แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 43 กลิ่นหอม
ตอนที่ 43 กลิ่นหอม
หลังจากปิดประตูและหน้าต่างบ้านแล้ว หลินม่ายก็พาโต้วโต้วไปที่ร้านอาหารของทางรัฐเพื่อกินเกี๊ยวสำหรับมื้อกลางวัน
เมื่อกินเกี๊ยวหมด แม่และลูกสาวก็พากันตรงดิ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ตั้งใจจะเสื้อผ้าและของขวัญปีใหม่ให้คุณปู่กับคุณย่าฟาง รวมถึงตัวเธอและลูกสาว
ภายในห้างสรรพสินค้ามีฝูงชนแออัด หลินม่ายกลัวว่าโต้วโต้วจะหลงทางกับเธอ จึงกำชับบอกให้โต้วโต้วจับเสื้อเธอเอาไว้
มีผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาซื้อยาสูบ สุรา และกับข้าว ในขณะที่หลินม่ายกับโต้วโต้วซื้อเสื้อผ้าเป็นอย่างแรก
ห้างสรรพสินค้ามีขนาดไม่ใหญ่และคุณภาพไม่สูงนัก เสื้อผ้ามีราคาถูกกว่าห้างดังเล็กน้อย ทว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
ทุกวันนี้หลินม่ายทำงานหนักมากเสียจนหลงลืมการเลือกซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้ตนเอง เธอเพียงสวมใส่เสื้อลายตารางสีแดงดำและกางเกงขายาวสีดำ
โต้วโต้วเป็นคนเลือกเสื้อผ้าด้วยตนเอง เจ้าตัวเล็กมีความสุขมากที่ได้วิ่งเต้นไปเลือกเสื้อผ้าที่ตนเองชอบ
หลินม่ายไม่เพียงแต่จะซื้อเสื้อตัวใหม่ กางเกงตัวใหม่ รองเท้าคู่ใหม่ และถุงเท้าคู่ใหม่ให้เจ้าตัวเล็ก แต่ยังซื้อริบบิ้นสีแดงผูกผมให้หล่อนด้วย
เธอซื้อเสื้อและกางเกงขายาวที่ทำมาจากขนสัตว์ให้กับคุณปู่และคุณย่าฟาง จากนั้นแม่และลูกสาวจึงไปซื้อกับข้าวกันต่อ
ทุกครั้งที่ซื้อกับข้าวจะต้องไปต่อคิวเสมอ เธอซื้อสุราชั้นดีสองขวด อาหารกระป๋องสองกระป๋อง นมผงสองกระปุก ลำไยสองชั่ง เม็ดบัวสองชั่ง เห็ดหูหนูขาวสองชั่ง และลูกอมรสนมตรากระต่ายขาวหนึ่งชั่ง…หลินม่ายใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมงในการซื้อของทั้งหมดนี้
ในที่สุดเธอก็ซื้อของครบ แม่กับลูกสาวถูกฝูงชนเบียดจนแทบจะเปลี่ยนรูปทรง
หลินม่ายแบ่งลูกอมรสนมตรากระต่ายขาวที่เธอซื้อมาหนึ่งชั่งให้โต้วโต้วกินเล็กน้อย
ทว่าโต้วโต้วเก็บลูกอมไว้ในกระเป๋า โดยบอกว่าจะเอากลับไปกินกับคุณปู่คุณย่าฟาง
หลินม่ายยกย่องที่หล่อนเป็นคนมีเหตุมีผลยิ่งนัก และพาหล่อนไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อขึ้นรถบัสสำหรับเดินทางไกล
ผู้คนมากมายมักจะเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่ ฝูงชนอัดแน่นอยู่บนรถบัสจนถึงสถานีรถไฟ ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไกลมีจำนวนมากจนแม่และลูกสาวไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปได้
หากหลินม่ายอยู่ตัวคนเดียวและต้องแบกกระเป๋าใบเล็กและใบใหญ่ขึ้นรถมาด้วยคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพาโต้วโต้วมาด้วยคงไม่ดีแน่ เธอกลัวว่าผู้คนจำนวนมหาศาลจะพัดพาลูกให้หลงทางไป
หลินม่ายทำอะไรไม่ถูก ยังคงพยายามเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เช่นนั้นวันนี้เธอคงกลับไปที่บ้านของคุณปู่คุณย่าฟางไม่ได้
รถบัสอีกคันที่ขนส่งผู้โดยสารเดินทางไกลกำลังวิ่งเข้าสู่สถานที หลินม่ายจึงหันไปพูดกับโต้วโต้ว “พร้อมไหมจ๊ะ ไม่ว่ายังไงครั้งนี้เราก็ต้องเบียดเข้าไปให้ได้!”
