แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 150 ต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที
ตอนที่ 150 ต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที
คุณหมอประจำแผนกฉุกเฉินที่รับดูแลเคสนี้เป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ทันทีที่เขาเห็นอาการของโต้วโต้วก็เป็นกังวลมาก
“นี่คือภาวะที่ร้ายแรงที่สุดของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในเด็ก หรือที่เรียกว่าภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน(1) อาการของเด็กคนนี้อยู่ในขั้นภาวะหัวใจล้มเหลว จะต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ปล่อยให้หล่อนอยู่ที่แผนกฉุกเฉินไม่ได้ ต้องส่งตัวไปที่ห้องผ่าตัดทันที”
ระหว่างนั้นเขาเปิดรายชื่อแพทย์ที่เข้าประจำการที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ “ดูเหมือนว่าคืนนี้ศาสตราจารย์ฟางจะเข้าเวรอยู่ เด็กรอดแล้วล่ะ ศาสตราจารย์ฟางเชี่ยวชาญการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในเด็กมาก”
หลังจากออกใบรับรองการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว พยาบาลห้องฉุกเฉินก็ได้พาหลินม่ายและลูกสาวตรงไปที่ห้องผ่าตัด
ฟางจั๋วหรานเพิ่งจะรักษาผู้ป่วยภาวะวิกฤตเสร็จได้ไม่นาน ยังไม่ทันที่เขาจะมีเวลาพักหายใจ พยาบาลก็ตรงเข้าไปหาเขาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับยื่นเอกสารเตรียมการผ่าตัดให้เขา
“คุณหมอฟางคะ แผนกฉุกเฉินแจ้งให้คุณเตรียมทำการผ่าตัดด่วน มีเด็กคนหนึ่งจำเป็นต้องเขารับการผ่าตัดช่องอกอย่างเร่งด่วนค่ะ”
ฟางจั๋วหรานรับเอกสารเตรียมการผ่าตัดไปอ่าน ‘หลินเจียโต้ว เพศหญิง อายุสี่ปี ป่วยด้วยอาการภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน’
เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที
หลินเจียโต้ว? ต้องเป็นโต้วโต้วไม่ผิดแน่ เพราะหล่อนใช้แซ่หลินตามผู้เป็นแม่ ชื่อเล่นคือโต้วโต้ว และดูเหมือนว่าปีนี้หล่อนจะอายุสี่ขวบพอดี
แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าหล่อนป่วยเป็นโรคภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน จะเป็นหล่อนได้อย่างไร…
ฟางจั๋วหรานกำลังเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทำการผ่าตัด รีบสวมถุงมือทั้งสองข้าง
ก่อนหันไปเห็นว่าคนที่วิ่งตามพยาบาลเข้ามาคือหลินม่ายซึ่งกำลังอุ้มโต้วโต้วอยู่ในอ้อมแขนด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขาก็ตื่นตระหนกทันที
ที่แท้หลินเจียโต้วก็คือโต้วโต้วเองหรือ?!
ตอนนี้หลินม่ายอยู่ในอาการอกสั่นขวัญหาย
เธอคิดว่าที่โต้วโต้วหายใจไม่ออกคงเป็นแค่อาการข้างเคียงที่เกิดจากการถูกผลักให้ล้มลงกับพื้น
ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดขั้นร้ายแรง ทำให้ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน!
