แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 78 บนท้องฟ้ามีดาบร่วงหล่นลงมา
“น้องหลิวหลีกลัวว่าจะทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย“ หลงเทียนหลิง เห็นหลิวหลีออกนำไปก่อน ก็เข้าใจในทันทีว่านางไม่อยากให้พวกเขาต้องเดือดร้อนไปด้วย
“เฮ้อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเรารีบตามเข้าไปกันดีกว่า“ หลงเทียนอี้พยักหน้าพลางพูด
“ข้าอยู่ในนี้สักพักก่อนค่อยออกไปดีกว่า” หลิวหลีหายตัวเข้ามาในมิติ นี่เป็นสิ่งนางใคร่ครวญดีแล้ว
“จื่อฉี ขอกอดหน่อย” เมื่อจื่อฉีเข้ามา หลิวหลีก็เก็บมันเข้ามิติ
“ท่านพี่ นี่คือเพื่อนใหม่ของข้าโม่หราน” ถูกต้อง ครั้งนี้จื่อฉีเข้ามาก็กลายเป็นเพื่อนกับโม่หรานแล้ว ทั้งสองคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“พี่รู้” จะไม่รู้ได้หรือเจอครั้งแรกที่เจอก็อยากจะหยิกนาง
“นั่น นายท่าน” โม่หรานมองไปที่นายท่านอย่างหวาดกลัวน้อยๆ ฮือ น่ากลัวจริงๆ
“พอเถอะ อย่าสอนอะไรมั่วซั่วให้จื่อฉีก็แล้วกัน จื่อฉียังเป็นแค่เด็กน้อยจริงๆ“ ความหมายที่แฝงในคำพูดหลิวหลีก็คือ อย่าสอนอะไรที่ไม่ดีให้จื่อฉี ไม่เช่นนั้นนางจะทำอะไรได้บ้างนางก็ยังไม่แน่ใจ
“รู้แล้วขอรับ“ โม่หรานเอาแต่พยักหน้า
“อาเลี่ย เจ้าว่าข้าจะอยู่ในนี่กี่วันแล้วค่อยออกไปข้างนอก ไม่แน่ใจว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
“ไม่แน่ใจเช่นกัน “เอ๋าเลี่ยก็ไม่รู้เช่นกัน
“เอ่อ นายท่าน ข้าไปดูสถานการณ์ข้างนอกให้ท่านได้” โม่หรานยกมือป้อมๆขึ้นพลางพูด
“เจ้ามีความสามารถเช่นนั้นด้วยหรือ มาดูเร็ว” ดูแล้วก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
โม่หรานโบกมือป้อมๆ สถานที่ตรงหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นภาพโปร่งแสง จากนั้นทิวทัศน์ภายนอกก็ลอดเข้ามาในครรลองสายตา นี่มันฝังตัวเองชัดๆ จิ๊ ไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอถึงได้มากลั่นแกล้งนักปรุงยา
“อาเลี่ย ข้ากลายเป็นเป้าหมายโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว ดูสิ คนมากมายรอรุมข้า” หลิวหลีเอ่ยพลางลูบคางเมื่อมองกลุ่มคนที่แฝงตัวรุมล้อมนาง
“นังหนู พูดจาให้มันดีๆหน่อย ดูเจ้าสิทำท่าทางอะไร” มีตรงไหนที่เหมือนเด็กผู้หญิงบ้าง
“ก็ได้” รีบกลับคืนสภาพเป็นผู้หญิงทันที
“โม่หราน เห็นพวกเขาออกไปแล้ว อีกสามวันค่อยเรียกข้าแล้วกัน ข้าจะไปปรุงยา“ หลิวหลีรู้สึกว่าพวกเขาคงจะจ้องอยู่แบบนี้ไม่ได้กระมัง นางไปปรุงยาดีกว่า นี่เป็นความบันเทิงเดียวที่นางทำได้
“ได้เลย“ โม่หรานพยักหน้า นี่เป็นเรื่องที่สามารถสร้างความประทับใจให้นายท่านได้ มันจะต้องทำให้นายท่านเปลี่ยนความคิดที่มีต่อมันให้ได้
“นังหนู ยาของเจ้าเยอะจนไม่มีที่จะเก็บ ยังจะปรุงเพิ่มอีกหรือ อีกอย่างเจ้ายังไม่รู้สึกถึงเขตปราการของระดับ 7 ไม่ใช่หรือ” เมื่อมาถึงทางตัน ปรุงยาไปก็ไม่มีความหมายอะไรกระมัง
