แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 47 เป็นหญิงสาวต้องแสวงหาสิ่งสูงส่ง
หลิวหลีมองหญิงงามสองนางที่งามคนละแบบอย่างหัวเสีย โดยเฉพาะเรื่องหน้าอกหน้าใจ เป็นผู้หญิงด้วยกันใยต้องสร้างความลำบากให้แก่กัน บางทีเพราะโดนสายตาพิฆาตหลิวหลี ทั้งสองคนจึงลอบยิ้มน้อยๆ
“ข้าชื่อหูเหม่ยอวี้ เป็นลูกคนโตของสกุลหูแห่งเมืองต้าเย่ พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงบำเพ็ญศีลระยะต้น มีแกนวิญญาณคู่พฤกษาอัคคี อายุ 39 ปี นี่คือสุ่ยหลิงเอ๋อร์บุตรสาวเจ้าเมืองต้าเย่ พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงบำเพ็ญศีลระยะต้น มีแกนวิญญาณคู่พฤกษาวารี ปีนี้อายุ 35 ปี” หูเหม่ยอวี้แนะนำ นางย่อมไม่หลงลืมความแค้นที่สาวงามนางนี้มีต่อหน้าอกหน้าใจพวกนาง ความรู้สึกสับสนจากการถูกเข้าใจผิดก็พลันสงบลง
“หลิวหลี ศิษย์แห่งสำนักเมฆาคล้อย พลังบำเพ็ญเพียรช่วงบำเพ็ญศีลระยะปลายขั้นสุดยอด อายุ 21 ปี มีแกนวิญญาณนภาประเภทอัคคี” หลิวหลีรู้สึกว่าพวกนางน่าจะพัฒนาเป็นเพื่อนสนิทตนได้ในอนาคต
“ช่วงบำเพ็ญศีลระยะปลายขั้นสุดยอด!”
“21 ปี!”
“แกนวิญญาณนภาประเภทอัคคี!”
“อัจฉริยะ!” สองดรุณีผลัดกันพูดคนละประโยค จึงได้สรุปในตอนท้ายด้วยคำว่า อัจฉริยะ!
“พวกเจ้าพูดเกินไปแล้ว” หลิวหลีพูดพลางลูบจมูก
“หลิวหลี เจ้าต้องเป็นอัจฉริยะแน่ ไม่ใช่สิ เป็นผู้ถูกเลือกแน่ๆ เพิ่งจะอายุ 21 ปี ตอนข้าอายุ 21 ปีก็เพิ่งจะอยู่ในช่วงพื้นฐานเท่านั้นเอง แถมยังเป็นคนอัจฉริยะที่สุดในตระกูลอีกด้วย” หูเหม่ยอวี้รู้สึกหดหู่เล็กน้อย อายุน้อยเช่นนี้ แต่กลับมีพลังบำเพ็ญเพียรที่ฝืนฟ้าดินเช่นนี้ จะเรียกผู้ถูกเลือกก็คงไม่เกินไป
“พี่อวี้พูดถูก” สุ่ยหลิงเอ๋อร์ไม่ลืมพยักหน้า จำเป็นต้องบอกว่าพวกนางตกใจมากทีเดียว
“จริงสิ แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เมื่อเปลี่ยนเรื่อง พวกนางก็ออกจะงุนงงอยู่เล็กน้อย
“จริงด้วย พวกเรามาล่าอสูรภูตอัคคี” หูเหม่ยวี้นึกถึงจุดประสงค์ตนเองออก
“อสูรภูตอัคคี ก็ไม่เท่าไหร่นี่” ทันทีที่หลิวหลีเอ่ยเช่นนี้ก็เหมือนกระแทกใจคนทั้งสองอย่างรุนแรง อสูรภูตอัคคียังเรียกไม่เท่าไหร่ ใช่สิกระทั่งงูหลามเพลิงอีกฝ่ายยังรังเกียจเดียดฉันท์ว่าระดับต่ำเกินไป ไม่ยอมผูกพันธสัญญาด้วย
“น้องสาวเจ้านี่ตั้งเงื่อนไขสูงมากจริงๆ อสูรเทพและอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เจอง่ายๆขนาดนั้น” สุ่ยหลิงเอ๋อร์อธิบาย
“เหรอ?” หลิวหลีพูดพลางลูบคาง ท่าทางสง่างามเช่นนี้ทำให้หัวใจของพวกนางรู้สึกกังวลเล็กน้อย เหตุใดจึงหล่อเหลาเช่นนี้!