คำวินัจฉัยของคุณหมอประจำแผนกฉุกเฉินเมื่อครู่เป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงกลางกบาล ทำให้สมองของเธออื้ออึงมาจนถึงตอนนี้
ราวกับนี่เพียงความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง
ได้แต่ภาวนาให้เธอแค่ฝันไปเท่านั้น
ทันทีที่มองเห็นฟางจั๋วหราน หลินม่ายก็รีบร้องเรียกเขาไว้ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “คุณหมอฟางคะ” แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
ฟางจั๋วหรานไม่เคยเห็นเธอทำอะไรไม่ถูกแบบนี้มาก่อน
เธอที่ทำให้เขารู้สึกเสมอว่าต่อให้พบเจอพายุมรสุมใดถาโถมเข้ามาก็ไม่เคยหวาดหวั่น แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอและโดดเดี่ยวราวกับเด็กน้อยที่ไร้ที่พึ่ง
เขาอดรู้สึกปวดแปลบในใจขึ้นมาไม่ได้ หันไปปลอบโยนเสียงเบา “โต้วโต้วอยู่ในมือผมแล้ว หล่อนต้องไม่เป็นอะไร”
เมื่อหลินม่ายได้ยินคำพูดของเขา หัวใจที่ตื่นตระหนกก็สงบลงเล็กน้อย
ฟางจั๋วหรานหันไปออกคำสั่งให้ผู้ช่วยรีบตรวจดูอาการเบื้องต้นของโต้วโต้วอย่างรวดเร็ว
เขาได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันกับแพทย์ประจำแผนกฉุกเฉินว่าจะต้องทำการผ่าตัดโดยทันที ไม่อย่างนั้นภาวะหัวใจล้มเหลวอาจกำเริบ จนไม่สามารถรักษาชีวิตเด็กเอาไว้ได้
พยาบาลส่งเอกสารแสดงความยินยอมเข้ารับการผ่าตัดให้กับหลินม่ายเพื่อให้เธอเซ็นชื่อ
หลินม่ายรีบเซ็นชื่อโดยไม่อ่านอะไรทั้งนั้น
หลังจากนั้นพยาบาลก็ดำเนินการออกใบเสร็จค่าใช้จ่ายทั้งหมดส่งให้เธออีกฉบับ
หลินม่ายตกตะลึงเมื่อเห็นยอดเงินจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยหกสิบหกหยวนในใบเสร็จชำระเงินตรงหน้า
ตอนนี้ในสมุดบัญชีเงินฝากของเธอมีเงินอยู่ในนั้นแค่หนึ่งพันหยวน ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับจ่ายค่าผ่าตัดแน่
เธอเงยหน้าขึ้นถามเสียงแผ่ว “ฉันจ่ายให้ก่อนหนึ่งพันหยวนได้ไหมคะ? ส่วนที่เหลือค่อยนำมาผ่อนจ่ายคืนให้ในภายหลัง…”
นางพยาบาลตอบด้วยความลำบากใจ “ทางโรงพยาบาลไม่มีมาตรการนี้ค่ะ”
ฟางจั๋วหรานรีบเดินเข้ามา “เดี๋ยวผมออกค่ารักษาของโต้วโต้วให้ก่อน”
ขณะที่พูดแบบนั้น เขาก็คว้าปากกาในมือของพยาบาลคนนั้น แล้วจัดการเซ็นชื่อลงในช่องผู้ค้ำประกันการจ่ายค่ารักษา
ขอแค่มีลายเซ็นของเขา ทางโรงพยาบาลก็จะหักเงินในส่วนนี้ออกจากเงินเดือนของเขาได้ ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างตรงเวลา
เขาเป็นถึงรองศาสตราจารย์ภาควิชาศัลยศาสตร์ เงินเดือนพื้นฐานเพียงอย่างเดียวก็มากกว่าหกร้อยหยวนต่อเดือนเข้าไปแล้ว
ค่าผ่าตัดที่สูงเสียดฟ้าของโต้วโต้ว จึงเทียบได้กับเงินเดือนพื้นฐานที่เขาได้รับเป็นเวลาสามเดือนเท่านั้น
หลินม่ายทำได้แค่หันไปขอบคุณเขา เพราะหลังจากนั้นฟางจั๋วหรานได้เดินนำผู้ช่วยของเขาเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว
อาการของโต้วโต้วไม่สามารถปล่อยให้ล่าช้าไปกว่านี้
โต้วโต้วที่นอนอยู่บนเตียงขนาดเล็กถูกพยาบาลเข็นตามเข้าไป
หลินม่ายเดินตามไปถึงหน้าประตูห้องผ่าตัด แต่แล้วกลับถูกพยาบาลห้ามไว้
ฟางจั๋วหรานหันกลับไปหาเธอพร้อมพูดว่า “เชื่อมือผม โต้วโต้วจะไม่เป็นไร”
