แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 344 ขอความร่วมมือในเวลาที่อ่อนแอ
“ออกเดินทางได้หรือยัง?” หลิวหลีถาม
“ศิษย์พี่หลงเชิญนำทาง” หลายคนพบว่าความจริงแล้วหลงหลิวหลีเข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี ตอนพวกเขาอยู่กลุ่มกับศิษย์ระดับพิเศษคนอื่นไม่เคยมีใครถามพวกเขามาก่อนเลยว่าพวกเขาปรับตัวได้หรือไม่ หากตนเองหลบไม่ทันก็จะบอกว่าพวกเขาโง่เขลาสิ้นดี ไม่เคยใส่ใจพวกเขาเช่นนี้มาก่อน
“ศิษย์ระดับสูงสองคนออกมาเป็นกองหลัง ศิษย์ระดับกลางอยู่ข้างๆฝั่งละสองคน ศิษย์ระดับต้นอยู่ตรงกลาง ทางที่ดีที่สุดให้จับคู่กันไว้ หากเจออันตรายจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ” หลิวหลีพูดจบก็เดินนำออกไปก่อน
16 คนนี้มีตื่นเต้น สับสนบ้าง เข้าใจบ้าง การจัดขบวนที่ตายตัวก่อนหน้านั้น ศิษย์ระดับพิเศษจะอยู่ตรงกลาง ศิษย์ระดับสูงข้างหน้าจะนำศิษย์ระดับกลางอยู่สองคน ศิษย์ระดับสูงที่อยู่ด้านหลังก็นำศิษย์ระดับกลางอีกสองคน ด้านข้างแบ่งศิษย์ระดับต้นออกเป็นฝั่งละห้าคน คุ้มกันศิษย์ระดับพิเศษไว้อย่างดี
แต่นี่กลับกลายเป็นศิษย์ระดับพิเศษดูทาง คุ้มกันศิษย์ระดับต้นไว้ด้านในที่สุด ผลสรุปคือพวกเขาพบว่าพวกเขาคิดผิดแล้ว หลิวหลีเปลี่ยนรูปแบบขบวนอยู่บ่อยครั้ง แต่หลิวหลีจะอยู่ด้านหน้าสุดตลอด ไม่นานใจของทุกคนก็จดจ่อไปที่หลิวหลี เงาดำที่อยู่ด้านหลังลอบพยักหน้ากับตัวเอง แต่เป็นเพียงการเดินทางสั้นๆ นังหนูคนนี้จะสามารถมองเห็นจุดแข็งของทุกคนได้อย่างชัดเจน การจัดกลุ่มของนางถือว่าสมบูรณ์แบบ
จนหลิวหลีมาถึงก็เห็นอสูรวารีกำลังทำเรื่องอุกอาจอย่างยิ่ง
“นกน้อยทำรังแต่พอตัว อสูรวารีตัวนี้ไม่ถือว่าเก่งกาจอะไร ข้าให้พวกเจ้าเปิดศึกก่อน พวกเจ้าบุกไปได้เลย พัฒนาฝีมือกันสักหน่อย” หลิวหลีพูดจบ ก็ไปยืนดูด้านข้าง ศิษย์ระดับสูงจึงพุ่งตัวเข้าไปก่อน เมื่อคนที่เหลือเห็นจึงพุ่งตามเข้าไป พวกเขาต่อสู้กันอย่างห้าวหาญ แต่หลิวหลีกลับถอนหายใจ เฮ้อ ทุ่มแรงกันมากเกินไป พละกำลังในช่วงหลังจะไม่เพียงพอ หลิวหลีไม่ชอบใจคนเหล่านี้เลยสักนิด
เงาดำมองหลิวหลีอย่างสนอกสนใจ นังหนูผู้นี่ช่างน่าสนใจ ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นจากไอน้ำ หน้ากากป้องกันของหลิวหลีก็เพิ่มความหนาขึ้นอีกชั้น คิ้วถึงได้คลายออกจากกัน
ไม่นานนักก็มีศิษย์คนหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่พอ จนเกือบถูกถูกอสูรวารีโจมตีใส่ แต่ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงสีฟ้าน้ำทะเลปรากฎขึ้นและสังหารรอสูรวารี ส่วนตัวคนนั้นก็ถูกหลิวหลีหอบกลับขึ้นฝั่ง แต่เวลาผ่านไปไม่นานคนไม่น้อยก็เริ่มทยอยกันหมดแรง ถูกหลิวหลีพากลับขึ้นฝั่งไปทีละคน จนกระทั่งหลิวหลีพาศิษย์คนสุดท้ายกลับถึงฝั่ง หลิวหลีถึงได้ปล่อยเพลิงเทพออกไปอย่างไม่เกรงใจ อสูรวารีได้ยินเสียงเรียกจึงถอยกลับไป
ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมากี่ครั้ง ทุกคนพบว่าเวลาต่อสู้กับอสูรวารีของพวกเขานานขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งหลิวหลีก็ไม่ฆ่าอสูรวารี แต่กลับทำร้ายมันจนบาดเจ็บและให้พวกเขาต่อสู้ต่อ