โต้วโต้วพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ดวงตาคู่โตสีดำจับจ้องไปที่รถบัส
แต่ก่อนที่รถบัสจะวิ่งเข้ามา ผู้คนจำนวนมากกลับรีบวิ่งเข้าไปหา
ทุกคนจดจ่ออยู่กับการวิ่งจนเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย โต้วโต้วถูกฝูงชนวิ่งชนขณะตะเกียกตะกายเข้ารถบัส และล้มลงกับพื้น
หลินม่ายฝ่าฝูงชนออกมาขณะที่เหงื่อไหลริน รีบวิ่งเข้าไปขวางทางคนข้างหลังโดยใช้ร่างกายเป็นกำบัง
หากไม่ขวางทางเอาไว้ก็จะไม่มีคนเห็น และโต้วโต้วจะถูกฝูงชนเหยียบเอาได้
ขณะเดียวกัน มือใหญ่คู่หนึ่งที่เผยให้เห็นกระดูกชัดเจนยื่นออกมาจากด้านข้าง คว้าโต้วโต้วขึ้นมาจากพื้น และกอดหล่อนเอาไว้ในอ้อมแขน
หลินม่ายมองตามมือใหญ่คู่นั้น และพบว่าเป็นฟางจั๋วหรานผู้ดูหล่อเหลา
ขณะที่กำลังจะพูดขอบคุณ เธอก็เห็นโต้วโต้วผู้ไม่สนใจสถานการณ์ เหยียดอุ้งมืออันกระจิริดข่วนเข้าที่ใบหน้าของฟางจั๋วหรานอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างเตะเขาอย่างต่อเนื่อง พลางอ้าปากกรีดร้องเสียงดังลั่น “ปล่อยหนู ไอ้คนเลว ปล่อยหนู!”
เป็นสาเหตุให้คนทั้งหลายมองมาด้วยความสงสัย
ฟางจั๋วหรานใช้มือข้างหนึ่งรวบมือขนาดเล็กของเด็กน้อย และพูดว่า “อาไม่ใช่คนเลว”
หลินม่ายกับเขาพูดขึ้นพร้อมกัน และหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่คำพูดนั้นจบลง
หลินม่ายยิ้มและพูดอธิบาย “ฉันบอกโต้วโต้วน่ะค่ะ ว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามากอดเธอ ให้เธอร้องตะโกนสุดเสียง ไม่อย่างงั้นคนอื่นจะไม่รู้ว่าเธอเจอคนไม่ดี”
ฟางจั๋วหรานสะกิดจมูกเล็ก ๆ ของโต้วโต้ว “เห็นอาเป็นคนแปลกหน้าเหรอ?”
โต้วโต้วก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
แม้ว่าพวกเขาจะพบกันหลายครั้ง แต่ช่วงเวลาที่พบกันนั้นสั้นมาก เธอจึงลืมเขาไปเสียสนิท
หลินม่ายพูดขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ คุณมาได้ทันเวลาพอดี ไม่งั้นโต้วโต้วคงตกอยู่ในอันตราย”
ฟางจั๋วหรานยิ้ม “พวกคุณกำลังจะกลับบ้านในช่วงปีใหม่เหรอครับ?”
“เอ่อ…” หลินม่ายไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี “ถึงฉันจะกลับบ้าน แต่ก็เป็นบ้านคุณปู่คุณย่าของคุณน่ะค่ะ”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อหลินม่ายเห็นว่าเขาสะพายกระเป๋าเป้ผ้าเดนิม เธอจึงถามว่า “คุณจะไปไหนเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานยิ้มและพูดว่า “ไปที่เดียวกับคุณครับ ผมจะไปบ้านคุณปู่คุณย่าเหมือนกัน”
คราวนี้หลินม่ายประหลาดใจเล็กน้อย ถ้าไม่ได้มาเพื่อพบปะพ่อแม่กับครอบครัวในช่วงปีใหม่ ใครจะอยากมาชนบทกัน?
