แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 347 การคาดเดาที่อาจหาญ
“ได้ยินมาว่าคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับศิษย์พี่หลงล้วนได้รับรางวัลเหมือนกันหมด ที่สำคัญเลยคือ พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าคนพวกนั้นแปลกไปหรือ จู่ๆก็เข้าฌานกันหมด”
“ข้ารู้แล้ว รู้สึกว่าครั้งนี้พวกเขาเก็บเกี่ยวมาค่อนข้างมาก เฮ้อ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนศิษย์พี่หลงเสียหน่อย”
“ข้าก็อยากทำภารกิจกลุ่มเดียวกับศิษย์พี่หลงเหมือนกัน”
“พอเลย คงไม่ได้ชั่วคราวแล้วล่ะ ศิษย์ระดับพิเศษมีภารกิจเพียงไม่กี่ครั้งและไม่ใช่ทุกคนจะมีโชคดีแบบนั้น”
“ได้ยินมาว่าคนที่โชคดีที่สุดมีสองคน คนแรกคือลู่หรงที่รวบรวมความกล้าไปหาศิษย์พี่หลงให้ขอร่วมกลุ่ม อีกคนคือสวีโจวที่ศิษย์พี่ชื่นชม จะว่าไปตอนนั้นมีคนสองคนไปต้อนรับนาง แต่ทำไมนางถึงจำได้แค่สวีโจว หรือว่าสวีโจวทำอะไรที่นางประทับใจ”
“ข่าวของพวกเจ้าเก่าแล้ว ข้ามีข่าวล่าสุด เขาว่ากันว่าศิษย์พี่หลงคือเทพนักปรุงยา”
“พระเจ้า! เทพนักปรุงยา ในโลกเทพมีเทพนักปรุงยาไม่ถึงยี่สิบคน ศิษย์พี่หลงกลับเป็น 1 ใน 20 สมกับเป็นต้นแบบของข้าจริงๆ”
“ก็จริง ศิษย์พี่หลงควบคุมเพลิงได้เก่งกาจขนาดนั้น สำหรับนางแล้วการปรุงยาคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“ไม่รู้ว่าศิษย์พี่หลงขาดแคลนบริวารช่วยเก็บกวาดห้องปรุงยาไหม ข้าไปได้นะ”
“พอเลย นี่เจ้า ยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นอีก ศิษย์พี่หลงสามารถปรุงยาด้วยมือเปล่าได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เตาปรุงยา ความหวังนี้ของเจ้านับว่าแตกสลายแล้ว”
“อะไรนะ ปรุงยามือเปล่า จะว่าไปแล้ว เทพนักปรุงยาหลงก็ทำไม่ได้กระมัง”
“นี่คือต้นแบบจริงๆ ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรเหมือนกัน ทำไมพวกเราถึงต่างจากนางขนาดนี้ล่ะ”
“พวกเราเทียบกับศิษย์พี่หลงได้ด้วยหรือนางเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายบนท้องฟ้า ส่วนพวกเราเป็นได้แค่คนที่มองดาว”
“ช่างเถอะ แต่ว่าเทพนักปรุงยาหลงกับศิษย์พี่หลงแซ่เดียวกัน คงไม่ได้เป็นคนจากสกุลเดียวกันหรอกกระมัง ได้ยินมาว่าศิษย์พี่หลงเคยทำงานกับเทพนักปรุงยาหลงอยู่ช่วงหนึ่ง เทพนักปรุงยาหลงดูแลนางอย่างดี”
“พอพูดแบบนี้แล้วก็เป็นไปได้เหมือนกัน”
“น้องหญิง เจ้าเนื้อหอมมากเลยนะ” นี่เป็นหัวข้อสนทนาที่หนานกงเวิ่นเทียผู้ซึ่งเพิ่งออกจากฌานไม่อยากได้ยินแม้แต่น้อย สมกับเป็นฮูหยินของเขา ไปที่ไหนก็ทำให้คนเคารพบูชา เขาแค่เข้าฌานเพื่อบรรลุขอบเขตแม่ทัพเทพ แต่นังหนูก็ทำเรื่องใหญ่โตบรรลุไปหลายเรื่องแล้ว
“ก็แค่ข่าวลือเจ้าค่ะ” หลิวหลีหมดคำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็เข้าใจ คนพวกนี้ไม่ได้พูดเรื่องจริงทั้งหมด