หลิวหลีแอบถามเอ๋าเลี่ยจึงได้รู้ว่าพวกนางพูดจริง ตนเองนั้นตั้งเงื่อนไขไว้สูงเกินไป ใครใช้ให้ตัวนางเองมีจุดเริ่มต้นที่สูงเช่นนี้ แต่ทว่าหลิวหลียังคงถามชื่อของงูหลามเพลิงที่เพิ่งได้มา หงหลิน รู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุดก็ควรจะต้องหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สายเลือดค่อนข้างจะใช้ได้ พอถามเช่นนี้ก็เห็นจะมีอยู่ตัวหนึ่ง ในภูเขาไปที่ใหญ่ที่สุดที่นี่ ในนั้นมีสายเลือดห่างๆของนกยูงอย่าง วิหคเพลิงอัคคี!
“ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปจับสัตว์วิญญาณ” หลิวหลีโบกมือของนางแล้วจากไป ไม่รู้เพราะความคิดไปเองของหลิวหลีหรือไม่ ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าใต้วิหคเพลิงอัคคีน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่
“เป็นนังหนูที่หัวไวดีจริงๆ อยากจะให้เจ้าโตได้ไวๆ พอตอนนั้นพวกเราค่อยพบกัน” หลังหลิวหลีไปแล้ว ร่างนางหายแวบ พอพูดจบคำพูดนี้ก็สะท้อนไปมาใต้แสงไฟ แล้วทั้งหมดไม่เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
หลิวหลีรีบไปที่ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สุดตามคำแนะนำของหงหลิน หลิวหลีพลันถามหงหลินว่าวิหคเพลิงกับมันต่างกันเท่าไหร่ มันแค่นเสียงหัวเราะ เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้ในพริบตาเดียว ดังนั้นหลิวหลีจึงส่งหงหลินออกหน้า เพื่อจะประจบประแจงผู้เป็นนาย มันรับปฏิบัติภารกิจแรกของมันอย่างตื่นเต้น กลายร่างเป็นลำแสงเพื่อหาวิหคเพลิง
“พี่สาวทั้งสอง พวกเรามารอด้านนี้เถอะ” หลิวหลีชี้ไปยังจุดที่ค่อนข้างร่มรื่น ทั้งสองพบว่าหลิวหลีเปิดเผยสดใส ใบหน้าทั้งสองกลับแดงก่ำ เมื่อมองที่เอวอีกฝ่ายก็เห็นหยกเหมันต์ 3 อัน!
“น้องหลิวหลี เหตุใดเจ้าจึงใส่หยกเหมันต์เยอะเช่นนั้น” หูเหม่ยอวี้รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย น้องสาวที่เพิ่งจะรู้จักช่างอัจฉริยะเสียจริง
“ก็ที่นั้นร้อนระอุ พี่สาวทั้งสอง ข้าให้” หลิวหลีเอ่ยอย่างสบายๆ เมื่อเห็นสตรีสองนางหน้าแดงก่ำ จึงส่งหยกเหมันต์ชั้นยอด 2 ชิ้นให้อย่างใจกว้าง ทั้งสองไม่เกี่ยงงอนและรับของมาอย่างสบายใจ
“น้องสาว เจ้าปล้นหอคลังสมบัติมาหรือ” หูเหม่ยอวี้พูดติดตลก
“ไม่ใช่สักหน่อย ข้าเข้าไปเหมาหยกเหมันต์ที่ร้านนั้นมาต่างหาก” คำพูดของหลิวหลีทำให้ทั้งสองหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาไปซื้อหยกเหมันต์ในคลังสมบัติ คนที่ทำให้พวกนางแทบบ้าคงจะไม่ใช่แม่น้องน้อยนางนี้กระมัง
หลังจากนั้นไม่นาน หงหลินก็คาบวิหกเพลิงที่สยบจำยอมไว้ที่กรงเล็บเท้า ยังมีชีวิตอยู่แต่สู้กับหงหลินจนหมดแรง
“ท่านพี่ วิหคเพลิงตัวนี้มีสายเลือดของนกยูง พันธะสัญญานี้ค่อนข้างดีงาม ทั้งสวยงามและทรงพลัง”
หญิงสาวทั้งสองรู้สึกตนเองชักจะไร้ซึ่งความทะเยอทะยานเกินไปแล้ว เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลิวหลี คิดแต่จะหาสัตว์อสูรภูตอัคคี ไม่เคยคิดถึงอย่างอื่น มิน่าเด็กคนนี้อายุเพียง 21 ปีก็ก้าวเข้าสู่ช่วงอมตะได้ พวกนางยังตื่นเต้นกับพัฒนาการเล็กๆ แต่ความแตกต่างเช่นนี้ทำให้พวกนางเข้าใจในทันที ว่าเป็นคนต้องเสาะแสวงหา เป็นสตรียิ่งต้องแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
“พี่อวี้ พี่รีบทำพันธสัญญาเถอะ” สุ่ยหลิงเอ๋อร์เร่ง
“ตกลง” หูเหม่ยอวี้ได้สติกลับมา นางกำลังจะมีคู่พันธสัญญาที่ทั้งงดงามและทรงพลัง หูเหม่ยอวี้กัดนิ้วตนอย่างไม่ลังเล ผูกพันธสัญญาเสร็จสิ้น วิหคเพลิงแนบหัวกับหน้าผากของนางอย่างสนิทสนม และไม่ลืมจะฟ้องนาง
หลิวหลีเห็นเช่นนี้ ก็โยนยาวิญญาณอสูรขวดหนึ่งให้หูเหม่ยอวี้ กำชับบอกให้เอาให้วิหคเพลิงกินวันละเม็ด หูเหม่ยอวี้ดีใจอย่างยิ่ง เพราะสายสัมพันธ์จากพันธะสัญญากับวิหคเพลิงทำให้พลังบำเพ็ญเพียรของนางดีดขึ้นไปถึงช่วงบำเพ็ญศีลระยะกลาง ตั้งชื่อให้วิหคเพลิงว่าจี๋เสียง!
