แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 53 วอดวายเพราะความสุขสันต์
“นังหนู ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แต่เจ้าช่วยไปเจาะทำรูเล็กๆที่เขตปราการให้ดูหน่อยได้หรือไม่” หยวนเทียนพูดอย่างตื่นเต้น หลิวหลียังเด็กมากเกินไป เด็กเสียจนทำให้รู้สึกว่าคำพูดของนางเหมือนคำพูดโอ้อวดที่ไม่มีน้ำหนักใดๆ
“ได้สิ” หลิวหลีพยักหน้าอย่างเข้าใจ อย่างไรเสียวิธีนี้ก็ค่อนข้างจะฝืนลิขิตฟ้าอยู่เสียหน่อย
พวกเขาเดินออกไป สายตาสงสัยของคนข้างนอกก็จ้องพวกเขา เห็นอย่างชัดเจนว่า ทั้งหมดต่างสงสัยว่าเพราะเหตุใดท่านหัวหน้าทั้งสามจึงเดินออกมากับมนุษย์ผู้นี้
พวกเขาเดินไปหยุดที่ขอบปราการ หลิวหลีเดินไปตรงจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้นไม้หนาแน่นค่อนข้างลับตา หลิวหลีรู้สึกว่าจุดนี้ไม่เลวจึงปล่อยจื่อฉีออกมา อสูรภูตทั้งหลายย่อมสัมผัสได้ถึงความพิเศษของจิ้งจอกน้อยจื่อฉี โดยเฉพาะจิ้งจอกเก้าหางหยวนเทียน มันรู้สึกว่าความน่าเกรงขามในการเป็นผู้นำเผ่าจิ้งจอกไม่สามารถทำอะไรจิ้งจอกน้อยสีม่วงตัวนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“จื่อฉี กัดตรงนี้ให้เป็นรูที เอาใหญ่ขนาดนี้” หลิวหลีทำมือให้ดู จื่อฉีพยักหน้าแล้วก็ตั้งใจกินแนวเขตต้องห้ามเข้าไป พอมีเสียงแคร่กดังขึ้นอสูรทั้งสามก็เริ่มตื่นเต้น ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยว่าจิ้งจอกน้อยสีม่วงตัวนี้เป็นสัตว์ประเภทไหนกันแน่ ถึงขนาดสามารถกินแนวเขตต้องห้ามได้
“นังหนู สัตว์เลี้ยงของเจ้าเป็นจิ้งจอกหรือ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” หยวนเทียนถามขึ้น
“จื่อฉีไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแต่เป็นเพื่อน ข้ามีคู่พันธสัญญาของข้าแล้ว อีกทั้งจื่อฉีก็ไม่ใช่จิ้งจอกแต่เพื่อความสะดวก ข้าเลยให้จื่อฉีกลายร่างเป็นจิ้งจอก จื่อฉีเป็นถึงกิเลนเชียวนะ” หลิวหลีประกาศออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“กิเลนหรือ” ทั้งสามตกตะลึง เป็นถึงกิเลนเชียวหรือ
“นังหนู แล้วคู่พันธสัญญาของเจ้าล่ะ” หยวนเทียนถามขึ้น
“จากที่เขาบอก เขาว่าเขาเป็นมังกร” หลิวหลีคิดถึงเอ๋าเลี่ยที่ดูเท่าไหร่ก็ช่างแตกต่างจากมังกรที่แสนสง่างามที่นางคิดเอาไว้อย่างมาก
“มังกร นังหนู เจ้ามีเชื้อสายสกุลหลงหรือ” ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกเขตแนวเขตต้องห้ามขวางกั้นจากโลกภายนอก แต่อสูรเทพทั้งห้าสกุลมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน พวกเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน
“ข้าก็น่าจะถือว่าเป็นคนสกุลหลง มารดาข้าเองเป็นคนสกุลหลง” หลิวหลีเห็นทั้งสามงุนงงจึงอธิบายออกมา
ทั้งสามพยักหน้า เด็กคนนี้โชคร้ายช่างน่าสงสารจริงๆ พวกเขาตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวจะให้ของดีแก่เด็กสาวคนนี้ให้มาก ๆ
