แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 320 หลี่หมิงเฉิงยืมเงิน
ตอนที่ 320 หลี่หมิงเฉิงยืมเงิน
หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นออกมาจากห้อง
เห็นว่าหลี่หมิงเฉิงกำลังแจกจ่ายอมยิ้มให้กับเด็กน้อยทั้งสองคนละหนึ่งชิ้น
เถาจืออวิ๋นเดินไปตบก้นฉีฉี “ขอบคุณคุณลุงหรือยัง?”
ฉีฉีหันไปพูดกับหลี่หมิงเฉิงด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ขอบคุณครับคุณลุง”
หลี่หมิงเฉิงลูบศีรษะน้อย ๆ ของเขา พลางตอบรับว่า “ด้วยความยินดี”
เถาจืออวิ๋นอุ้มฉีฉีขึ้นมา พร้อมกับพาโต้วโต้วเดินเลี่ยงออกไป เพื่อให้หลินม่ายกับหลี่หมิงเฉิงได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
นี่คือความทุกข์ของการอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่น
ไม่ว่าผู้ที่เป็นเจ้าบ้านจะปฏิบัติกับหล่อนดีขนาดไหน แต่หล่อนก็ไม่สามารถอยู่ร่วมชายคากับเขาโดยทำตัวเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
ทุกครั้งที่มีคนมาหา หล่อนจะต้องหลบเลี่ยงออกไปเสมอ
ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงสิ้นเดือน รอดูว่าหลินม่ายจะเสนอโบนัสให้หล่อนเท่าใด
ถ้าเงินโบนัสมากพอ หล่อนก็วางแผนจะเช่าห้องชุดเดี่ยวสักห้องหนึ่งในราคาสูงพอรับได้ แล้วย้ายออกไปพร้อมลูกชาย
ถึงบ้านเช่าในยุคนี้จะหาไม่ง่ายนัก แต่อย่างน้อยต้องมีสักหลังหนึ่งที่หลุดมาถึงมือหล่อนบ้าง
หล่อนไม่เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถหาเช่าบ้านราคาแพงที่น่าพอใจได้
ภายในห้อง หลินม่ายเทน้ำเย็นให้หลี่หมิงเฉิงแก้วหนึ่ง ถามว่า “นายต้องการอะไรจากฉัน ไหนลองว่ามาซิ”
หลี่หมิงเฉิงหัวเราะร่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันต้องการอะไรบางอย่างจากเธอ?”
หลินม่ายชำเลืองมองเขา “ตั้งแต่นายย้ายออกไป นายแทบไม่เคยมาเยี่ยมเยียนฉันถึงบ้านเลย แต่แล้วจู่ ๆ นายก็มาหาฉันอย่างกะทันหัน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรนายคงไม่มาหรอก”
หลี่หมิงเฉิงลูบท้ายทอย “เป็นอย่างที่เธอว่านั่นแหละ ฉันอยากมายืมเงินเธอไปซื้อบ้านสักหลัง”
“ซื้อบ้าน? ฟังดูเข้าท่านะ อยากยืมเท่าไหร่ล่ะ?” หลินม่ายถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
เธอคาดหวังให้หลี่หมิงเฉิงกับคนอื่น ๆ ซื้อบ้านในเมืองไว้สักหลังในขณะที่ราคาที่พักอาศัยยังไม่สูงจนเกินไป เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ทางของตัวเองในอนาคต
หลี่หมิงเฉิงถามอย่างระมัดระวัง “เจ็ดร้อยหยวน มากไปไหม?”
หลินม่ายชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ยืมเยอะเกินไปหรือเปล่า? นายต้องเก็บเงินให้ได้สักก้อนหนึ่งก่อนสิ จะมายืมเงินจากฉันทีเดียวได้ยังไง”
หลี่หมิงเฉิงอธิบาย “ถึงฉันจะเก็บออมเงินได้ก้อนหนึ่ง แต่ก็ส่งเงินจำนวนนั้นกลับไปให้พ่อแม่ที่ชนบทสร้างบ้านหลังใหม่หมดแล้ว แถมยังมีเงินค่าสินสอดของพี่สาวคนโตด้วย เงินเลยเหลืออยู่ไม่มาก”
“พี่สาวนายกำลังจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้แล้วเหรอ? แต่งวันไหนล่ะ? ฉันจะได้ฝากซองแดงไปให้พี่สาวนาย”
“ได้ยินว่าจะแต่งงานในวันชาติปีนี้ เธอจะไปร่วมงานเหรอ?”