“ศิษย์พี่หลง ทำไมท่านถึงทำให้อสูรวารีได้รับบาดเจ็บเท่านั้น” มีคนทนไม่ได้จึงแย้งออกมา
“ไม่ได้ใช้พลังเต็มที่” คำพูดของหลิวหลีทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
“ศิษย์พี่รอให้พวกเราหมดแรงก่อนถึงจะยื่นมือมาช่วยพวกเราหรือ?” มีคนเข้าใจทันที ศิษย์พี่หลงกำลังฝึกฝนพวกเราอยู่ หากไม่อันตรายต่อชีวิต นางก็จะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง
“ใช่ พวกเจ้าบางคนพอเห็นคนหนึ่งหมดแรงก็เริ่มไม่มีแรงตาม เป็นเช่นนี้จะออกมาทำภารกิจทำไมกัน” หลิวหลีพูดอ้อมๆ ไม่ได้พูดออกไปตรงๆว่าคนเหล่านี้ใจเท่าปลายเข็ม คนเยอะขนาดนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือ ยังต้องคอยดูว่าช่วยใครไปแล้วบ้าง แถมยังต้องรับมือกับอสูรวารีอีก
คำพูดของหลิวหลีทำให้หลายคนละอายใจ นั่นหมายความว่าภารกิจสามารถเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วได้ แต่ศิษย์พี่หญิงต้องการที่จะฝึกพวกเขา เมื่อคิดแบบนี้แล้วทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ศิษย์พี่มีพลังบำเพ็ญเพียรเป็นเช่นไร แต่กลับเสียเวลามาช่วยพวกเขา พวกเขาไม่ควรเอาเปรียบนาง
“ศิษย์พี่ พวกข้าช่างโง่เขลา” ลู่หลงกล่าวอย่างละอายใจ แม้ว่าเขาจะไม่เคยแอบเอาเปรียบคนอื่น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิวหลีต้องทำเช่นนี้
“อสูรวารีที่เก่งกาจยังไม่ออกมา นี่เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเจ้าจะได้ฝึกฝน ไม่เสียเวลา” หลิวหลีเอ่ยด้วยความจริงใจ เฮ้อ ที่จริงแล้วนางรู้สึกเบื่อหน่าย เรื่องสนุกสนานในโลกเทพช่างมีน้อยยิ่งนัก
“ขอรับ ศิษย์พี่”
จากนั้นทุกคนจึงรวมพลังกันพุ่งโจมตี พวกเขาคิดว่าจะได้รับคำชมจากหลิวหลี แต่กลายเป็นว่ามองไม่ออกว่าสีหน้าของหลิวหลีมีความดีใจหรืออะไรอยู่ พวกเขาทำผิดตรงไหนอีก
“ศิษย์พี่หลง เหมือนว่าพวกเรายังทำตรงไหนผิดไป พวกข้าโง่เขลา ไม่ทราบว่าศิษย์พี่จะช่วยบอกเราได้หรือไม่” ลู่หลงทำใจกล้าถาม
“อืม ข้าจำได้ว่าระหว่างทางที่มา ข้าเปลี่ยนรูปแบบขบวนอยู่หลายแบบ ทุกคนรู้ความนัยที่แฝงอยู่หรือไม่?” หลิวหลีถาม
ทุกคนต่างนึกถึงภาพเหตุการณ์ระหว่างทาง ศิษย์พี่หลงเปลี่ยนรูปแบบขบวนอยู่หลายครั้ง ไม่ใช่เพราะนึกสนุก เช่นนั้นแล้วเป็นเพราะเหตุใดกันแน่
“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นการให้ความร่วมมือกัน พวกเราสลับคู่กัน นอกจากครั้งแรกที่เป็นการยืนตามใจชอบแล้ว การปรับเปลี่ยนหลังจากนั้นดูเหมือนว่าเพราะแต่ละคนมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง ปรับเปลี่ยนจนได้ขบวนครั้งสุดท้ายที่ดีที่สุด ศิษย์พี่หลงต้องการให้พวกเราร่วมมือกันฆ่าอสูรวารีหรือ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งกล่าว พูดจนทุกคนเข้าใจในทันที
“ใช่แล้ว ความสามารถของพวกเจ้าแต่ละคนนั้นน้อยเกินไป” คำพูดของหลิวหลีทำเอาทุกคนก้มหน้างุด ถึงเป็นเรื่องจริง แต่ศิษย์พี่ก็ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆขนาดนี้ก็ได้
“แต่หากร่วมมือกันอย่างเหมาะสม พลังต่อสู้ของพวกเจ้าจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ข้าไม่พูดมากแล้วกัน หากพวกเจ้าเชื่อใจข้า เชื่อใจสหาย ก็มาลองดูกัน ข้าไม่บังคับ” หลิวหลีกล่าว
ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อหลิวหลี ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเลือกคู่หูของตนเอง ผลคือ
“ขอขอบคุณศิษย์พี่หลง” ทุกคนประสานเสียง
“พวกเจ้าคงเข้าใจแล้วว่า ทางที่ดีที่สุดก็คือในเวลาที่ตนอ่อนแอ การร่วมมือกับผู้อื่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย” หลิวหลีตั้งใจชี้ให้เห็น ทั้งสิบกว่าคนล้วนเก็บเกี่ยวกลับไปไม่น้อย
หลังจากนั้นหลิวหลีก็ไม่ค่อยยื่นมือเอาไปช่วย จนกระทั่งอสูรวารีตัวสุดท้ายปรากฎตัวขึ้น คนสิบกว่าคนนี้จึงได้รับเกียรติให้เห็นพลังต่อสู้ที่แสนแข็งแกร่งของหลิวหลี
“นั่นเป็นอสูรวารีตัวสุดท้ายแน่หรือ อ่อนแออะไรแบบนี้”
“ไม่ใช่อสูรวารีที่อ่อนแอหรอก แต่ศิษย์พี่หลงแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก”
“รู้สึกสงสาร อสูรวารีตัวนั้นเหลือเกินเหมือนเป็นของเล่นของศิษย์พี่เลยทีเดียว”
“พวกข้าร่วมมือกันสู้กับหนึ่งในนั้นดีไหม” มีคนเลือดร้อนพุ่งพล่าน อยากจะต่อสู้ด้วย
“ได้” เสียงของหลิวหลีดังขึ้นมา ภารกิจที่รับมานี้ไม่ดีเลย ไม่ได้ฝึกปรือฝีมือเลยสักนิด
ทุกคนชะงักไป เป็นไปตามที่คิด สำหรับศิษย์พี่หลงนี่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยจริงๆ หลังจากนั้นทุกคนก็พุ่งเข้าต่อสู้กับอสูรวารีตัวสุดท้าย สุดท้ายหลิวหลีก็พบว่าอสูรวารีตนนี้เนื้อหนังอ่อนนุ่ม อืม สามารถเอากลับไปให้ท่านพี่ลองชิมดูได้
สุดท้ายเมื่อคนเหล่านี้เริ่มสู้ต่อไม่ไหว นางถึงลงมือจัดการอสูรวารีตัวสุดท้ายลงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในตอนที่อสูรวารีตายนั้นได้พ่นไอบางอย่างออกมา มีศิษย์บางส่วนหลบไม่ทันสูดดมเข้าไป ทยอยกันรู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้ ถูกคู่หูประคองไว้ หลิวหลีรีบร้อนตรวจตรา ก็พบว่าในร่างกายของพวกเขามีสิ่งแปลกปลอมเหมือนหนอนอยู่ด้วย แต่ว่าหลิวหลีเป็นใคร เพลิงสีเขียวปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของหลิวหลีและถูกส่งเข้าไปในร่างกายของศิษย์ที่หลิวหลีตรวจอยู่อย่างรวดเร็วและแม่นยำ สิ่งมีชีวิตสีเทาประหนึ่งเจอดาวพิฆาต ถูกแผดเผาจนกลายเป็นธุลี
วิธีการที่หมดจดเรียบร้อยนี้ทำให้หลิวหลีได้รับความนับถืออีกครั้ง นี่ก็คือเพลิงเทพที่ว่า คิดไม่ถึงว่าจะใช้เช่นนี้ได้ด้วย
“เพลิงเทพของข้ามีความพิเศษอยู่นิดหน่อย มันสามารถกำจัดสิ่งสกปรกทั้งหมดออกไปได้” หลิวหลีอธิบาย
“เป็นโชคดีของพวกข้าที่ได้เข้าร่วมกลุ่มของศิษย์พี่” ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างแถมยังมีคนคอยห่วงใยอีก พวกเขารู้สึกว่าตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
หลิวหลีป้อนยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้คนที่ได้รับบาดเจ็บคนละเม็ดเพื่อฟื้นฟูพลัง ทุกคนล้วนอิจฉา เป็นศิษย์ระดับพิเศษช่างดีจริงๆ ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ถือเป็นของล้ำค่าอะไร มีเพียงแต่สวีโจวที่คิดว่า ถึงศิษย์ระดับพิเศษจะมีสิทธิพิเศษก็ไม่มีทางมียาเทพศักดิ์สิทธิ์ได้เยอะขนาดนี้ สวีโจวคาดเดาอย่างอาจหาญว่า หลงหลิวหลีเป็นเทพนักปรุงยา
………………………………………