แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 390 ข้ามาแล้ว
หากถามว่าในบรรดาประมุขเทพ อวิ๋นชิงไม่ชอบหน้าใครที่สุด แต่ก่อนคงจะบอกว่าเป็นจิ่งซู่ ถ้าเป็นตอนนี้ อวิ๋นชิงคงจะบอกว่า ‘จวี๋เจีย’
“เจ้าบอกว่าใครมานะ?” อวิ๋นชิงปวดหัวตุบๆ คนอื่นที่เหลือถูกจัดการไปหมดแล้ว ยังเหลือแค่จวี๋เจียที่เต้นเร่า ทำท่าทางราวหากตนเองไม่ได้สิ่งที่ต้องการจะไม่ยอมเลิกรา ทำให้เขาไม่เพียงแค่ปวดหัว แต่กระเพาะของเขาที่ไม่เคยได้รับอาหารก็รู้สึกปวดขึ้นมา จะมาหาเขาบ่อยๆทำไม ก็บอกไปแล้ว หากพวกเจ้าเอาไปได้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เจ้าคนโง่เขลาผู้นี้ก็ยังคอยกวนใจเขา ถึงเขาจะมีความอดทนขนาดไหน แต่ก็อดโมโหไม่ได้ ทำเกินไปแล้วจริงๆ คนแบบนี้ได้เป็นประมุขเทพได้อย่างไร
“ประมุขเทพจวี๋เจี่ย” ทั้งๆที่รู้ว่าประมุขเทพของพวกเขาไม่อยากจะเจอกับอีกฝ่าย แต่เขาก็ต้องบากหน้าพูด
“บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้บอกเขาว่า ข้าเข้าฌาน” ช่วยไม่ได้ เป็นประมุขเทพที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่านพ่อเหมือนกัน เขาไม่อยากจะมองหน้ากันไม่ติด เพียงแต่เขารำคาญอีกฝ่ายมากจริงๆ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้เข้าฌาน” เสียงของจวี๋เจียลอยเข้ามา
“จะว่าไปแล้ว ที่นี่เป็นที่ของข้า เจ้าทำตัวไม่ไว้หน้าเจ้าของเช่นนี้จะดีหรือ” อวิ๋นชิงรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเลยก็คือตัวต้นเหตุ ต่างก็พากันไปเข้าฌานกันหมด สมแล้วที่เป็นเพื่อนของนังหนู ทิ้งทุกอย่างไว้แล้วก็หนีไป วิธีเดียวกันชัดๆ
“อย่างนั้นหรือ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเจอข้า ง่ายนิดเดียว เจ้าแค่แบ่งราชาเทพที่อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้ามาให้ข้า 2 คน ข้าก็จะไม่มากวนใจให้กับเจ้าอีก” จวี๋เจียพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจ อีกอย่าง หลังจากที่ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงออกฌาน ก็จะกลายเป็นประมุขเทพอัคคีที่แท้จริง พวกเขาก็จะไปอยู่ฝ่ายเดียวกับประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงแน่” อวิ๋นชิงทวน
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องไปยุ่ง ขอแค่เจ้ามอบคนให้ข้า ข้ามีวิธีทำให้พวกเขาไม่ไปหานังหนูหลงหลิวหลี จะว่าไปแล้ว ราชาเทพบรรลุเป็นประมุขเทพยากแค่ไหน เจ้ากับข้าต่างรู้ดี พวกเราจะต้องลงแรงไปมากเท่าไหร่กว่าจะบรรลุได้สำเร็จ นังหนูคนนั้นเข้าฌานไปแค่รอบเดียวจะบรรลุได้อย่างไร” จวี๋เจียไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้หลงหลิวหลีจะเป็นคนไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นเพียงแค่ราชาเทพ ส่วนเรื่องที่นางเอาชนะจิ่งซู่ได้ เขาไม่สนใจ คนผู้นั้นถูกตามใจจนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่ได้ต่างอะไรจากราชาเทพ ดังนั้นการเอาชนะจิ่งซู่ได้ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“หึหึ เจ้าจะดูแคลนความสามารถของข้าก็ได้ แต่หากเจ้าดูแคลนความสามารถของนังหนูคนนั้น เจ้าอาจเสียเปรียบได้ ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา หากพวกเขาอยากไป ข้าก็จะไม่รั้งไว้ หากพวกเขาอยากจะอยู่ต่อ จวี๋เจีย เจ้าก็อย่าทำอะไรให้มันเกินไป” อวิ๋นชิงหมดความอดทนกับคนผู้นี้ หน้าด้านหน้าทนจริงๆ นังหนูคนนั้นก็ไม่ออกฌานเสียที เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะอดทนมาได้หลายปี คาดว่าเขาคงมีอดทนมากพอที่จะเลี้ยงเด็กทารกแล้ว