“…ถ้ามีเวลาว่างจะไปนะ” หลินม่ายขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “บ้านที่นายอยากซื้อหลังใหญ่ขนาดไหนเชียว ทำไมนายถึงต้องการเงินมากขนาดนั้น?”
ห้องพักเดี่ยวที่เธอซื้อไว้บนถนนเฉียนจิ้นมีราคาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น แถมยังอยู่ในจุดที่มีทำเลดีเยี่ยม บ้านหลังละเจ็ดร้อยหยวนต้องไม่ใช่แค่ห้องเดี่ยวธรรมดาแน่
“หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น พื้นที่มากกว่าห้าสิบตารางเมตร”
“ที่อยู่ล่ะ?”
“อยู่ติดกันกับย่านที่เธอซื้อห้องเดี่ยวไว้”
ในเมื่อที่ตั้งของบ้านหลังนั้นอยู่ในละแวกเดียวกันกับห้องเดี่ยวที่เธอซื้อไว้ ถ้าอย่างนั้นทำเลก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากัน
แถมยังมีผังอาคารแบบหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น มิน่าล่ะถึงมีราคาสูงปานนั้น…
หลินม่ายหยิบเงินเจ็ดร้อยหยวนออกมาจากห้อง แล้วมอบให้หลี่หมิงเฉิง
หลี่หมิงเฉิงรับเงินไปแล้วพูดว่า “จากนี้ไปเธอสามารถหักเงินเดือนของฉันเพื่อใช้หนี้ได้เลย จนกว่าจะหักลบหนี้ครบทั้งหมด”
ถึงอย่างไรเขาก็ทำงานให้กับร้านของหลินม่ายอยู่แล้ว ทั้งยังมีอาหารเลี้ยงสามมื้อต่อวัน ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอื่น ต่อให้หักเงินเดือนทั้งหมดไปใช้หนี้ ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเขา
ตอนนี้เขาได้รับเงินเดือนอย่างต่ำเดือนละหกสิบหยวน กว่าจะหักชำระครบเจ็ดร้อยหยวนคงใช้เวลาไม่เกินหนึ่งปี
หลินม่ายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ฉันให้นายยืมเงินก็จริง แต่วันพรุ่งนี้ฉันจะไปดูบ้านกับนายด้วย จะได้ช่วยนายตรวจสอบดูว่าบ้านหลังนั้นสมน้ำสมเนื้อกับราคาเจ็ดร้อยหยวนไหม”
หลินม่ายสละเวลาว่างจากตารางงานอันยุ่งเหยิงในแต่ละวันเพื่อไปช่วยหลี่หมิงเฉิงดูบ้าน เพราะปกติเขาก็เป็นคนหลอกง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ หลินม่ายคงไม่ยอมสละเวลาว่างอันมีค่าไปช่วยเขาแน่ ๆ เก็บเวลาว่างอันน้อยนิดไว้นอนพักผ่อนยังดีกว่า
ช่วงนี้อาจเป็นเพราะสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเกินไป หลินม่ายจึงง่วงนอนบ่อย
หลี่หมิงเฉิงเองก็เต็มใจให้เธอไปช่วยดูบ้าน เพื่อที่เขาจะได้ไม่มาเสียดายทีหลังที่เลือกบ้านผิด
วันรุ่งขึ้น หลินม่ายออกไปดูบ้านกับหลี่หมิงเฉิง
บ้านที่หลี่หมิงเฉิงสนใจซื้อเป็นบ้านเก่าของนายทหารฝ่ายเสนาธิการใหญ่
ทุกวันนี้ ถึงบ้านพักของคนงานทั่วไปจะขาดแคลน แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากที่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน กว้านซื้อบ้านเก็บไว้หลายหลัง
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ขายบ้านให้กับหลี่หมิงเฉิงก็จัดอยู่ในคนประเภทเดียวกันนี้
บ้านแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นที่นายทหารฝ่ายเสนาธิการใหญ่ต้องการขายอยู่ชั้นบนสุด สูงจนไม่สะดวกต่อการพักอาศัย ยิ่งไม่เหมาะกับการปล่อยเช่า เวลาฝนตกก็มีน้ำรั่วซึม เขาจึงแก้ปัญหาง่าย ๆ โดยขายทิ้งเสีย
