แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 176 ช่วยฉันหน่อยได้ไหม
ตอนที่ 176 ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?
กว่างโจวในยุคนี้ไม่เหมือนกับเมืองที่อยู่ห่างไกลจากทะเลแล้ว หลังจากยกเลิกแผนเศรษฐกิจ ทุกหนแห่งต่างก็มีตลาดสดขนาดย่อมขึ้น
หลินม่ายขนผักแห้งไปที่ตลาดสด เมื่อจ่ายค่าแผง5เหมา ก็สามารถขายผักแห้งได้อย่างถูกกฎหมาย
ในเมืองเจียงเฉิงผักหนึ่งชั่งมากที่สุดก็5เหมา แต่ที่นี่กลับสามารถขายได้ชั่งละ8เหมา
แม้ว่าหนึ่งชั่งจะได้กำไรเพียง3เหมา แต่ถ้าขายได้ห้าสิบชั่งก็หาได้สิบกว่าหยวน เท่านี้ก็ได้ค่าเดินทางไปกลับรวมทั้งค่าที่พัก ค่าอาหารทั้งหมดคืนมาแล้ว
เมื่อในมือมีเงินแล้ว หลินม่ายก็อยากไปซื้อเสื้อผ้าให้ฟางจั๋วหรานที่ตลาดค้าส่งสักสองสามชุด
คนเขาให้สร้อยทองราคาแพงขนาดนั้นมาให้ ยังไงเธอก็ต้องส่งของขวัญคืน
ถึงจะบอกว่าตอนนี้เขาเป็นแฟนหนุ่มของตนแล้ว จะจ่ายเงินเพื่อเธอก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในฐานะแฟนสาวจะจ่ายเงินเพื่อแฟนหนุ่มก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เช่นกัน
ความรักคือการให้ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ให้อยู่ฝ่ายเดียว แล้วอีกฝ่ายเอาแต่รับอย่างเดียว
เมื่อมาถึงตลาดค้าส่งเสื้อผ้าเธอก็เดินวนรอบหนึ่ง หลินม่ายถูกใจเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวหนึ่งและสีชมพูตัวหนึ่ง กางเกงสแล็คหนึ่งตัว กางเกงยีนหนึ่งตัว และเสื้อยืดสองตัว
หลินม่ายหอบเสื้อผ้าที่เลือกเสร็จแล้วเดินไปที่เจ้าของร้าน “เสื้อผ้าพวกนี้เท่าไรคะ?”
เจ้าของร้านพลิกเสื้อผ้าพวกนั้นดูรอบหนึ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมากดเล็กน้อย “ทั้งหมด105หยวนครับ”
หลินม่ายเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “คุณคิดผิดหรือเปล่าคะ?”
เจ้าของร้านมองเธออย่างบริสุทธิ์ใจ “คิดไม่ผิดนะครับ เสื้อเชิ้ตหนึ่งตัว18หยวน กางเกงสแล็ค24…”
หลินม่ายไม่ทันรอให้เขาแจกแจงเสร็จ ก็เข้าใจได้ว่าเขาคิดทั้งหมดให้เธอตามราคาปลีก
“ฉันซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ คุณคิดราคาปลีกให้ฉันเหรอคะ?”
เจ้าของร้านหัวเราะ “เสื้อผ้าของคุณแค่ไม่กี่ตัว ก็ต้องคิดตามราคาปลีกสิครับ”
หลินม่ายสะอึกเล็กน้อย “งั้นลดให้หน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
เจ้าของร้านคิดครู่หนึ่ง “เห็นแก่ที่คุณต้องการขนาดนั้นแล้ว ผมจะปัดเศษให้ก็แล้วกัน เก็บคุณแค่ร้อยหยวนก็มีน้ำใจมากแล้วล่ะ”
หลินม่ายจำใจวางเสื้อผ้าที่เลือกไว้ลง แล้วหมุนตัวเดินออกไป
เจ้าของร้านใช้สำเนียงกวางตุ้งบ่นพึมพำสองสามคำอย่างไม่พอใจ แล้วเอาเสื้อผ้าพวกนั้นทั้งหมดแขวนกลับที่เดิม
หลินม่ายเดินออกมาไม่ไกลนัก ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เข้ามาเกาะติดเธอ
หลินม่ายนั้นไม่ได้ซื้อเสื้อผ้า ท้องก็หิว พลันผลักชายหนุ่มคนนั้นออกจนโซเซไปมา
เธอพูดอย่างหงุดหงิด “อย่ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันไม่มีเงินๆๆ!”
เธอตะเบ็งเสียง ไล่หัวขโมยที่กำลังพยายามหลอกเธออยู่หลายครั้ง
ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีเงินหรือไม่ ถึงยังไงก็ไม่สามารถขโมยเธอได้เลย
ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเกินไป ถ้าขโมยเงินของเธอ เธอจะต้องวิ่งไล่ไปสุดถนนแน่!