ประสิทธิภาพในการทำงานของจื่อฉีเร็วมาก เพียงครู่เดียวรูความสูงเท่าตัวคน ความกว้าง 1 เมตรก็ถูกกินเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งจื่อฉียังเรอออกมาด้วยความอิ่ม หลิวหลีลูบคอของจื่อฉีเพื่อปลอบโยน จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปยังรูที่จื่อฉีกัดเอาไว้พวกหยวนเทียนก็อึ้งกันไปตามๆกัน ในฐานะที่หยวนเทียนเป็นพี่ใหญ่ มันหายใจเข้าลึก หลับตาลงแล้วก้าวออกจากรูไป พอลืมตาขึ้นก็เห็นหลิวหลีที่ยืนยิ้มอุ้มจิ้งจอกสีม่วงมองมาที่ตัวเอง อีกทั้งวิวทิวทัศน์ที่ไม่เหมือนเดิม เขาได้ออกมาแล้วจริงๆ
รอจนทั้งสองคนกลับเข้าไป เมื่อได้เห็นท่าทีมีความสุขของหยวนเทียน หยวนหู่กับหยวนเจียวก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา ในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกไปดูโลกภายนอกได้แล้ว
“นังหนู ขอบคุณเจ้ามาก สมบัติของพวกเราทั้งสามคน เจ้าสามารถเลือกไปได้สามอย่าง” หยวนเทียนกล่าวขอบคุณหลิวหลีด้วยความจริงใจ นังหนูคนนี้จิตใจดี พวกเขายอมที่จะเสียสละของสะสมของพวกเขาให้
“เยอะเกินไปหรือเปล่า?” หลิวหลีพูด
“ไม่เลย เจ้าสามารถไปพิชิตเพลิงวิญญาณไม้ก่อนก็ได้ มันอยู่บนถ้ำต้นไม้ด้านบนสุด พวกเราก็ไม่ได้เห็นมาเป็นหลายร้อยปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นเพลิงอัคคีธาตุไม้ แต่อย่างไรเสียก็ยังเป็นเพลิงอัคคีที่มีอุณหภูมิสูงมาก พวกเราไม่สามารถทนอยู่ได้นาน”
“ขอบคุณผู้อาวุโส ผู้อาวุโส เพลิงวิญญาณไม้มีค่ามากพอแล้ว ของล้ำค่าของท่านทั้งสาม ไม่จำเป็นจริงๆ” หลิวหลีกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
“นังหนู ของพวกนี้ไม่เพียงพอที่จะแทนคำขอบคุณของพวกเราได้หรอก เดิมทีจุดประสงค์ของแนวเขตต้องห้ามมีไว้เพื่อปกป้องพวกเรา แต่พอเวลาผ่านไปก็ค้นพบเรื่องน่ากลัวที่ว่าพวกเราสงบสุขเกินไป สงบสุขจนไม่เข้าใจการสู้รบ และไม่กลัวว่าเจ้าจะหัวเราะเยาะด้วย ก่อนหน้านี้มีผู้อาวุโสสองท่าน ในตอนที่กำลังจะบรรลุเป็นเซียน พวกเขาทนรับอัสนีบาตไม่ได้ วิญญาณจึงดับสลายไป” น้ำเสียงของหยวนเทียนเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
อยู่ดีๆในหัวหลิวหลีก็มีคำพวกนี้โผล่เข้ามา ‘วอดวายเพราะความสบาย’ พวกเขาสงบสุขกันมากเกินไป โดยปกติแล้วการบำเพ็ญเพียรคือการฝืนโชคชะตา จะต้องเผชิญความลำบากจึงจะก้าวหน้า อันที่จริงนางก็ยังไม่ได้ผ่านความลำบากมากมายนัก นางก็จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนให้มาก หลิวหลีไม่รู้ว่าการเข้าใจในจุดนี้ทำให้จิตใจของนางสูงขึ้นอีกขั้น
“ผู้อาวุโส ข้าพอจะเข้าใจพวกท่านแล้ว มีชีวิตรอดเพราะความทุกข์ยาก วอดวายเพราะความสุขสันต์ ผู้อาวุโสผ่านการฝึกฝนมาน้อยจึงไม่สามารถผ่านวิบากสวรรค์ไปได้ ข้าเองก็เป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นการเตือนสติข้าอย่างมาก” หลิวหลีพูดด้วยความจริงใจ
“มีชีวิตรอดเพราะความทุกข์ยาก วอดวายเพราะความสุขสันต์ คำนี้พูดได้ดีมาก” หยวนเทียนรู้สึกชื่นชมหลิวหลี ที่รู้จักประโยคที่มีความหมายลึกซึ้งเช่นนี้ได้
“คนอื่นพูดมา ข้าแค่ยืมมาใช้เท่านั้น” หลิวหลีเกาหัวด้วยท่าทีเก้อเขิน