ถึงแม้บ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นนี้จะมีห้องครัวในตัว ส่วนห้องน้ำต้องใช้ร่วมกับผู้พักอาศัยอีกสองห้อง แต่ราคาเจ็ดร้อยหยวนก็ไม่นับว่าแพงจนเกินไป
ทว่าเมื่อหลินม่ายรู้ว่าในฐานะที่เจ้าของบ้านเป็นถึงนายทหารฝ่ายเสนาธิการใหญ่ แต่กลับใช้อำนาจกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเอง เธอก็รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล
นอกจากนี้ บ้านหลังนี้ยังมีข้อบกพร่องมากมาย ดังนั้นหลังจากการเจรจาต่อรองกันไปรอบหนึ่ง เธอจึงต่อรองค่าบ้านให้หลี่หมิงเฉิงโดยลดเหลือห้าร้อยห้าสิบหยวน
หลังจากจ่ายเงินและส่งมอบบ้านกันเรียบร้อยแล้ว หลี่หมิงเฉิงดีใจมากที่ได้รับเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และโฉนดที่ดิน เขาชมเชยหลินม่ายไม่ขาดปาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงต้องเสียเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน
หลินม่ายหรี่ตามองเขา “อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป รีบไปหานายช่างจางให้เขามาจัดการอุดหลังคาด้วยปูนซีเมนต์ผสมกาวก่อนเถอะ เผื่อฝนตกเมื่อไหร่จะได้ไม่มีน้ำรั่วซึมลงมา”
หลินม่ายได้เรียนรู้เคล็ดลับนี้จากช่างก่อสร้างที่สร้างบ้านพักให้กับเธอในชาติที่แล้ว
ยุคสมัยนี้คงไม่มีใครรู้วิธีนี้แน่ ไม่อย่างนั้นนายทหารฝ่ายเสนาธิการใหญ่คงใช้วิธีเดียวกันนี้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำรั่วซึมในวันฝนตก บางทีเขาอาจไม่ยอมขายบ้านตัวเองให้หลี่หมิงเฉิงด้วยซ้ำ
ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งวัน นายช่างจางใช้ปูนซีเมนต์ผสมกาวปูทับหลังคาเพื่อเป็นชั้นกันน้ำให้กับบ้านของหลี่หมิงเฉิงจนเสร็จ
หลังมื้ออาหารเย็นในวันเดียวกัน หลี่หมิงเฉิงตื่นเต้นกับการย้ายบ้านจนแทบอดใจไม่อยู่
หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นต่างก็ไปช่วยเขาอีกแรง
ว่านฮุ่ยยืนอยู่หน้าบ้านตัวเอง ถามเขาด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “พี่หมิงเฉิง พี่จะย้ายไปอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
หลินม่ายเหลือบมองหล่อนด้วยความประหลาดใจ ที่ประหลาดใจก็เพราะคำพูดที่หล่อนใช้คุยกับหลี่หมิงเฉิงช่างดูสนิทสนมเหลือเกิน เหมือนหลี่หมิงเฉิงเป็นที่พึ่งเดียวของหล่อน และหล่อนไม่เต็มใจให้เขาจากไป
หลี่หมิงเฉิงซื้อบ้านทั้งที เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความภาคภูมิใจด้วยการโอ้อวด “ฉันซื้อบ้านใหม่แถวละแวกโรงงานที่อยู่ติดกันนี่แหละ ก็เลยย้ายไปอยู่ที่นั่นเสียเลย”
คุณแม่ว่านกำลังตัดผ้าลายดอกอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวในบ้านของตัวเอง
ทันทีที่ได้ยิน หล่อนก็รีบพุ่งตัวออกมาจากบ้าน ถามหลี่หมิงเฉิงพร้อมกับเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ “เธอซื้อบ้านงั้นเหรอ? จ่ายเงินไปเท่าไหร่? บ้านหลังใหญ่แค่ไหน?”