“ใช่ แล้วข้าจะทำอะไรดี หางานอดิเรกใหม่หรือ?” หลิวหลีรู้ว่าการปรุงยาของนางมาถึงทางตันแล้ว แต่นางก็มีทักษะเพียงแค่เรื่องนี้
“พอแล้ว ไปกัน ข้าจะฝึกเป็นเพื่อนเจ้า” เอ๋าเลี่ยกล่าว ด้วยไม่รู้ว่าฝึกกับนางจะต่างกับฝึกเด็กสกุลหลงคนอื่นอย่างไร
“ได้” จะได้อาศัยเวลาช่วงนี้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ให้คุ้นเคยพอดี อีกอย่างเอ๋าเลี่ยก็เป็นเทพสงคราม ย่อมเก่งพวกการต่อสู้อยู่แล้ว
สองตาที่มองดูหลิวหลีเปล่งประกาย เอ๋าเลี่ยพอใจอย่างยิ่ง ใช้ได้ มีจิตต่อสู้ หวังว่าอีกประเดี๋ยวนางจะไม่ถอดใจไปเสียก่อน
กลางอากาศ ทั้งสองร่างบางครั้งต่อสู้พัวพัน บางครั้งแยกออกจากกัน สู้กันอย่างไม่ดุเดือดนัก
ผู้มากความสามารถของแต่ละสำนักที่เก็บตัวเข้าฌาณต่างออกจากฌาณ มีเรื่องอะไรกันถึงต้องสู้กันขนาดนี้
ทั้งสองคนบังเอิญอยู่ที่ยอดเขาจิ่วหัว ไม่รู้ฝ่ายหนึ่งทำอะไร แต่ของในมืออีกฝ่ายก็ร่วงลง ทั้งสองคน คนหนึ่งยื่นมือคว้าแต่อีกคนขวางเอาไว้ แล้วของชิ้นนั้นก็หล่นไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็น
“ตาเฒ่าดาราปีศาจ ข้าไม่ได้ครอบครอง เจ้าก็อย่าหวังเลย“ น้ำเสียงราวถูกทำร้าย ไม่น่าฟังอย่างยิ่ง
“เฒ่าประหลาดวายุ ข้าเป็นคนเห็นชัดๆ เจ้าก็รู้ว่าเพลิงอัคคีนี้ข้าเจอง่ายๆเสียเมื่อไหร่ เหน็ดเหนื่อยยากเย็นกว่าจะเจอ แต่เจ้ายังทำหล่น เพลิงอัคคีประเภทนี้ปรับตัวกลมกลืนให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ง่าย อายุเจ้าก็ขนาดนี้ แถมยังไม่มีเหตุผลเช่นนี้“ ซิงเหล่าไกว้กล่าวด้วยความโกรธเคือง
“เหตุผลรึ ข้าคนแซ่หลี่ ไม่จำเป็นมีเหตุผล“ หลี่จี้เฟิงพ่นลมออกทางจมูก
“เจ้าโจรชั่ว“ โจวซิงหัวเสียกับคำพูดที่ไร้เหตุผลเช่นนี้อย่างยิ่ง
“นี่ที่คือโลกของพวกอสูรเทพ วันนี้เป็นวันทดสอบทายาทของพวกเขา รอให้การประลองเสร็จสิ้น พวกเราค่อยตามหาเถอะ หากพวกอสูรรู้เข้า ถึงพวกเราสองคนจะร่วมแรงกันก็น่าจะยังต้องตายด้วยน้ำมือพวกเขาอยู่ดี” โจวซิงกล่าว ถึงหลี่จี้เฟิงไม่พูดอะไรแต่ก็เห็นด้วยกับอีกฝ่าย
ส่วนทางหลิวหลีโคจรพลังเพลิงอัคคีไว้ที่ฝ่าเท้า จึงรวดเร็วราวจรวด ความว่องไวไม่ด้อยไปกว่าแกนวิญญาณวายุเลย
“นี่นังหนู ทักษะนี้ของเจ้าไม่เลว เจ้าคิดได้อย่างไร “เอ๋าเลี่ยเห็นท่าร่างนี้ของหลิวหลีที่ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาเลย นังหนูมีพลังอันไร้ขีดจำกัดจริงๆ
“น้อยๆหน่อยอาเลี่ย มิน่าล่ะเจ้าถึงโสดมาเป็นหมื่นๆ ปี ช่างไม่ทะนุถนอมบุปผางามเช่นนี้ ใครจะอยากแต่งกับเจ้า “หลิวหลีวิ่งพลางหัวเราะเยาะเอ๋าเลี่ยไปพร้อมกัน เมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่แสนยากลำบากในช่วงที่ผ่านมาหลิวหลีก็น้ำตาไหลอย่างขมขื่น