“ก็จริง ที่น่าแปลกใจที่สุดคือพวกเขาไม่รู้เลยว่าเจ้าโดนสะกดรอยตามนานขนาดนี้ แล้วยังเจรจากับคนที่สะกดรอยตามอีก อสูรวารีที่เจ้าฆ่าอยู่ในขอบเขตราชาเทพ ประเด็นคือรสชาติใช้ได้เสียด้วย” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า จู่ๆเขาก็พูดออกมาทำเอาหลิวหลีพูดไม่ถูก นี่กำลังชมนางหรือแขวะนางกันแน่ ทั้งที่สามีของนางควรจะเป็นคนเย็นชา ทำไมตอนนี้ถึงได้เริ่มร่าเริงเช่นนี้
“ท่านพี่ ท่านคงจะรู้จักคำว่ากินของใครต้องรู้บุญคุณคนนั้นใช่ไหม” ดังนั้นช่วยเลิกทำตัวแดกดันนางเสียที ดูเถอะว่านางซื่อตรงแค่ไหน
“ก็ได้ ใครใช้ให้ข้ามันช่างกินล่ะ” หนานกงเวิ่นเทียนถอนหายใจ เฮ้อ อสูรวารีนั่นรสชาติไม่เลวจริงๆ ส่วนปราณอสูรกับไข่มุกในศีรษะของอสูรวารีนั้นให้อิงเสวี่ยไปแล้ว เพราะหนานกงเวิ่นเทียนไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะแทบจะไม่มีประโยชน์กับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นจึงให้อิงเสวี่ยที่จำเป็นต้องใช้ไป เอ๋าเลี่ยยังบอกอีกว่ารอบหน้าให้มาทำภารกิจกลุ่มเดียวกัน แต่มันไม่มีภารกิจให้ศิษย์ระดับพิเศษทำด้วยกันสักอัน ทำเอาเอ๋าเลี่ยเศร้าใจอยู่นาน
งานฉลองที่จัดขึ้นจากเนื้อของอสูรวารีได้รับคำชมเป็นเสียงเดียวกัน ฝีมือของหลิวหลีมาถึงโลกเทพยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก เมื่อบรรลุเป็นเทพแล้วสามารถตัดขาดกับธัญพืชทั้งห้าแล้ว งานเลี้ยงฉลองของนางเต็มไปด้วยคนลงมือกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่นางสร้างเขตแดนไว้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นคาดว่าคงดึงดูดฝูงหมาป่าหิวโหยไปแล้ว แต่สรรพคุณของเนื้ออสูรวารีนั้นได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะกับมูมู่ที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุด นางจึงได้เข้าใจว่าเนื้อของอสูรวารีมีผลต่อศิษย์ระดับล่าง จึงมอบให้คนที่ออกไปทำภารกิจด้วยกันอีกคนละชุดอย่างใจกว้าง
ทุกคนไม่รู้สึกอยากอาหารนักตามพลังบำเพ็ญเพียรที่สูงขึ้น หลิวหลีก็เช่นกัน แต่นางนึกสนุกเป็นบางครั้งจึงลงมือทำอาหารบ้างเป็นบางคราว แล้วพบว่าอาหารบางอย่างนั้นกินแล้วเป็นยาบำรุง ได้ผลดีกว่าการเข้าฌานที่แสนลำบากของตนเสียอีก เพียงแต่ในตอนนี้หากพูดถึงคนมีฝีมือทำอาหาร คาดว่าคงเป็นหลงหลิวหลี
“อสูรวารีนั่นรสชาติใช้ได้เลย เนื้ออ่อนนุ่มละลายในปาก ไม่ว่าทำอย่างไรก็สามารถรักษาพลังวิญญาณของตัวมันเอาไว้ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ข้าโชคดีมากที่มีฮูหยินผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าตนเป็นบุรุษที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้ ได้แต่งงานกับภรรยาที่เก่งกาจทั้งเรื่องในบ้านและนอกบ้าน แถมมีความสามารถในการต่อสู้อีก
“ท่านพี่ ข้าว่าพอท่านบรรลุขอบเขตแม่ทัพเทพแล้วฉลาดขึ้นนะ ถึงได้ชื่นชมข้าเช่นนี้ ข้าเขินหมดแล้ว” หลิวหลีครุ่นคิด อสูรวารีนี้คล้ายกับปลา ว่ากันว่ากินปลาเยอะๆแล้วจะฉลาด คนโบราณไม่ได้โกหกจริงๆ ดูสิ คำชื่นชมของสามีนางนี้ต้องได้ 5 ดาวแล้ว