หลี่หมิงเฉิงเล่าทุกอย่างให้หล่อนฟัง
คุณแม่ว่านมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะรวยขนาดนี้ ซื้อบ้านหลังละหลายร้อยหยวนโดยไม่แม้แต่จะลังเล แถมยังเป็นบ้านหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นด้วย”
ประโยคคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความริษยา
หลี่หมิงเฉิงยิ้มอย่างไม่มีพิษภัย “ผมไม่มีเงินหรอก เงินที่ใช้ซื้อบ้านผมก็ยืมเขามาอีกที”
เห็นได้ชัดว่าคุณแม่ว่านไม่เชื่อคำพูดของเขา สายตาหล่อนตวัดมองไปมาระหว่างหน้าเขากับหน้าของว่านฮุ่ยราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
รอจนเขาย้ายข้าวของทั้งหมดไปที่บ้านหลังใหม่เรียบร้อยแล้ว หลินม่ายก็ถามหลี่หมิงเฉิงด้วยเสียงกระซิบ “นายกับว่านฮุ่ยเป็นอะไรกัน? ฉันว่าหล่อนดูผูกพันกับนายมากเลยนะ”
“หา! งั้นเหรอ?” หลี่หมิงเฉิงประหลาดใจมาก “ฉันแค่เคยเห็นแม่เธอลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน แถมยังโดนพี่สาวรังแกอยู่บ่อย ๆ เลยรู้สึกสงสาร ปลอบใจหล่อนไปสองสามครั้ง ไม่คิดว่าหล่อนจะผูกพันกับฉันขนาดนั้น”
ตอนที่ว่านฮุ่ยขอเงินแม่เพื่อที่จะออกไปเดินเล่นกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน หล่อนกลับถูกตบตีอย่างรุนแรง แถมยังไม่ได้รับเงินเลยสักหยวน
แต่เขาไม่ได้เล่าให้หลินม่ายฟังว่าความจริงแล้วเขาแอบให้เงินหล่อนห้าหยวน
เพราะกลัวถูกอีกฝ่ายตำหนิว่าจ่ายเงินให้คนอื่นอย่างไร้เหตุผล แปดในสิบคงไม่พ้นโดนตำหนิว่าถูกหลอก
เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้โดนหลอก อาการบาดเจ็บของว่านฮุ่ยไม่ใช่ของปลอมเลย
หลินม่ายคิดในใจ ต่อให้ว่านฮุ่ยจะมีความในใจบางอย่างกับหลี่หมิงเฉิง แต่หลี่หมิงเฉิงก็ย้ายออกไปจากที่นี่แล้ว หลังจากนี้ว่านฮุ่ยคงไม่ตามไปรบกวนเขาจนเกินความจำเป็น
ยุคสมัยนี้ เด็กสาวที่พาตัวเองเข้าไปพัวพันกับชายหนุ่ม ร้อยทั้งร้อยไม่ใช่คนที่มีนิสัยดีนัก นอกเสียจากหล่อนจะคบหากับหลี่หมิงเฉิงในฐานะเพื่อน
แต่คนอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นเพื่อนกับคนอย่างหลี่หมิงเฉิงแน่ เพราะหล่อนเคยดูถูกเขาว่าเป็นคนบ้านนอก
หลังจากช่วยหลี่หมิงเฉิงขนของย้ายบ้านเสร็จแล้ว หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นก็ขอตัวกลับ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เก็บๆ บางเรื่องไว้หน่อยก็ได้เด้อไอ้หนุ่ม อย่าเล่าหมด สายตาของยัยป้าข้างบ้านนี่ไม่น่าไว้ใจเลย
ไหหม่า(海馬)