แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 71 บนเรือมังกร
วันนี้เป็นวันพิเศษ หลงเหวินเซวียนได้พาผู้อาวุโสใหญ่หลงเหวินหยาง ผู้อาวุโสสามหลงเหวินจิ้ง ผู้อาวุโสเก้าหลงเหวินหัว พาศิษย์ทั้งสิบในสกุลที่ได้รับชัยชนะออกเดินทางไปยังเขาจิ่วหัว หลงเหวินเซวียนเอาเรือมังกรออกมาและพาเหล่าศิษย์ออกเดินทาง ไม่นานนักสกุลอื่นต่างก็ทยอยพากันออกเดินทาง เรือมังกรหลากสีทำให้รู้กันเป็นอย่างดีว่า การแข่งขันในสกุลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หลิวหลีมองเรือมังกรที่มีสมรรถนะสมบูรณ์พร้อม ทั้งยังรู้สึกว่าช่างมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ามีขนาดเล็กหรือไม่ หลิวหลีคิดคำนวณครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจ เฮ้อ…ช่างมันเถอะ จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณ นางเป็นคนจน
ผู้อาวุโสใหญ่ก็พาเทียนหลิงมาเป็นคู่หูด้วย หลงเหวินเซวียนก็พาเทียนจิ้งมาด้วยเช่นกัน เด็กน้อยสองคนนี้ตามติดหลิวหลีอยู่ด้านหลังเหมือนหางน้อย ๆ หลิวหลีหยิบอาหารว่างป้อนเข้าปากเด็กสองคนนี้อยู่บ่อยครั้ง เด็กสองคนนี้ตะโกนเรียกพี่สาวเสียงหวาน โดยเฉพาะเทียนเสียงที่เปิดปากพูดทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง พวกเขาคิดมาตลอดว่าเป็นสาวใบ้ไม่คิดเลยว่าจะพูดได้
หลิวหลีที่รู้สึกเบื่อจึงตัดสินใจไปอยู่ที่ห้องปรุงยาของเรือมังกรสักพัก หลิวหลีที่ไม่มีภูมิต้านทานต่อเด็กน้อย พอเจอเจ้าเด็กทั้งสองทำตาแป๋วใส่เข้าหน่อยจึงพาหนูน้อยทั้งสองมายังห้องปรุงยาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และกำชับว่าหากพวกเขาทนไม่ไหวให้รีบบอกนาง นางเป็นห่วงพวกเขาทั้งคู่ หลิวหลีนึกขึ้นได้ว่าตอนที่นางไปยังหมู่บ้านเหยียนหัวได้ซื้อหยกเหมันต์มาไม่น้อยจึงแบ่งให้ทั้งสองคนละชิ้น
หลิวหลีเริ่มปรุงยาจำนวนมากด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ทั้งสองถึงกับอ้าปากค้าง ที่แท้การปรุงยาช่างงดงามเช่นนี้นี่เอง หลงเทียนจิ้งสาบานว่านางจะต้องเป็นนักปรุงยาให้ได้
หลิวหลีหัวเราะกับคำสาบานของเทียนจิ้ง นางคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงลงมือปรุงยารสต่าง ๆขึ้นมาชุดหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับเด็กสองคนนี้เป็นที่สุด พอขบคิดอีกรอบก็พลันนึกถึงครั้งก่อนที่จู่ ๆนางก็มีความคิดประหลาดขึ้นมาจึงตัดสินใจลองดู นางปรุงยาล้างไขกระดูกขึ้นมา โดยกำชับทั้งสองคนว่าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่ถึงจะใช้มันได้ ทางที่ดีที่สุดควรอยู่ในน้ำ และต้องมุ่งมั่นทำต่อเนื่องซึ่งนี่จะเป็นผลดีต่อพวกนางในภายภาคหน้า อีกทั้งยังบอกว่ามีแค่พวกนางเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้นางจะไม่ปรุงยา
ครั้นหยิบของกินต่าง ๆออกมาอีกครั้ง เมื่อทั้งคู่ดื่มกินจนอิ่มท้องก็กลับไปหาท่านปู่ของพวกเขาแล้ว