หลินม่ายเดินไปพลางในใจก็ครุ่นคิดเล็กน้อย เธอเกิดความคิดดีๆ ขึ้นมาอย่างหนึ่ง จึงไปยังร้านขายส่งเสื้อผ้าสตรี“Pretty Lady”ที่ซื้อเสื้อแขนค้างคาวและกางเกงยีนเมื่อครู่
ปกติแล้วหลังเวลา10โมงเช้า คนที่มาซื้อสินค้าก็จะน้อยลงมาก ธุรกิจของแต่ละร้านจึงไม่ยุ่งมากนัก
กระทั่งถึงเวลานี้เถ้าแก่เนี้ยร้าน“Pretty Lady”นั้นก็เพิ่งสนใจจะกินอาหารเช้า
เมื่อหลินม่ายเข้ามาในร้าน เธอก็แทบจะจำได้ในทันที
แต่ไม่ใช่เพราะหลินม่ายสวยจนทำให้จดจำติดตา แต่เพราะฟางจั๋วหรานที่มากับเธอนั้นหล่อเหลาเกินไป เห็นเพียงครั้งเดียวก็ลืมไม่ลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีความทรงจำอันลึกซึ้งกับเธอไปด้วย
เถ้าแก่เนี้ยร้านPretty Ladyมีความประทับใจต่อหลินม่ายไม่ดีนัก
แม้ว่าหลินม่ายจะซื้อเสื้อและกางเกงของร้านเธอไปไม่น้อย แต่ก็กดราคาต่ำจนเกินไป!
จะขายก็ไม่เต็มใจ จะไม่ขายก็ไม่สบายใจ สองจิตสองใจเอาก็ไม่คุ้มไม่เอาก็เสียดาย
ถึงแม้สุดท้ายแล้วก็ขายให้กับหลินม่ายอยู่ดี แต่ในใจเถ้าแก่เนี้ยตอนนี้กำลังอัดอั้นไม่มีทางระบาย
แต่คนกว่างโจวในเวลาทำธุรกิจต่อให้จะไม่พอใจคุณอย่างไร แต่เห็นแก่เงินแล้ว เขาก็ยังสามารถต้อนรับคุณด้วยรอยยิ้มได้
เถ้าแก่เนี้ยฉีกยิ้ม “คนสวย มาอีกแล้วเหรอจ๊ะ? ทำไมแฟนหนูไม่มาด้วยกันล่ะ?”
หลินม่ายหัวเราะพลางเอ่ย “เขามีธุระน่ะค่ะ”
จากนั้นจึงเปลี่ยนประเด็น “พี่สาวคะ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
เถ้าแก่เนี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยน่ะได้ ขอแค่หนูอย่าโกงฉันก็พอ”
ว่ากันว่าคนกว่างโจวนั้นเฉลียวฉลาด แต่เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกว่าต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ไม่ฉลาดเกินไปกว่ายัยหนูตรงหน้าคนนี้หรอก
สาวเจ้าเป็นปรมาจารย์แห่งความเจ้าเล่ห์ที่หลอกหล่อนอย่างโหดเหี้ยมมาแล้วเชียวนะ
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “คนชนบทอย่างพวกเราซื่อสัตย์ที่สุด ไม่รู้จะหลอกคนยังไงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ”
เธอชี้ไปยังร้านขายส่งเสื้อผ้าผู้ชายที่เธอเลือกเสื้อผ้าเมื่อครู่นี้ร้านนั้น “เมื่อกี้ฉันเลือกเสื้อผ้าไม่กี่ตัวให้แฟนของฉันที่ร้านขายส่งเสื้อผ้าผู้ชายร้านนั้นมา แต่เถ้าแก่เอาแต่จะขายราคาปลีกให้ฉันท่าเดียวเลย
ฉันอย่างขอให้พี่สาวช่วยออกหน้า ซื้อมาในราคาส่งให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ? เงินติดตัวฉันมีไม่มากแล้ว ซื้อได้แค่ในราคาส่งแล้วค่ะ”
แม้ว่าในชาติก่อนหลินม่ายไม่เคยทำธุรกิจเสื้อผ้า แต่เธอก็พอรู้ว่า เจ้าของร้านของตลาดเสื้อผ้าเดียวกันต่างก็รู้จักกัน
หากให้เถ้าแก่เนี้ยร้านPretty Ladyออกหน้าช่วยเธอซื้อ เจ้าของร้านเสื้อผ้าผู้ชายร้านนั้นคงจะเห็นแก่หน้าคนทำธุรกิจในตลาดเสื้อผ้าเดียวกัน แล้วขายให้เธอในราคาส่งได้
เถ้าแก่เนี้ยถาม “หนูถูกใจเสื้อผ้าตัวไหนบ้างล่ะ?”