เมื่อเห็นสีหน้าริษยาของสุ่ยหลิงเอ๋อร์ หลิวหลีก็คิดครู่หนึ่ง อืม นางไม่ควรลำเอียง ดูว่าระหว่างทางจะมีโอกาสได้พบอสูรภูตธาตุวารีที่เหมาะกับสุ่ยหลิงเอ๋อร์หรือไม่
“น้องหลิวหลี ขอบคุณ” วิหคเพลิง มีสายเลือดของนกยูง เหอะนางเองก็อยากจะเห็นว่าหูเหม่ยอวี้จะอวดเก่งได้แค่ไหน!
“เกรงใจไปแล้ว จริงสิ พี่สาวทั้งสอง พวกท่านทั้งสองจะไปไหนกันต่อหรือ?”
“เดิมข้ากับพี่อวี้จะมาหาอสูรภูตอัคคี ตอนนี้เมื่อเจอก็จะกลับไปยังเมืองต้าเย่” สุ่ยหลิงเอ่อร์เอ่ยเบาๆ
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็กำลังจะไปเมืองต้าเย่ รบกวนพี่ทั้งสองช่วยนำทางข้าหน่อย” หลิวหลีรู้สึกว่ามีสองคนนี้เป็นผู้นำทางจะต้องใช้ให้เต็มที่
“ดีจริงๆเลย ถึงตอนนี้พักที่บ้านข้าก็ได้” สุ่ยหลิงเอ่อร์ตื่นเต้นเล็กน้อย หลิวหลีถือเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรกของนางนอกจากพี่อวี้ ท่านพ่อและท่านพี่คงจะชอบใจ
“ไปบ้านข้าก็ได้เช่นกัน ตระกูลหูของเราก็มีหน้ามีตาในเมืองต้าเย่ไม่น้อย “หูเหม่ยอวี้รีบพูด ต้องให้พี่ชายอิจฉาตนเอง
“ได้” หลิวหลีตอบรับอย่างร่าเริง
“เมืองต้าเย่มีป่าขนาดใหญ่ ข้างในมีอสูรภูตมากมาย น่าเสียดายที่น้อยคนนักจะได้เห็น บางคนว่าเพราะภายในป่าทึบนั่นมีเขตต้องห้าม เพื่อปกป้องอสูรภูต” หูเหม่ยอวี้แนะนำเมืองต้าเย่ให้หลิวหลีฟังด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“ใช่แล้ว เมืองต้าเย่ ยังมีสมบัติที่ไม่น้อยอีกด้วย มีการประมูลครั้งใหญ่ น้องหลิวหลีจะไปดูก็ได้” การประมูลต้องมีสมบัติไม่น้อยแน่นอน
“ได้เลย หากมีโอกาสข้าจะไปแน่นอน” หลิวหลีฟังคร่าวๆ ก็แน่ใจได้ว่าเพลิงวิญญาณไม้ต้องอยู่ในป่าทึบแห่งนั้นแน่นอน ทว่าข้างในมีเขตแดนต้องห้าม อย่างไรเสียนางก็มีจื่อฉี เขตแดนต้องห้ามไม่ได้มีผลใดๆต่อนางแม้แต่น้อย หากแต่เขตแดนต้องห้ามต้องมีไว้เพื่อคุ้มครองอสูรภูตก็คงจะอีกเรื่องนึง หากเสียหายไปอสูรภูตที่อยู่ข้างในจะต้องลำบากแล้วจะทำอย่างไร ตัวนางเองต้องพยายามหาวิธีที่ดีๆ
หลิวหลียืนอยู่ที่นอกประตูเมือง ช่างเป็นประตูเมืองที่ใหญ่โตจริงๆ คนเฝ้าประตูเห็นหูเหม่ยอวี้และสุ่ยหลิงเอ๋อร์ ก็รีบกลับไปรายงานทันที ในที่สุดแม่นางน้อยทั้งสองก็กลับมาแล้ว ท่านเจ้าเมืองคงจะกลับเป็นปกติได้แล้วกระมัง