“ท่านปู่” เสียงของหลงเทียนจิ้งดังแว่วมาแต่ไกล
“ท่านปู่ ท่านปู่สาม” หลงเทียนเสียงตะโกนขึ้นด้วยความละอายใจ
“ท่านปู่” หลงเทียนหลิงลูบจมูกตนเองอย่างรู้สึกไม่ดีนัก นางยังสู้เทียนเสียงไม่ได้เลย
“เล่นกันสนุกหรือไม่ เทียนเสียง เทียนจิ้ง” หลงเหวินหยางถามหลานทั้งสองของตนพลางกลั้วหัวเราะ
“สนุกเจ้าค่ะ” เด็กสาวทั้งสองพยักหน้า สีหน้าแดงระเรื่อ
“พี่หลิวหลีของพวกเจ้ายอดไปเลยใช่หรือไม่ พวกเจ้าทำอะไรกันบ้างเล่า?” หลงเหวินเซวียนถามด้วยความอยากรู้
“ทำของอร่อยเจ้าค่ะ รสชาติอร่อยมาก” เทียนจิ้งตอบ เทียนเสียงที่ยืนข้าง ๆก็พยักหน้าเห็นพ้องไปด้วย
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าหลานของเขาไปดูหลานสาวของเขาปรุงยาหรอกหรือ แต่เหตุใดกลายเป็นทำของอร่อยได้เล่า นี่มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า
“เทียนจิ้ง เล่าให้ละเอียดที” หลงเหวินเซวียนพูดพลางตีหน้าขรึม
“เจ้าค่ะ ท่านปู่ พี่หลิวหลีให้หยกเหมันต์แก่พวกเราคนละชิ้น แล้วยังล้อมแนวเขตต้องห้ามเพราะกลัวพวกข้าจะทนความร้อนจากเปลวไฟและเพลิงพิษไม่ไหว ท่านปู่ พี่หลิวหลีกระบวนท่าปรุงยาช่างงดงามนักและปรุงเยอะด้วย อีกทั้งทำเผื่อข้ากับเทียนเสียงอีกหนึ่งชุด นี่เจ้าค่ะท่านปู่ จนสุดท้ายพวกเรารู้สึกหิว พี่หลิวหลีเลยใช้เตาปรุงยาทำของอร่อยให้พวกเรากินเยอะเลย ท่านปู่เจ้าคะ อีกเดี๋ยวพวกเราไปหาพี่หลิวหลีได้หรือไม่เจ้าคะ“ หลงเทียนจิ้งพูดพลางล้วงหาของไปด้วย เทียนเสียงที่ยืนข้าง ๆก็ทำท่าทำทางให้คุณปู่ดู พอพูดจบเทียนเสียงก็เฝ้ารอดูท่าทีของคุณปู่
“ใช้หม้อปรุงยาทำอาหาร!” หลงเหวินหยางรู้สึกรับไม่ได้ ไม่ใช่ว่านักปรุงยาจะหวงแหนหม้อปรุงยาของตนหรอกหรือ ไม่คิดเลยว่าจะเอามาทำอาหารเช่นนี้ หรือวงจรความคิดของผู้ถูกเลือกจะแตกต่างจากคนทั่วไป
“พี่ใหญ่ ยานี่คล้ายคลึงกับยาล้างไขกระดูกมาก ดูเหมือนจะเหมาะกับผู้ที่ไม่เคยฝึกตนหรือผู้ที่เริ่มฝึกมากกว่า” พูดง่าย ๆก็คือสูตรยาที่ปรุงขึ้นมาเฉพาะ!
หลงเวินหยางรีบคลี่ห่อของหลานออกดู เป็นกลิ่นของยาล้างไขกระดูกจริง ๆ
“เหมือนว่ายัยหนูจะไม่ใช่นักปรุงยาระดับแปดแล้วกระมัง” หลงเหวินหยางกล่าว
“ไม่ใช่ น่าจะดูคล้ายคลึงกันเท่านั้น เป็นแบบทั่วไปต่างหาก” หลงเหวินเซวียนกล่าว ยัยหนูพูดแล้วว่านางไม่สามารถฝึกไปถึงระดับเจ็ดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นับประสาอะไรกับระดับแปด
“น่าจะมีประสิทธิภาพ ยาล้างไขกระดูกเหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถฝึกตนได้หรือเส้นลมปราณอุดตันอย่างร้ายแรง ไม่แน่ว่าขนาดนักปรุงยาระดับเก้าก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้แต่ยานี่กลับมีประโยชน์นัก หากเทียนเสียงและเทียนจิ้งยืนหยัดทนต่อไปได้ วันข้างหน้าคงจะบำเพ็ญไปได้อีกไกลเลย” หลงเหวินหยางพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“เทียนจิ้ง พี่สาวเจ้าให้สิ่งนี้มาแล้วยังพูดอันใดอีกหรือไม่?” หลงเหวินเซวียนเอ่ยถาม
