าใจ
นางพูดว่าเขาอายุมากแล้วแต่เขากลับไม่โกรธสักนิด นังหนูคนนี้ถูกใจเขามาก โดยเฉพาะมีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาทำให้เขาเสียดายในความสามารถ อีกอย่างเขารู้สึกคุ้นเคยกับนางหนูนี่อยู่บ้าง
“ท่านอาวุโส รบกวนท่านแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
“ไม่จำเป็นหรอก เจ้าโด่งดังนัก ตามที่เล่าลือมาเจ้าเป็นถึงผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์” หลงเหยียนจิ่งพอใจในตัวหนานกงเวิ่นเทียนมาก เขาเป็นศิษย์ระดับพิเศษ ในวันข้างหน้าสามารถเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพได้ เสียดายที่ตอนแรกเขาไม่มีพรสวรรค์นี้ และก็ไม่รู้ว่าสกุลของเขายังมีคนบรรลุเป็นเทพบ้างหรือไม่ เฮ้อ
“ก็ไม่เท่าไรหรอกขอรับ” หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้ถ่อมตนเพียงแต่เขาพูดความจริงทั้งสิ้น
“ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวหรอก” หลงเหยียนจิ่งพูดพลางอมยิ้ม หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดอะไรต่อ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อเขา
“ท่านพี่ ข้าไม่มีอะไรจริงๆนะ ท่านพี่เป็นเด็กดีกลับไปฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเถอะ ข้าสบายมาก” หลิวหลีไล่ให้หนานกงเวิ่นเทียนกลับไปบำเพ็ญเพียรต่อ
“หลงหลิวหลี เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้าขนาดนั้นเลยหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนเรียกชื่อนางเต็มยศ
“เมื่อครู่เจ้าเรียกนางว่าอะไรนะ?” หลิวหลียังไม่ทันได้ตอบ หลงเหยียนจิ่งก็มีท่าทีตกใจเล็กน้อย เขาแค่รู้สึกว่านังหนูคนนี้ทำงานได้ไม่เลว แต่ไม่เคยเอ่ยถามชื่อแซ่ของนางเลย ในเมื่อแซ่หลง เช่นนั้นก็ต้องถามสักหน่อยแล้ว
“หลงหลิวหลี ท่านอาวุโส ข้ามีนามว่าหลงหลิวหลี” เฮ้อ การจิกกัดแบบนี้ของท่านพี่ไม่ไหวเลย ว่าแต่ชื่อของนางมีปัญหาอะไรหรือ
“ใช่สกุลหลงที่สามารถทำพันธสัญญากับ 5 เผ่าอสูรเทพได้หรือไม่?” หลงเหยียนจิ่งถามต่อ
“ใช่เจ้าค่ะ” หลงหลิวหลีออกตัวว่านางเข้าทำเนียบสกุลแล้ว ถือได้ว่าเป็นคนสกุลหลง
หลงเหยียนจิ่งดีใจ มิน่าเขาถึงรู้สึกว่านังหนูคนนี้เก่งในทุกด้าน ในเมื่อเป็นคนสกุลหลงทายาทของเขา ความรู้สึกคุ้นเคยที่ว่านั้นน่าจะเป็นเพราะมีสายเลือดเดียวกันกระมัง แต่เรื่องนี้ก็พอจะพิสูจน์ได้ หลงเหยียนจิ่งปล่อยแรงปฏิกิริยาตอบสนองของสายเลือดออกมา เลือดในกายหลิวหลีที่อยู่ตรงหน้าสั่นกระเพื่อม นี่เป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน
“เป็นสายเลือดสกุลหลงของข้าจริง ๆ ดี ดี ดีมากเลย” หลงจิ่งเหยียนเอ่ยคำว่าดีสามครั้งติดต่อกัน เพื่อแสดงความดีใจของเขา
หลิวหลีพูดไม่ออก ดันมีญาติพี่น้องอยู่ทุกที่ ไปที่ไหนก็เจอทำเอานางมึนงงไปหมดแล้ว จู่ๆหนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกว่าตนเป็นกังวลมากเกินไป เขางี่เง่าเกินไปหรือเปล่า