เมื่อคิดดูแล้ว บางทีพ่อแม่ของเขาอาจจะกลับมาที่ต่างจังหวัดเพื่อเฉลิมฉลองตรุษจีนกับผู้เฒ่าทั้งสองก็ได้ นี่สิถึงจะเรียกว่าเป็นการรวมตัวของครัวครอบอย่างแท้จริง
การละทิ้งผู้เฒ่าสองคนให้เฉลิมฉลองตรุษจีนในชนบทเพียงลำพัง ไม่อาจนับว่าเป็นการพบปะครอบครัวได้
ฟางจั๋วหรานช่วยอุ้มโต้วโต้ว ทำให้หลินม่ายและลูกสาวได้ขึ้นรถบัสระยะทางไกลจากทางด้านหลังสถานีขนส่ง
บนรถบัสมีฝูงชนอยู่จำนวนมาก ผู้โดยสารอันแน่นกันจนเหมือนปลากระป๋อง
ฟางจั๋วหรานใช้มือข้างหนึ่งอุ้มโต้วโต้ว ขณะที่มือข้างหนึ่งเอื้อมจับห่วงที่อยู่เหนือศีรษะ เขาใช้ร่างกายปกป้องหลินม่ายเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับผู้คน ทว่าทางด้านหลังของเขากลับอัดแน่นไปด้วยแรงเบียดจากฝูงจำนวนมหาศาล
จำนวนคนที่แออัดมากเกินไปทำให้ได้กลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์ แต่ฟางจั๋วหรานกลับได้กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เขาแอบสูดดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง และพบว่ากลิ่นหอมดังกล่าวมาจากหลินม่าย~
นึกไม่ถึงว่าสาวผิวเข้มจะมีกลิ่นหอมแบบนี้~
มีชายหนุ่มและชายวัยกลางคนเจ็ดถึงแปดคนอยู่ถัดจากพวกเขา พวกเขาทั้งหลายอารมณ์ดี แสดงให้เห็นว่าปีนี้พวกเขาหาเงินในเมืองหลวงได้จำนวนมาก
พวกเขาพูดคุยกันด้วยสำเนียงภาษาถิ่น เสียงดังมากจนทำให้ผู้คนรู้สึกหนวกหู
ฟางจั๋วหรานกับหลินม่ายต่างก้มหน้าเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร
แม้จะพูดอะไรออกไป เสียงก็พวกเขาก็จะถูกเสียงของผู้อื่นกลบอยู่ดี และไม่สามารถได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้
โชคดีที่หลังจากผ่านไปสองป้ายรถเมล์ ชายพวกนั้นก็ลงจากรถ ทุกคนรู้สึกโล่งใจที่กลุ่มคนเสียงดังได้ลงจากรถไปเสียที
หลินม่ายเงยหน้าขึ้น และปะทะเข้ากับริมฝีปากของฟางจั๋วหราน
เขาไม่รู้ว่าตนเองเผลอก้มหน้าลงต่ำโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจเป็นเพราะเขาหลงใหลกลิ่นหอมบนร่างกายของเธอหรือเปล่า?
แม้ว่าเธอจะถูกฟางจั๋วหรานจูบโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็เป็นเพียงรอยจูบบนเรือนผมของเธอเท่านั้น หลินม่ายไม่ได้รู้สึกเคอะเขิน ขณะที่ฟางจั๋วหรานหน้าแดงเล็กน้อย
พวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางหลังจากผ่านไปชั่วโมงเศษ ๆ
เมื่อพวกเขาลงจากรถ ฝูงชนก็เริ่มอัดแน่นอีกครั้ง ฟางจั๋วหรานยังคงสบายดี ในขณะที่หลินม่ายถูกฝูงชนเบียดแน่นราวกับเธอเพิ่งออกมาจากสนามรบ
แม้ว่ารถบัสระยะทางไกลจะเป็นสถานีตั้งต้น แต่กับมีผู้คนมากมายที่ต้องการกลับบ้าน หลินม่ายกับเขาพากันไปซื้อตั๋ว น่าเสียดายที่เหลือตั๋วนั่งเพียงใบเดียวเท่านั้น
ทั้งสองจึงผลัดกันนั่ง
โต้วโต้วอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน มองดูนั่นมองดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย และพูดเจื้อยแจ้ว “คุณอาก็นั่งบนเก้าอี้สิคะ ให้แม่นั่งในอ้อมแขนคุณอา ส่วนหนูก็นั่งในอ้อมแขนแม่อีกที แบบนี้ทุกคนก็จะได้นั่งกันหมดไม่ใช่เหรอ?”
หล่อนกระพริบตากลมโตที่แวววาวสดใส จ้องมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสับสน สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้
ผู้โดยสารที่อยู่บริเวณโดยรอบหัวเราะและรู้สึกขบขันเมื่อได้ยินคำพูดของโต้วโต้ว
หลินม่ายไม่สามารถถ่อมตนได้อีกต่อไป เธอนั่งลงบนที่นั่ง อุ้มโต้วโต้วออกมาจากอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน และจิ้มเข้าที่จมูกอันกระจิริด “เพ้อเจ้อ!”
โต้วโต้วตัวน้อยถึงกับงุนงง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พรหมลิขิตเปล่าคะเนี่ย มาเจอกันตอนที่กำลังลำบากพอดีเลย
น้องโต้วโต้วจะเป็นกัปตันเรือแม่กับคุณอาหมอฟางใช่ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)