“ท่านพี่พูดว่ามีแค่ข้ากับเทียนเสียงเท่านั้นที่มีในครอบครอง ในมือนางมีส่วนประกอบยาชนิดหนึ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่พอจะนำมาปรุงยานี่ได้ ทั้งยังให้พวกเรามุ่งมั่นต่อไป” เทียนจิ้งขบคิดแล้วเอ่ยขึ้น
“ท่านพี่ยังพูดอีกว่ายาชนิดนี้นางจะไม่ปรุงออกมาเยอะ” เทียนเสียงพูดเสริม ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้นางจะไม่ปรุงยา น่าจะหมายถึงเช่นนี้ล่ะมั้ง เทียนเสียงเอียงคอพลางคิดขึ้นได้
“หลิวหลีรักเจ้าเด็กสองคนนี้จริง ๆ” หลงเหวินเซวียนกล่าวขึ้น
“เทียนเสียง อย่าทำให้พี่หลิวหลีของเจ้าต้องผิดหวัง ยานี่ปู่จะเก็บไว้ให้เจ้าเอง รอกลับถึงบ้านปู่จะเป็นคนให้เจ้าใช้ด้วยตนเอง” หลงเหวินหยางกล่าว หลงเหวินเซวียนก็หมายความเช่นนี้เหมือนกัน
หลังจากส่งเด็กน้อยทั้งสองไปแล้ว ทั้งสองคนก็เงียบไปสักพักหนึ่ง
“เจ้าสาม เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกเจ้าสี่กับสิบสามนะ” หลงเหวินหยางเอ่ยขึ้น แม้ว่าหลงเหวินเซวียนจะเป็นหัวหน้าสกุล แต่เขาเชื่อในตัวพี่ใหญ่คนนี้มากจึงพยักหน้ารับ
“เจ้าสาม เจ้าโชคดีแค่ไหนกันที่มีหลิวหลีเป็นหลาน แม้ว่าซินเยว่จะไม่อยู่แล้ว หลานของเจ้าคนนี้โดดเด่นยิ่งกว่าลูกสาวของเจ้าเสียอีก” บัดนี้หลงเหวินหยางชื่นชมในตัวหลิวหลียิ่งนัก
“นั่นสิ ซินเยว่ไม่อยู่แล้วแต่หลิวหลีกลับทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย อีกทั้งพวกเราก็ไม่ได้ทุ่มเทไปกับเด็กคนนี้มากด้วย” หลงเหวินเซวียนเอ่ยขึ้น ยาที่เด็กคนนี้เอาออกมามีค่าเท่ากับหนึ่งในสามของสกุลเขา โดยเฉพาะคุณภาพชั้นเลิศนั่น
“เจ้าสาม เจ้าพูดถูก พอกลับไปต้องเปิดคลังสมบัติของสกุลเราให้หลิวหลีเลือกของมาสักหนึ่งชิ้น” หลงเหวินหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณพี่ใหญ่มากขอรับ” หลงเหวินเซวียนตอบรับอย่างยินดี คลังสมบัติของสกุลมีพี่ใหญ่เป็นผู้ดูแล เขาเอ่ยปากให้หลิวหลีไปคลังสมบัตินับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
“หลิวหลีสมควรได้รับมัน” หลงเหวินหยางพูดพลางส่ายหัว
“ข้ารู้สึกว่าการแข่งขันของสกุลในครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะหลิวหลีไม่น้อยเลย” หลงเหวินหยางเอ่ย
“พี่ใหญ่ วางใจเถอะ ไม่มีใครสั่นคลอนตำแหน่งหัวหน้าห้าเผ่าใหญ่สกุลหลงของพวกเราได้หรอก” ในจุดนี้หลงเหวินเซวียนมั่นใจอย่างมาก มั่นใจเสียจนหลงเหวินหยางรู้สึกหมั่นไส้ เหตุใดเจ้าสามจึงมั่นใจมากเช่นนี้ ถ่อมตัวหน่อยไม่ได้หรือไง
“เจ้าสาม มีอะไรที่ข้ายังไม่รู้อีกอย่างนั้นหรือ?” หลงเหวินหยางเอ่ยถาม
“พี่ใหญ่ พระพุทธองค์ตรัสว่า ‘มิควรกล่าว’ ” ท่าทางของหลงเหวินเซวียนดูลึกลับยากจะคาดเดาได้
ดูลึกลับชอบกล แต่ว่าดูท่าทางเจ้าสามน่าจะมีไม้ตายอยู่ และไม้ตายนี้น่าจะเป็นหลิวหลี ขอเพียงแค่ชัยชนะสุดท้ายเป็นของสกุลหลงก็พอแล้ว ส่วนท้ายที่สุดเขาจะถูกยุยงถอนงอกไปเท่าไหร่ค่อยว่ากันทีหลังเถิด
…………………………………………………………..