“ข้าควรชมตัวเองหน่อยไหม” หลิวหลีรู้สึกว่าต้องชื่นชมตัวเองสักหน่อย สายตากว้างไกลอะไรขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาทำงานจนเจอญาติของตนเองได้ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจบ้างไหมล่ะ
“ต้องชมตัวเองหน่อยแล้ว หลิวหลีใช่ไหม เจ้าเป็นคนแรกที่บรรลุขั้นแล้วมาทำภารกิจกับญาติ แต่เจ้าเหมาะกับเส้นทางการปรุงยานัก ตอนอยู่โลกเบื้องล่างเจ้าทำอะไร” หลงเหยียนจิ่งถาม
“อืม เป็นนักปรุงยาเจ้าค่ะ” หลิวหลีตอบกลับ งานหลักเป็นเจ้าตำหนัก ส่วนงานรองเป็นนักปรุงยา อืม…ก็ไม่ถือว่าโกหก
“เช่นนั้นเจ้าหนุ่มนี่คงเป็นคนของบ้านสกุลหนานกงสินะ เป็นเพราะถูกสถานะของผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเหมันต์กลบจนมิดเลยไม่ทันสนใจเรื่องนี้ อาจารย์เทพอาวุธหนานกงซิ่นคงเป็นสายเลือดเดียวกับเจ้า หากมีเวลาก็ลองไปเยี่ยมเยียนเขาหน่อยแล้วกัน” หลงเหยียนจิ่งพอใจในตัวหนานกงเวิ่นเทียนที่ทำตัวติดหนึบกับนังหนูทายาทเขา สถานะศิษย์ระดับพิเศษจะเป็นที่พึ่งพาให้นังหนูของเขาที่เป็นศิษย์ทั่วไปได้ดีที่สุด อืม คิดว่าคงจะแยกจากกันไม่ได้ เช่นนั้นเขาช่วยอีกแรงแล้วกัน
“ขอบคุณท่านอาวุโสมาก” หนานกงเวิ่นเทียนคิดไม่ถึงว่าหลิวหลีแค่เลือกภารกิจมั่วๆก็เจอญาติตนเอง เรื่องโชคดีแบบนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ในที่สุดตนก็จากไปได้อย่างวางใจ นี่เป็นบรรพชนของนาง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“อืม นังหนู เจ้าหนุ่ม พวกเจ้าต่างก็เพิ่งบรรลุขั้นหรือ? ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของพวกเจ้ามาก่อน คลื่นลูกใหม่น่ากลัวจริง ๆ” หลงเหยียนจิ่งยิ่งเห็นสองคนนี้ก็ยิ่งพึงพอใจ แต่พอมองๆไปก็พบว่าออกจะแปลกชอบกล
“พวกเจ้าเพิ่งจะอายุหมื่นปีเศษหรือนี่” หลงเหยียนจิ่งไม่อยากจะเชื่อ นี่ยังหนุ่มยังสาวกันอยู่เลย ไม่รู้ว่าข้ามหน้าคนมากี่รุ่น เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างแต่ก็รีบทำท่าทีจริงจังทันที
“นี่คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมเจ้าคะ” หลิวหลีรู้สึกว่าอายุของตนไม่เป็นปัญหาอะไร
“พวกเจ้าตามข้ามา” หลงเหยียนจิ่งทำท่าทีจริงจัง หากอายุเพิ่งหมื่นปีเศษแบบนี้ต้องมีปัญหาแล้วล่ะ 5 เผ่าอสูรเทพกับราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ราชาเทพแห่งดวงดาว (ซิงซิ่ว) จะเข้าฌานเคยทำนายให้คนสกุลหลงของเขาว่าจะมีเด็กรุ่นหลังที่เพิ่งอายุครบหมื่นปีคนหนึ่งนำพาให้สกุลหลงของเขาเข้าสู่ช่วงรุ่งโรจน์อีกครั้ง หรือว่าจะเป็นนังหนูคนนี้นะ ดูไม่ออกจริงๆ
หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนสบตากัน พวกเขารู้สึกว่าอายุของตนเองไม่น่าจะเป็นปัญหา บรรพชนคนใหม่ล่าสุดคนนี้คิดจะทำอะไร แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย จึงตามเขาไป