“หากข้าบอกว่าข้าจะเอา 2 คนล่ะ ข้าไม่เอาคนอื่นก็ได้ เอาคู่แฝดนั้นให้ข้าก็พอ” จวี๋เจียหรี่ตาลง ไม่ว่าใครเจอหน้าแบบนี้เข้าไป ก็จะต้องรู้สึกไม่พอใจ
“ฝาแฝดคู่นั้น หากพวกเขายินดีไปกับเจ้า ข้าก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ข้าขอเตือนเจ้า อย่าบังคับพวกเขา ได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นหลานของราชาเทพอัคคีที่แท้จริง นางเป็นคนเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ได้แตกต่างอะไรจากลูกตัวเอง ที่สำคัญก็คือ หากพวกเจ้าทำร้ายพวกเขา นางออกฌานมาแล้วจะทำอะไร ข้าก็คงห้ามนางไม่ได้” อวิ๋นชิงไม่ได้พูดเกินจริง เพราะเขาเคยได้ยินว่ามีคนทำร้ายหลานของนาง ถูกนังหนูเล่นงานจนตอนนี้ไม่เพียงแค่สูญเสียคุณสมบัติที่จะได้สืบทอดตำแหน่งเทพที่แท้จริงเท่านั้น ยังทำให้ชีวิตพวกเขาเหมือนตายทั้งเป็น
“นี่เจ้ากำลังปฏิเสธข้า อวิ๋นชิง ข้าจะบอกอะไรให้กับเจ้า ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด จะเป็นใหญ่อยู่คนเดียวคงจะไม่ดีเท่าไหร่” ในน้ำเสียงจวี๋เจียเจือแววข่มขู่
“ข้าไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น คนพวกนี้มาอยู่กับข้าแค่ชั่วคราว รอจนราชาเทพอัคคีที่แท้จริงออกจากฌาน ก็จะไปเป็นฝ่ายนาง ไม่ได้ทำให้เสียความสมดุลแต่อย่างไร เพียงแต่ อย่างเดียวที่สูญเสียความสมดุลก็คือ พลังอำนาจของท่านพ่อแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น” อวิ๋นชิงอธิบายด้วยความอดทนเป็นครั้งสุดท้าย
“หึ เอาจักรพรรดิเทพวารีมาขู่ข้าหรือ ถึงแม้เรื่องนี้จะไปถึงหูจักรพรรดิเทพ ข้าก็ไม่กลัว เป็นเพราะว่าเจ้าไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ สร้างความวุ่นวาย ทำให้ขั้วอำนาจเสียสมดุล จักรพรรดิเทพก็คงช่วยเจ้าได้อีกไม่นาน” จวี๋เจียโพล่งออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“ทำไม จวี๋เจีย เจ้าอยากมีเรื่องหรือ ข้ายังคงยืนยันคำเดิม หากเจ้ายังไม่ยอม พวกเรามาประลองกันไหม หากข้าชนะ เจ้าก็อย่ามาหาเรื่องอีก หากข้าแพ้ เจ้าก็ลองถามพวกเขาดู ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่กล้ารับประกันว่าอนาคตเจ้าจะเป็นอย่างไร” อวิ๋นชิงพยายามระงับความโกรธ ถึงพลังเขาจะด้อยกว่าเจ้าหมอนี่เล็กน้อย แต่เขาก็อยากจะสู้กับอีกฝ่ายมานานแล้ว ช่วงนี้ปะทะฝีปากกันตลอด เขาต้องการปะทะฝีมือเพื่อระบายอารมณ์