“นั่นก็ถือว่าไม่เลว นังหนู เจ้าพูดถูกข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะต้องใช้เวลาดูดซึมเพลิงวิญญาณไม้นานเท่าใด แต่ว่าข้าจะรอเจ้า ร้อยปียังรอมาแล้วเลยรออีกไม่กี่ปีจะเป็นไรไป” หยวนเทียนพูดขึ้น หยวนหู่กับหยวนเจียวออกไปก่อนได้ เขาสามารถผลัดกันรอได้
“ขอบคุณผู้อาวุโส” หลิวหลีรู้สึกว่าตัวเองกล่าวคำขอบคุณไปหลายรอบทีเดียว
เอ๋าเลี่ยเองก็รู้สึกชื่นชมคนทั้งสามที่เป็นคนช่างรู้บุญคุณ ถึงแม้หลิวหลีจะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไร แต่ที่จริงนั้นนางทำอะไรไปมากมาย หากดูไม่ผิด แสงแห่งบารมีบนตัวนางเข้มขึ้นอีกแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าไปเถอะ” หยวนเทียนพูดยิ้ม ๆ
“เจ้าค่ะ” หลิวหลีรีบมุ่งหน้าไปที่ถ้ำต้นไม้ที่ดีที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงอาทิตย์ส่องมาพอดีหรือไม่ ทำให้บนตัวของหลิวหลีปรากฏแสงสีทองขึ้นเป็นวงแหวน หยวนเทียนมองไปที่หลิวหลีก็เห็นแสงแห่งบารมี เด็กคนนี้เป็นผู้มีบุญนี่เอง มิน่าล่ะ มิน่า
“พี่ใหญ่ พี่ดูอะไรอยู่หรือ” หยวนเจียวเห็นหยวนเทียนมองไปที่หลิวหลีโดยไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“น้องรอง น้องสาม พวกเราโชคดีมากเลยนะ เด็กคนนั้นน่าจะเป็นผู้มีบุญ อายุน้อยขนาดนั้นแต่กลับมีแสงแห่งบารมีแล้ว และมีจำนวนมากด้วย ในอนาคตจะต้องได้บรรลุเป็นเซียนแน่” หยวนเทียนอธิบาย
“พี่ใหญ่วางแผนเช่นใดต่อ ตอนนี้แนวเขตต้องห้ามได้ถูกทำลาย พวกเราสามารถเข้าออกได้แล้ว” หยวนหู่ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“น้องรอง เจ้าไปเรียกทุกคนให้มารวมตัวกันที่ถ้ำต้นไม้แล้วบอกพวกเขาไป จากนั้นให้พวกเขากล่าวคำสาบานว่าจะเก็บที่นั่นไว้เป็นความลับ ที่นี่จะเป็นทางรอดสุดท้ายของพวกเรา” หยวนเทียนสั่งการด้วยความจริงจัง
“พี่ใหญ่พูดถูก” หยวนเจียวพูดขึ้น
“เจ้ากับน้องสามออกกันไปก่อน ข้าจะรอให้เด็กคนนั้นออกฌาน พอถึงตอนนั้นเอาสมบัติจากคลังของข้าคนเดียวก็ได้” หยวนเทียนบอกความคิดของตัวเองออกมา
“จะให้พี่ต้องจ่ายค่าเสียหายเพียงคนเดียวได้อย่างไร กุญแจที่เก็บของล้ำค่าของข้า ข้าขอมอบให้กับพี่ใหญ่ ข้าเชื่อในตัวท่าน” หยวนหู่กล่าว
“น้องก็เช่นกัน” หยวนเจียวพูดพลางพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นก็เรียกรวมพลเถอะ” หยวนเทียนพูด
ภายในถ้ำของทั้งสาม พอเหล่าอสูรได้ยินข่าวที่ท่านหัวหน้าบอกก็ส่งเสียงฮือฮา พวกเขาสามารถออกไปข้างนอกได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถกลับมาได้อีกด้วย ขอแค่พวกเขาไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ ที่นี่จะยังเป็นที่รอดสุดท้ายของพวกเขา ทั้งหมดต่างยินดีจะกล่าวคำสาบาน ซึ่งจริงๆมันควรจะต้องเป็นเช่นนั้น
จนเหล่าอสูรมาถึงแนวเขตต้องห้าม เมื่อได้เห็นท่านหัวหน้าออกไปแล้วก็กลับเข้ามาได้ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก จากนั้นหยวนหู่ก็ออกไปก่อน ส่วนหยวนเจียวที่จำเป็นต้องจัดการงานบางอย่าง อีกไม่กี่วันจึงจะออกไป มีอสูรบางส่วนเริ่มออกไปบ้างแล้ว และยังมีบางส่วนยังจัดการธุระของตัวเองเช่นหยวนเจียว จึงอาจจะออกไปช้าเล็กน้อย