แค่วันแรกนางก็ถูกเอ๋าเลี่ยทุ่มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็กดพลังบำเพ็ญเพียรให้เท่านาง แต่นางก็ยังโดนสังหารอย่างอนาถ ใช่แล้ว โดนฆ่า เมื่อเผชิญหน้ากับเอ๋าเลี่ยนางไม่สามารถหลบได้เลย ไม่ว่าอย่างไรก็โดนอีกฝ่ายเจอ บวกกับเวลาที่ผิดเพี้ยนของมิติ นางโดนสังหารมาสามเดือนแล้ว ความคิดนี้เกิดจากการที่นางเห็นจื่อฉีกลายร่างกลับไปเป็นอสูร กีบเท้าเล็กๆทั้งสี่ของมันมีไฟล้อมรอบทำให้มันวิ่งได้รวดเร็ว ทำให้นางได้ความคิดดีๆ บวกกับนางกระหวัดนึกถึงภาพเหตุการณ์ในการส่งจรวด ทำให้นางปรับเปลี่ยนวิธีหนีได้ใหม่
“นังหนู เพราะข้าไม่สนใจมังกรโง่พวกนั้นต่างหาก ช่วยพูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยๆหน่อย” เอ๋าหัวเสีย ยิ่งนานวันเด็กคนนี้ยิ่งไม่รักษามารยาท แต่ทว่าท่าเคลื่อนที่นี้ไม่เลวเลย แรกๆนังหนูก็เก้ๆกังๆ แต่ตอนนี้สามารถใช้ได้ตามใจคิด นังหนูคนนี้มีพลังไร้ขีดจำกัดจริงๆ เหตุใดเขาจึงไม่รู้มาก่อนนะ
“เจ้าลองมองความสามารถของตนเอง กระต่ายไม่กินหญ้าริมรังตนเอง ส่วนเจ้านี่ดันมองดอกหญ้าใกล้ๆ เจ้าลองมองไปให้ไกลอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าในสกุลอื่นอาจจะมีรักแท้รออยู่” หลิวหลีตอบอีกฝ่ายพร้อมกับยอกย้อนเขาไปในเวลาเดียวกัน เอ๋าเลี่ยที่เจื้อยแจ้วอยู่เหมือนได้สติกลับมา ก็จริงไม่ได้มีใครบังคับให้เขาต้องแต่งกับคนในสกุลหลง แต่ทว่าท่าทางกวนประสาทแบบนี้ของนังหนู ไม่ต่างกับเวลาปกติแม้แต่น้อย เลอะเทอะเหลวไหล หลิวหลีหลับตาลง ก็แค่พูดแทงใจดำเขาเท่านั้นเองถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ โอ้ย เจ็บจริงๆ ทำให้นางมีแรง บี้ยาที่ตนเองปรุงขึ้นเพื่อจัดการบาดแผล แล้วจึงโซเซไปฝึกบำเพ็ญ แต่นางรู้สึกได้ว่าพลังของนางแข็งแกร่งขึ้นมาบางส่วนแล้ว
“นายท่าน ออกไปได้แล้ว” โม่หรานเอ่ย อันที่จริงไม่กี่วันก่อนนี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่คนผู้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่งดึงดันจะให้เขาพูดวันนี้
“เป็นแบบนี้นี่เอง ก็ดี” หลายวันมานี้ถูกเอ๋าเลี่ยทรมานมานาน นางตัดสินใจจะออกไปหาคนอื่นเพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย
ตำแหน่งที่นางออกไป เป็นตำแหน่งที่นางเข้ามิติพอดี โชคดีที่เตรียมตัวไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นตัวตลกแน่
“ป้ายหยก ข้ามาแล้ว” ระยะเวลาที่หลิวหลีถูกเอ๋าเลี่ยฝึกฝน นางรู้สึกว่าตนเองออกจะประสาทหน่อยๆ จึงกระหายอยากจะเอาชนะคนอื่นอย่างมาก
นางยังไม่ทันจะพูดจบ ก็มีดาบสีทองร่วงลงมาจากฟ้ากระแทกใส่หลิวหลีพอดี นี่มันอะไร
“ดาบทอง? ตกลงมาจากฟ้าหรือเนี่ย?” ยุคนี้ไม่มีก้อนแป้งตกลงมาจากฟ้า แต่ดันเป็นอาวุธแทน ยังดีที่เป็นดาบ ไม่เช่นนั้นนางต้องเอากลับไปหลอมแน่ๆ
นางโยนดาบขนาดใหญ่เข้าไปในมิติ หลิวหลียังไม่ทันได้หาตำแหน่งคนอื่น โม่หรานก็เรียกหานาง
“นายท่าน ท่านโยนอะไรเข้ามา พืชศักดิ์สิทธิ์แห้งตายหมดแล้ว“ น้ำเสียงร้อนรนของโม่หรานลอดเข้ามา หลิวหลีทำได้เพียงกลับเข้าไปในมิติ เวลา 10 วันผ่านไป นางไม่ได้กระดิกตัวไปไหนแม้แต่น้อย
………………………………….