“ดี” จวี๋เจียตอบตกลง อยากจะหาเหตุผลจัดการกับลูกชายของจักรพรรดิเทพมานานแล้ว เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับอีกฝ่ายก็เพราะว่าคนตรงหน้ามีจักรพรรดิเทพเป็นบิดา เขาจึงได้เลือกแค่คนที่เหลือจากอีกฝ่าย เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้หรอก แต่เอาจริงๆแล้วเขาก็รู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เพราะว่าการมีพ่อที่ดีทำให้เรื่องยากๆง่ายลงไปมาก จนมองข้ามความพยายามของตัวอวิ๋นชิงเองไปจนหมดสิ้น
อวิ๋นชิงรู้ว่าการประลองในครั้งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่หลังจากที่นังหนูคนนั้นออกฌาน เขายังติดค้างการประลองกับนาง คาดว่าเรื่องนั้นคงจะไม่ได้ทำแล้ว การประลองของประมุขเทพทั้ง 2 คนดึงดูดความสนใจคนได้ไม่น้อย การประลองของบุคคลที่อยู่คนละชั้นกับพวกเขาทำให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นพิเศษ อีกทั้งยังสามารถปลุกศักยภาพในตัวของพวกเขาได้ดีมากยิ่งขึ้น
การประลองน่าตื่นตาตื่นใจอย่างไม่ต้องสงสัย หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนที่เพิ่งจะออกฌานมาทันการประลองครั้งนี้พอดี การรับชมการประลองครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้เห็นประมุขเทพในมุมใหม่ พวกเขาลึกลับจนไม่มีใครสังเกตเห็น การประลองครั้งนี้น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆด้วย โดยเฉพาะเป็นคนที่มีพลังใกล้เคียงกัน เพียงแต่หลิวหลีก็ยังสัมผัสได้ถึงความแตกต่างเล็กน้อย
“ช่วงที่พวกเราไม่อยู่ อวิ๋นชิงผู้นี้มีความแค้นใหม่หรือเป็นความแค้นเก่าก่อนกันนพ รู้สึกเหมือนกำลังระบายความโกรธแค้นออกมา” เหมือนหลิวหลีจะสามารถสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“ใช่แล้ว รู้สึกเหมือนจะเป็นแค่กับอวิ๋นชิง เขาที่พวกเรารู้จัก ถึงแม้จะหลงตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่คนที่คิดแค้นคนอื่นไปทั่ว” หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการแก้แค้น แถมยังเป็นการแก้แค้นแบบเปิดเผยเสียด้วย
“รู้เรื่องแล้วหรือยัง เหมือนว่าประมุขเทพจวี๋เจียจะไม่พอใจประมุขเทพหมื่นพฤกษาที่มีราชาเทพในปกครองมากเกินไป”
“ใช่ ได้ยินมาว่าสาเหตุเป็นเพราะราชาเทพหลายคนมาเข้าร่วมกับเขาในช่วงนี้ ข้าเคยประลองกับพวกเขามาก่อน ความสามารถไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เป็นคนที่มีพลังการต่อสู้เหลือล้น มิน่า ประมุขเทพถึงมองหน้ากันไม่ติดเหมือนเดิม”
“ไม่ใช่ ได้ยินมาว่าราชาเทพที่มาใหม่ในช่วงนี้ มีความสัมพันธ์กับราชาเทพอัคคีที่แท้จริงที่กำลังเข้าฌานอยู่ พวกเขาเลือกฝ่ายตามนาง”
“ดังนั้นแปลว่าประมุขเทพหมื่นพฤกษาต้องตกที่นั่งลำบากก็เพราะราชาเทพอัคคีที่แท้จริง”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน พวกเอ๋าเลี่ยมาแล้วหรือ แถมยังเลือกฝ่ายเดียวกับตัวเอง แถมยังก่อเรื่องใหญ่โตเอาไว้ จนสร้างปัญหาให้อวิ๋นชิง
สุดท้าย อวิ๋นชิงก็พลาดท่า ทำให้ต้องแพ้ไป แต่ดูเหมือนจวี๋เจียกำลังระบายอารมณ์ เขาตรงปรี่เข้ามาทำร้ายอวิ๋นชิง ทำให้อวิ๋นชิงถึงกับกระอักเลือดออกมา จะต้องโกรธแค้นขนาดไหน ถึงได้ลงมือหนักขนาดนี้ จวี๋เจียยังคิดจะลงมือต่อ แต่ถูกคนแปลกหน้าเข้ามาห้ามไว้ ดูจากพลังแล้วน่าจะเป็นประมุขเทพ แถมเป็นประมุขเทพที่ไม่คุ้นเคยเสียด้วย
“ข้ามาแล้ว”
……………………………………………….