แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 453 งานเลี้ยงต้อนรับกวนหย่งหัว
ตอนที่ 453 งานเลี้ยงต้อนรับกวนหย่งหัว
พ่อหรงพูดด้วยสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจ “วิธีดีๆ นี้จะต้องพูดต่อหน้าคุณกวน หรงหรง ลูกไปเชิญคุณกวนมากินข้าวที่บ้านเราสักมื้อ พ่อจะคุยเรื่องวิธีดีๆ นั้นกับเขา”
หวังหรงโร่ไปที่โรงงานเสื้อผ้าซีม่านด้วยความลิงโลดทันที แต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
เลขาของกวนหย่งหัวบอกหล่อนว่า กวนหย่งหัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ความร่วมมือในการสืบสวนของตำรวจ
หวังหรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบไปที่สถานีตำรวจอีกครั้ง ซึ่งตำรวจประจำสถานีก็บอกหล่อนว่ากวนหย่งหัวออกไปตั้งนานแล้ว
หวังหรงก็ไปที่เกสต์เฮาส์ที่กวนหย่งหัวอยู่โดยไม่หยุดพัก จนในที่สุดก็ได้พบเขา
กวนหย่งหัวกำลังอารมณ์ไม่ดี แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้ว ก็ยังเผยท่าทีหงุดหงิดออกมาเล็กน้อยอย่างยากจะห้ามในตอนที่เห็นหล่อน “คุณมาที่นี่ทำไม?”
หวังหรงมุ่ยปากพูดอย่างออดอ้อน “พี่กวน พี่เกลียดฉันแล้วใช่ไหมคะ คงไม่อยากให้ฉันโผล่มาให้เห็นหน้าแล้วสินะ?”
กวนหย่งหัวรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของหล่อนช่างน่าเกลียด
รู้อยู่แท้ๆ ว่าเขาแพ้คดีมา มีเรื่องวุ่นวายติดตัวไม่น้อย แล้วยังจะมาทำตัวงี่เง่ากับเขาอีก!
เป็นอีตัวดอกบัวขาวอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพื่อจะฉกฉวยผลประโยชน์จากเขา ถึงได้พูดเพราะปากหวานกับเขาอยู่เรื่อยไป
ที่ตอนนี้หล่อนเริ่มทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กกับเขา ก็เพื่อฉวยผลประโยชน์เช่นเดียวกันนั่นแหละ แ*งโคตรน่าขยะแขยง!
อยากจะแทงหล่อนให้ตายไปเสียเลย!
กวนหย่งหัวจัดการความรู้สึกในใจอยู่นานหลายนาที แล้วจึงควบคุมความเกลียดชังที่มีต่อหวังหรง
เอื้อมมือบีบที่ใบหน้างดงามของหล่อนเบาๆ พลางพูดอย่างอ่อนโยนระคนระอา
“ต่อให้ผมจะเกลียดตัวเอง แต่ไม่มีทางเกลียดคุณได้หรอก แต่เพราะแพ้คดีมา จิตใจก็เลยว้าวุ่นนิดหน่อย”
หวังหรงนั่งลงข้างกายเขา “ฉันก็มาเพื่อจะคลายกังวลให้คุณนั่นแหละ”
กวนหย่งแค่นหัวเราะอย่างเหยียดหยามอยู่ในใจ ก็แค่คนปัญญาอ่อนที่คิดไปว่าตัวเองฉลาดคนนี้ จะไปมีวิธีการดีๆ อะไรมาช่วยตนได้ ก็คงจะแค่เปลี่ยนลูกไม้ขอเงินขอของเท่านั้น
แม้ในใจจะหยามเหยียดยิ่ง แต่เบื้องหน้ากวนหย่งหัวกลับแสร้งทำเป็นตื่นเต้นดีใจ “คุณมีวิธีจะจัดการกับ Unique งั้นเหรอ?”