“ที่นี่มีเขตแดนของท่านอาวุโสสกุลหลงเรา สามารถขัดขวางการสอดส่องของราชาเทพ คุยกันที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย” หลงเหยียนจิ่งเอ่ย
“ไม่รู้ว่าท่านอาวุโสพูดถึงเรื่องอะไรหรือ?” หลิวหลีเอ่ยถาม
“นังหนู ดูแล้วเจ้าไม่เหมือนศิษย์ระดับล่างคนหนึ่งเลย กลับเหมือนศิษย์ระดับพิเศษมากกว่า” หลงเหยียนจิ่งพูดความคิดของตนเองออกมา เขาไม่เคยเจอกรณีที่สามีเป็นศิษย์ระดับพิเศษแต่คู่ครองเป็นเพียงศิษย์ระดับล่างเช่นนี้มาก่อน และ หากไม่เอาอกเอาใจอีกฝ่ายให้ดี ท้ายที่สุดก็จะถูกทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แต่สองสามีภรรยาคู่นี้กลับกัน ฝ่ายที่เป็นศิษย์ระดับพิเศษกลับคอยเอาอกเอาใจฝ่ายที่เป็นเพียงศิษย์ระดับล่าง แถมยังทำตัวติดหนึบแบบนี้ ออกจะดูผิดปกติอยู่บ้างทีเดียว
“ท่านอาวุโส ท่านคิดมากไปแล้วจริง ๆ ท่านก็เห็นแล้วว่าข้าเป็นศิษย์ระดับล่างจริง ๆ อีกอย่างพลังบำเพ็ญเพียรแค่นี้ของข้า ท่านใช้เวลาแค่แวบเดียวก็มองออกแล้ว” หลิวหลีไม่ยอมรับเพราะถึงอย่างไรเขาก็มองไม่ออก หนานกงเวิ่นเทียนบริสุทธิ์ใจ เขากับน้องหญิงของเขารักกันก็ผิดหรือ โลกเทพช่างซับซ้อนนัก ไม่รู้ว่ามีดวงตากี่คู่คอยจับจ้องว่าเขาจะเลิกรากันเมื่อไหร่
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น นังหนู บัดนี้ระยะห่างของพวกเจ้ายังไม่มากคงไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเจ้านักหรอก หากพลังบำเพ็ญเพียรสูงขึ้น ระยะห่างของพวกเจ้าก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะยังรักกันเหมือนเคยหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้” หลงเหยียนจิ่งเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองด้วย และออกจะปรามาสเล็กน้อย
“ขอรับท่านอาวุโส ข้าจะพยายาม” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า ท่านอาวุโสพูดถูก ที่จริงแล้วน้องหญิงของเขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ตัวเขาเองต้องพยายามให้มากขึ้นแล้ว
เป็นเพราะเขาสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจนหรือเพราะเหตุใด เหตุใดเด็กสกุลหนานกงที่เป็นศิษย์ระดับพิเศษถึงได้ฮึกเหิมขึ้นมา แต่นังหนูทายาทของเขากลับไม่มีปฏิกิริยาใด
“ข้าจะสู้ๆ” หลิวหลีเข้าใจทันที นี่กำลังรอดูท่าทีของตนเองหรือ? หลงเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตนอาจจะกำลังทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ มองอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนคนที่จะนำพาสกุลหลงของพวกเขาให้รุ่งโรจน์อีกครั้งได้เลย
“นังหนู พรุ่งนี้เจ้าเข้าห้องโอสถไปกับข้า ข้าจะสอนเจ้าปรุงยา”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลิวหลีดีอกดีใจ นี่คือความแตกต่างของการที่มีผู้อาวุโสคอยช่วยเหลือ