หลินม่ายบอกให้เธอฟัง
เถ้าแก่เนี้ยกินอาหารเช้าคำสุดท้ายหมด “ฉันช่วยหนูซื้อได้ไม่มีปัญหา แต่ต่อไปหนูอย่าลืมมาสั่งสินค้าที่ร้านของฉันด้วยนะ”
ถึงแม้วันนี้จะขายให้หลินม่ายในราคาที่ได้ไม่คุ้มมากนัก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้กำไรเลย
ขอแค่สามารถหาเงินได้ ต่อให้เป็นราคาที่ไม่ดีนักก็ต้องขาย
หลินม่ายพยักหน้า “ตราบใดที่สินค้าของร้านพี่ทั้งถูกทั้งดี ฉันต้องมาซื้อของร้านพี่แน่นอนค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยเบ้ปากอยู่ในใจ สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ต่อให้ช่วยเหลือเธอแล้ว เธอก็ยังไม่ยอมรับปากอะไรง่ายๆ
เถ้าแก่เนี้ยรับเงินที่หลินม่ายยื่นให้ แล้วไปที่ร้านขายเสื้อผู้ชายร้านนั้น
เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายเห็นว่าเสื้อผ้าที่เถ้าแก่เนี้ยร้านPretty ladyเลือกล้วนเป็นเสื้อและกางเกงที่หลินม่ายเลือกไว้เมื่อครู่
เขาจึงถามอย่างสงสัย “นี่คุณมาช่วยคนอื่นซื้อเสื้อผ้าอยู่หรือเปล่า?”
เถ้าแก่เนี้ยร้านPretty ladyเองก็ไม่ได้ปิดบังเขา “ฉันช่วยลูกค้าของฉันซื้อ ไว้หน้ากันหน่อยเถอะน่า!”
เจ้าของร้านจำใจอย่างยิ่ง แต่ก็ยังพยักหน้าตกลง
เถ้าแก่เนี้ยซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่ร้านของตัวเอง พูดกับหลินม่าย “ต่อไปไม่ว่าจะดูเสื้อผ้าของร้านขายส่งเสื้อผ้าผู้ชายร้านไหนแล้ว ก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับเจ้าของร้านล่ะ แค่มาบอกฉันก็พอ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อให้ หนูไปต่อราคากับคนอื่นแล้วให้ฉันไปซื้ออีกที คนอื่นเขาก็รู้ว่าฉันมาซื้อให้หนู เดี๋ยวเขาจะไม่พอใจได้น่ะ”
หลินม่ายพยักหน้าตอบ “ฉันจะจำไว้ค่ะ”
หลังกล่าวขอบคุณแล้ว เธอก็หยิบเสื้อผ้า แล้วจึงลากรถเข็นไปยังที่พักที่ฟางจั๋วหรานอยู่
เมื่อเข้ามาในห้องของเขา เธอก็เอาเสื้อผ้าที่ซื้อให้เขาขึ้นมาให้เขาดูทั้งหมดราวกับมอบของขวัญล้ำค่า
ฟางจั๋วหรานเห็นเธอซื้อเสื้อผ้ามาให้เขามากมาย ก็บีบคลึงดวงหน้าเล็กของเธออย่างทั้งมีความสุขทั้งเอ็นดู
“ผมไม่ได้ไม่มีเสื้อผ้าใส่สักหน่อย จะซื้อให้ผมทำไมกัน ซื้อให้ตัวคุณเองก็พอแล้ว คุณเป็นผู้หญิง ต้องแต่งตัวให้สวยๆ สิ”
“ครั้งหน้าฉันค่อยซื้อให้ตัวเองค่ะ” หลินม่ายเอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าของเขา “มาเร็ว มาลองกันว่าเสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้คุณพอดีตัวหรือเปล่า”
หลังจากปลดกระดุมให้เขาสองเม็ด ทันใดนั้นเธอก็พบว่าตัวเองใจกล้าเกินไปแล้ว จึงรีบชักมือกลับมา “คุณลองเองนะ”
พูดจบ เธอก็หมุนตัวหันหลังให้กับเขา ทำท่าทางไม่เห็นไม่ได้ยินไม่รับรู้
ฟางจั๋วหรานชอบท่าท่างที่จู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาของเธอมาก พลันจับไหล่บางของเธอแล้วหมุนตัวเธอกลับมาเผชิญหน้ากับตัวเอง “ผมอยากให้คุณลองให้น่ะ”
หลินม่ายแหงนหน้ามองไปยังความรู้สึกลึกซึ้งในดวงตาของเขา เธอไม่อาจต้านทานได้โดยสมบูรณ์ ยิ่งหน้าแดงก่ำเข้าไปอีก
“งั้น… งั้นคุณลองใส่กางเกงเองนะคะ ฉันจะลองเสื้อเชิ้ตกับเสื้อยืดให้คุณดีไหม?”
เธอเขินเกินกว่าจะช่วยเขาลองกางเกงจริงๆ ถ้าช่วยลองเสื้อผ้าท่อนบนก็พอจะรับไหวอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันก็แรงไม่เคยแผ่วเลยน้า ทำใจเถอะม่ายจื่อ เธอต้องเจออะไรแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ ล่ะ
ไหหม่า(海馬)