หวังหรงยิ้มอย่างขวยเขิน พูดเสียงหยาดเยิ้ม “ฉันเปล่าหรอกค่ะ พ่อฉันต่างหาก พ่อฉันให้ฉันมาเชิญพี่ไปกินข้าวที่บ้านเรา จะได้หารือเรื่องวิธีการฉุด Unique ลงมาด้วยเลย”
กวนหย่งหัวลังเลในใจเล็กน้อย
เขารู้สึกไม่อยากไป ด้วยกลัวว่าจะตกหลุมพรางกับดัก
ครอบครัวของหวังหรงต้องการผลประโยชน์จากเขา ทุกคนล้วนร้ายกาจกันทั้งนั้น
แต่คิดอีกรอบหนึ่ง พ่อหรงเป็นข้าราชการมานานขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะมีความคิดดีๆ จริงๆ ก็ได้
ทั้งสองคนนั่งรถแท็กซี่มายังเรือนสี่ประสานของย่าหวัง แม่หรงได้ทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่ซื้อมาจากตลาดสดฝูตัวตัวเอาไว้แล้วเต็มโต๊ะ
ปลาดาบตุ๋นซอสแดง ซี่โครงตุ๋นมันฝรั่ง สันในหมูผัดเปรี้ยวหวาน……อาหารนานาชนิดมากมายกว่าสิบอย่าง
อาหารเหล่านี้ในสายตาของครอบครัวหวังหรงนั้นเป็นของอร่อยเลิศรส แต่ในสายตาของกวนหย่งหัวก็เป็นเพียงอาหารบ้านๆ เท่านั้น
คนทั้งบ้านเชิญให้กวนหย่งหัวนั่งลงราวกับดาวล้อมเดือน
ระหว่างอาหารค่ำ พ่อหรงบอกวิธีการของตนออกมาอย่างค่อนข้างตื่นเต้น
ทันทีที่กวนหย่งหัวได้ยิน สีหน้าก็พลันสับสนงุนงง
เป็นเขาเองที่คิดมากไป นึกว่าพ่อหรงเป็นข้าราชการมาหลายปี ความคิดย่อมไม่ธรรมดา
ไม่นึกเลยว่าจะเหมือนกับลูกสาวของเขาไม่มีผิด ถึงกับเสนอความคิดที่โง่เง่าขนาดนี้ออกมาเชียวหรือนี่!
กวนหย่งหัวจิบไวน์แดงที่รสชาติงั้นๆ อึกหนึ่ง แล้วพูดกับพ่อหรง “คุณคิดจะใช้บัตรกำนัล Unique ของปลอมมาทำลาย Unique ไม่ได้ไตร่ตรองเลยเหรอครับว่าการใช้บัตรกำนัลของ Unique นั้นมีเงื่อนไข? นั่นก็คือต้องซื้อเสื้อผ้าของUnique และเมื่อถึงจำนวนเงินที่กำหนดจึงจะสามารถใช้บัตรกำนัลได้ ถ้าคุณใช้บัตรกำนัลUniqueปลอมไปซื้อเสื้อผ้าของUnique ก็ต้องบรรลุเงื่อนไขนี้ก่อนถึงจะทำได้ มันจะไม่กลายเป็นว่าเราควักเงินซื้อเสื้อผ้าUniqueเองหรอกเหรอ? ถึงตอนนั้น Uniqueก็อิ่มหมีพีมัน คนที่จะล่มจมคือพวกเรา!”
รอยยิ้มลำพองใจค้างทื่ออยู่บนใบหน้าของพ่อหรง
เขาสนใจเพียงคิดจะใช้บัตรกำนัลปลอมทำให้Uniqueขาดทุนย่อยยับ
แต่กลับไม่ได้คำนึงถึงเงื่อนไขก่อนที่จะใช้บัตรกำนัลเงินสดปลอมราคา5หยวนใบหนึ่ง ว่าต้องซื้อเสื้อผ้าUniqueเป็นจำนวนเงิน5หยวนขึ้นไปก่อน
พ่อหรงหัวเราะแหยๆ อย่างทำตัวไม่ถูก “ฉันพิจารณาไม่รอบคอบเอง…”
กวนหย่งหัวยิ้มส่งๆ ไป
กินอาหารไปไม่กินคำ ดวงตาของพ่อหรงก็ลุกประกาย “พวกเราใช้บัตรกำนัลปลอมไปแลกเป็นเงินสดกับUniqueโดยตรงเลยก็ได้ ก็ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าของพวกเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? แบบนี้ก็สามารถโจมตีแสกหน้าUniqueได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ดวงตาของกวนหย่งหัวฉายแววที่ใช้มองคนโง่ออกมาเล็กน้อย แต่ปากกลับถามอย่างนุ่มนวล “อาหวังคิดจะใช้บัตรกำนัลไปแลกเป็นเงินสดโดยตรง ถ้าUniqueไม่ยอมแล้วจะทำยังไงครับ?”