“น้องหญิง นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าแต่ก่อนข้าไม่ฉลาดหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนหรี่ตา จากคำพูดที่เจ้าบอก ข้าไม่ได้จะจัดการอะไรกับเจ้า หลิวหลีนิ่งไป ช่างเถอะ พูดผิดไปสินะ
“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ แอบฟังคนอื่นคุยกันมันไม่ดี” เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ เปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็ดีเหมือนกัน แต่น้องหญิง เจ้าจะมาเปลี่ยนเรื่องไม่ได้นะ พวกเราหาที่ๆไม่มีคนแล้วมาถกเรื่องปัญหาหนักอกของข้าดีกว่า” หนานกงเวิ่นเทียนไม่โดนหลอกง่ายขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าจะไม่เออออตามไปด้วย อืม สามีของนางบอกแล้ว สถานที่ที่ไม่มีคน นี่เขากำลังบอกใบ้อะไรนางอยู่หรือเปล่า หลิวหลีเกิดตื่นเต้นแปลกๆ ทันทีที่ถึงสถานที่ก็เริ่มกิจกรรมอย่างรวดเร็ว
หนานกงเวิ่นเทียนพูดไม่ออก เป็นเขาที่ไม่บริสุทธิ์หรือหลิวหลีแอบวางแผนร้ายเอาไว้ตั้งแต่แรกกัน ทำไมรู้สึกว่านังหนูตัวร้ายคนนี้จึงได้ควบคุมจังหวะตลอดเลย
“ท่านพี่ หากท่านไม่พอใจ พวกเราทำต่อก็ได้นะ” หลิวหลีจับผมสีฟ้าเหมันต์ของหนานกงเวิ่นเทียนขึ้นมาวางไว้ใต้จมูกแล้วสูดดม อืม สามีของนางช่างหอมยิ่งนัก
“ไม่ต้องแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนปฏิเสธ แต่คาดว่าหลังจากกลายเป็นเทพแล้ว คงยิ่งไม่มีหวังเรื่องลูกมากกว่าเดิม ช่างเถอะ ได้ครองคู่กับน้องหญิงก็นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว
“ท่านพี่ เมล็ดพันธุ์ในร่างท่านขยายใหญ่ขึ้นมาก ข้าลองเอาปราณสีน้ำนมใส่เข้าไปในเมล็ดพันธุ์ของท่าน แล้วพบว่ามันได้ผลกับเมล็ดพันธุ์ในร่างท่านด้วย” หลิวหลีพยายามหาคำพูดมาบรรยาย เหมือนกับใส่น้ำยาเร่งโตเข้าไป เพียงวันเดียวเท่านั้นก็โตเหมือนสิบวัน
“มิน่าข้าถึงรู้สึกว่าภายในร่างกายข้าเหมือนจะแกร่งขึ้น” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจทันที ว่าแต่ปราณสีน้ำนมที่สร้างขึ้นในร่างกายของภรรยาเขาคืออะไรกันแน่
“ปราณนี้ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนเป็นกลิ่นอายดั้งเดิม ส่วนอย่างไรนั้นข้าก็พูดไม่ถูก ในร่างของข้ามีวงจรอันหนึ่ง หยินหยางประสานกัน ปัญจธาตุเสริมสร้างกัน แกนวิญญาณของข้าเป็นแกนวิญญาณอัคคีผสม ข้าเกิดความคิดว่าปราณสีน้ำนมที่สร้างขึ้นอาจเป็นปราณผสม” การคาดเดานี้ของหลิวหลีอาจเรียกได้ว่าคิดมากเกินไป ส่วนปราณผสม นั่นเป็นสิ่งสุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ เพียงแต่ปราณผสมได้หายไปตามกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนไป ความคิดของนางจึงดูไม่ค่อยเป็นจริงนัก
“ข้าคิดว่าคงไม่ใช่หรอก ปราณผสมหายไปจากโลกกลายมาเป็นพลังวิญญาณ พลังเซียน และพลังเทพ เป็นเรื่องยากมากที่จะเจอปราณผสมที่บริสุทธิ์ น้องหญิง ความคิดนี้ของเจ้าออกจะเหลวไหลไปหน่อย”
“ก็จริงของท่าน” หลิวหลีรู้สึกว่าตนเองออกจะเพ้อเจ้อไป แต่ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ตนคาดเดานั้นมีส่วนถูกอยู่บ้างเช่นกัน