หลินม่ายเหม่อมองประตูห้องผ่าตัดที่เลื่อนปิดต่อหน้าต่อตา ค่อย ๆ ถอยกลับไปที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัดแล้วนั่งลง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น เอาแต่โทษตัวเองไม่หยุดหย่อน
โต้วโต้วป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ก่อนหน้านี้หล่อนแสดงอาการตั้งหลายครั้ง
ทุกครั้งที่หล่อนวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับเด็กคนอื่น ๆ จะเห็นได้ว่าหล่อนวิ่งไปได้ไม่ไกลนักก็ยืนหอบเหมือนคนหายใจไม่ออกแล้ว ทว่าหลินม่ายกลับมองข้ามมันไป…
โจวฉายอวิ๋นขายผลไม้ที่เหลือเกือบหมดแล้ว จึงรีบตามไปที่โรงพยาบาล
หลังจากสอบถามคนอื่นอยู่หลายหน ในที่สุดก็เดินมาเจอห้องผ่าตัด
ภาพตรงหน้าคือหลินม่ายที่นั่งอยู่เพียงลำพังหน้าห้องผ่าตัดและกำลังร้องไห้
หล่อนเดินเข้าไปโอบร่างอีกฝ่ายมากอดไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็พยายามปลอบโยนเบา ๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง
จนกระทั่งอารมณ์ของหลินม่ายเริ่มคงที่ขึ้นบ้างแล้ว จึงค่อย ๆ ปาดเช็ดน้ำตา หันไปพูดกับหล่อนว่า “ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
โจวฉายอวิ๋นทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ปากก็พูดพึมพำเสียงแผ่ว “โต้วโต้วออกจะแข็งแรงดี ทำไมถึงหัวใจวายเสียได้?”
พอหลินม่ายได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง
โจวฉายอวิ๋นรีบจับมือของเธอไว้ “เธอบอกว่าคุณหมอฟางกำลังผ่าตัดให้โต้วโต้วอยู่ไม่ใช่หรือ คุณหมอฟางเก่งขนาดนั้น โต้วโต้วต้องปลอดภัยแน่ เธออย่ากังวลเลย…”
หลินม่ายยังไม่หยุดร้องไห้สะอึกสะอื้น
ต่อให้ฟางจั๋วหรานจะเก่งแค่ไหน แต่เขาไม่ใช่เทพเซียน ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้
โจวฉายอวิ๋นตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้กับหลินม่ายอีก เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกหดหู่จนเสียสมาธิ
บอกเธอแค่ว่าผลไม้ถูกขายออกไปจนเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณหนึ่งร้อยชั่ง
หล่อนวางแผนว่าจะตั้งแผงขายหน้าร้านช่วงกลางคืนในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง
หน้าร้านช่วงกลางคืนมีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน ไม่ว่าขายอะไรก็ขายดิบขายดี ไม่จำเป็นต้องออกไปเร่ขายแถวเขตชุมชนต่าง ๆ
หล่อนยังบอกอีกว่าหลี่หมิงเฉิงเองก็ตั้งใจตามมาที่นี่ แต่หล่อนกลัวว่าที่ร้านจะไม่มีใครช่วยเฝ้า จึงไม่อนุญาตให้เขาตามมา
โจวฉายอวิ๋นยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ให้ฟังต่อไป แต่หลินม่ายไม่ตอบอะไรเลยสักคำ
พอโจวฉายอวิ๋นหมดเรื่องคุยแล้วก็เงียบเสียง นั่งอยู่เคียงข้างหลินม่ายต่อไปเงียบ ๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก พร้อมกับเตียงของโต้วโต้วที่ถูกเข็นออกมา
หลินม่ายกับโจวฉายอวิ๋นรีบพุ่งตัวเข้าไปที่เตียงนั้น
หลังได้รับการผ่าตัด โต้วโต้วยังไม่ตื่น ใบหน้าขาวเผือดซีดเซียว ดูเปราะบางเหลือเกิน
ราวกับหยาดน้ำค้างที่พร้อมจะสลายตัวไปทันทีเมื่อถูกสัมผัส
หลินม่ายยิ่งเป็นกังวลจนน้ำตาไหลริน รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก หันไปถามฟางจั๋วหรานที่เดินตามเตียงของโต้วโต้วออกมา “โต้วโต้วไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?”
โจวฉายอวิ๋นเองก็รอคอยคำตอบจากเขาอย่างกระตือรือร้น
ฟางจั๋วหรานถอดหน้ากากอนามัยออก ตอบหลินม่ายเบา ๆ “การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี โต้วโต้วปลอดภัยแล้ว”
โจวฉายอวิ๋นถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก จับมือหลินม่ายไว้แน่น “ได้ยินไหม คุณหมอฟางบอกว่าโต้วโต้วปลอดภัยแล้ว”
หลินม่ายถามทั้งน้ำตา “โต้วโต้วจะยังเติบโตขึ้นอย่างปกติเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ อยู่ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้ายืนยัน “ใช่!”
ถ้าเป็นหมอคนอื่นที่ทำการผ่าตัดหัวใจ ผู้ป่วยอาจได้รับผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา
แต่เขามั่นใจในฝีมือของตัวเองพอสมควร ว่าจะไม่ทิ้งผลสืบเนื่องใด ๆ ไว้กับโต้วโต้วแน่
เมื่อปราศจากผลข้างเคียง โต้วโต้วก็จะหายจากโรคนี้และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
หลินม่ายได้ยินก็โล่งใจ
ตอนนี้เธอไม่คาดหวังอะไรเกินตัวทั้งนั้น หวังเพียงว่าโต้วโต้วจะยังเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัย และมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับโลกที่สวยงามใบนี้เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ
หลังจากโต้วโต้วเข้ารับการผ่าตัด หล่อนจะต้องพักฟื้นอยู่ที่ห้องดูแลผู้ป่วยหนัก(2)เป็นเวลาเจ็ดวัน รอให้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็จะย้ายไปอยู่ที่ห้องพักแผนกผู้ป่วยใน
หลินม่ายกับโจวฉายอวิ๋นเดินตามเตียงรถเข็นของโต้วโต้วไปที่ห้องดูแลผู้ป่วยหนัก แต่พยาบาลไม่อนุญาตให้ทั้งสองเดินผ่านเข้าประตูไป
เหตุผลก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์แล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องทั้งนั้น
หลินม่ายและโจวฉายอวิ๋นจึงจำเป็นต้องหยุดรออยู่ด้านนอก
……………………………………………………………………………………………………………….
ภาวะหลอดเลือดหัวใจเกิน (PDA) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ดักตัส’ คือภาวะที่การเชื่อมต่อระหว่างหลอดเลือดแดงของปอดกับหลอดเลือดแดงของร่างกายของทารกในครรภ์ไม่ได้บรรจบกันอย่างที่ควรจะเป็น อาการสำคัญคือความผันผวนของการรับออกซิเจน ความต้องการทางออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น และปัญหาการหายใจเนื่องจากของเหลวในปอด
ห้องไอซียู
สารจากผู้แปล
อยู่ในมือพี่หมอแล้ว น้องโต้วโต้วจะต้องปลอดภัยแน่ค่ะ
เป็นคนสำคัญของพี่หมอนี่มันดีจริงๆ เลย
ไหหม่า(海馬)