“งั้นก็โวยวายเสียเลยสิ!” แม่หรงเข้าใจเจตนาของพ่อหรงแล้ว จึงรับช่วงต่อ
กวนหย่งหัวพยักหน้าเบาๆ “ในเมื่ออาหวังอยากจะลองงั้นก็ลองดูเถอะครับ หลังจากสำเร็จแล้วผมจะตบรางวัลให้หนึ่งหมื่นหยวน”
พ่อหรงแม่หรงได้ยินว่างเงินรางวัลสูงขนาดนั้น ก็ตื่นเต้นจนใจเต้นตูมตาม
แม่หรงพูดอย่างเสแสร้ง “เดี๋ยวพอเธอกับหรงหรงแต่งงานกันแล้วในวันชาติ พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เราช่วยเธอจัดการกับศัตรูคู่แข่งของเธอก็เป็นเรื่องสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ? จะพูดเรื่องเงินทำไมกัน? พูดเรื่องเงินแบบนี้ห่างเหินเกินไปแล้ว”
ครอบครัวของหวังหรงทำให้กวนหย่งหัวรู้สึกคลื่นไส้นิดๆ อยากเป็นทั้งอีตัวทั้งสร้างอนุสาวรีย์(1) อยากจะเอาผลประโยชน์จากเขาอยู่แท้ๆ แต่กลับเสแสร้งทำเป็นพูดดีว่าทำเพื่อเขา
ทันใดนั้นเขาก็นึกอยากจะกลั่นแกล้งนึกมา จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “น้าหวังพูดได้มีเหตุผลมาก ผมให้รางวัลพวกคุณนั่นจะเป็นการสบประมาทความหวังดีที่พวกคุณมีต่อผม รางวัลนั้นผมไม่ให้แล้วล่ะครับ”
ครอบครัวหวังหรงทั้งสี่คนต่างตะลึงงันตาค้าง
ย่าหวังกับพ่อลูกหวังหรงต่างมองไปยังแม่หรงอย่างขุ่นเคือง ไม่พอใจที่หล่อนปากมาก จนเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวนหายวับไปแบบนี้
แม่หรงแข็งทื่อเป็นหิวอยู่ครู่หนึ่ง พลันพูดกับกวนหย่งหัวอย่างอายๆ “คือว่า…ไหนๆ เธอก็คิดจะให้รางวัลกันแล้ว ถ้าเราปฏิเสธไป มันจะไม่ทำร้ายน้ำใจของเธอหรอกเหรอ? ถ้าอยากให้เธอก็ให้เถอะจ้ะ”
กวนหย่งหัวยิ้มโดยไม่ได้ตกลงและไม่ปฏิเสธ เขาวางตะเกียบลง แล้วหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า LV สำหรับผู้ชายส่งให้พ่อหรง “เงินหนึ่งพันหยวนนี้เป็นค่าดำเนินการของอาหวังครับ ถ้าไม่พอก็ให้หรงหรงมาบอกผมนะครับ”
พ่อหรงเห็นกวนหย่งหัวให้ค่าดำเนินการมาแค่ก้อนเดียว นอกจากนี้ยังให้แค่หนึ่งพันหยวน ในใจก็รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
บวกกับเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวนก่อนนี้ที่มลายหายไปแล้ว ทั้งกวนหย่งหัวยังไม่มีความคิดจะซื้อบ้านให้อีก ในใจของเขาจึงยิ่งขุ่นเคืองยิ่งขึ้นอีก
ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นข้าราชการมานาน จึงไม่ได้เผยอารมณ์ออกมาบนใบหน้า
พ่อหรงแสร้งทำเป็นครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ฉันเพียงแต่ออกอุบายและวางแผนการณ์ เรื่องการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม คุณกวนก็จัดกำลังคนลงมือเองเถอะ”
เขาคืนเงินค่าดำเนินการหนึ่งพันหยวนนั้นให้กับกวนหย่งหัว พลางตำหนิติติงอยู่ในใจ เงินค่าทิปสักเฟินก็ไม่ให้ ยังคิดจะให้เขาทำงานถวายหัวให้อีกงั้นเหรอ คงยังไม่ตื่นจากฝันสิท่า
เขาไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย การตีพิมพ์บัตรกำนัลปลอมของUnique อาจจะถูกจับได้ จึงต้องรับผิดชอบข้อผูกมัดตามกฎหมายด้วย
กวนหย่งหัวนั้นฉลาดมาก พ่อหรงแค่อ้าปาก เขาก็รู้แล้วว่าเขาจะพ่นอะไรออกมา
เขายิ้มจาง หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าอีกพับหนึ่ง แล้วรวมกับเงินหนึ่งพันหยวนที่พ่อหรงคืนเขามาเมื่อครู่แล้ววางไว้เบื้องหน้าพ่อหรงทั้งหมด
“เดิมทีว่าจะซื้อบ้านให้พวกคุณวันนี้ แต่ผมยุ่งเกินไปเลยยังไม่ได้ซื้อ เงินสามพันหยวนในนี้อาหวังกับน้าหวังเอาไปซื้อบ้านเถอะครับ”
ทั้งครอบครัวหวังหรงพลันหน้าชื่นตาบานทันใด
พ่อหรงปากก็บอกเกรงใจ แต่ร่างกายนั้นกลับซื่อตรงอย่างมาก เขาเก็บเงินสี่พันหยวนนั้นเข้ากระเป๋าของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนั้นกวนหย่งหัวจึงพูดขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “อาหวังกับคุณน้าคงจะได้ยินหรงหรงบอกแล้ว ตอนนี้ผมมีเรื่องวุ่นวายติดตัวมากมาย ไม่สามารถจัดหาคนมาพิมพ์บัตรกำนัลปลอมไปล่มจมUniqueได้ งานนี้คงต้องขอร้องอาหวังกับคุณน้าแล้วล่ะครับ”
เขาหัวเราะ “แต่ว่าถ้าอาหวังกับคุณน้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร หากโรงงานเสื้อผ้าซีม่านเปิดอยู่ที่เจียงเฉิงต่อไปไม่ได้ ก็แค่ปิดกิจการ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถว่าจ้างอาหวังมาเป็นรองหัวหน้าโรงงานของโรงงานเสื้อผ้าของผมได้ เดิมทีผมคิดว่าหลังจากจัดการงานแต่งแล้วจะพาหรงหรงกลับไปที่ฮ่องกง แล้วมอบหมายโรงงานสาขาเจียงเฉิงให้อาหวังช่วยผมดูแลน่ะครับ”
ทันทีพ่อหรงได้ยินว่าจะได้เป็นรองหัวหน้าโรงงาน ดวงตาก็สว่างวาบราวกับหลอดไฟ พลันเอ่ยขึ้น “โธ่เอ๊ย ก็แค่ใช้บัตรกำนัลปลอมมาล่มจมUniqueเท่านั้นเอง ฉันกับน้าของเธอจะจัดการให้เรียบร้อยให้เธอแน่นอน!”
กวนหย่งหัวพยักหน้า “รอเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ผมจะมอบซีม่านให้คุณจัดการดูแลทั้งหมด”
พ่อหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งจิตใจเบิกบานด้วยความสุขสมหวัง
เขาจะได้เป็นรองหัวหน้าโรงงานของโรงงานเสื้อผ้าซีม่าน นอกจากนี้ยังมีอำนาจในการจัดดูแลทั้งหมดด้วย แล้วเงินจะหนีเขาไปไหนได้ล่ะ?
จนถึงตอนนี้แม่หรงถึงได้พูดขึ้นอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยกลัวว่าตนจะถูกหลินม่ายถามหาความรับผิดชอบตามกฎหมาย ที่ตนไปใส่ร้ายหลินม่ายและUniqueต่อหน้าสาธารณะชน
กวนหย่งหัวรับปากว่า หากหลินม่ายทำเช่นนั้นจริงๆ เขาจะออกหน้าจัดการให้เอง
เมื่อนั้นทั้งครอบครัวหวังหรงถึงสบายใจ แล้วมองหน้ายิ้มให้กัน
(1)อยากเป็นทั้งอีตัว ทั้งสร้างอนุสาวรีย์ หมายถึง อยากทำเลวแต่ก็อยากให้ผู้คนนับถือ
สารจากผู้แปล
ไม่ได้รู้เลยว่าใครแผนสูงกว่ากัน เงินจำนวนนั้นมันก็แค่เศษเงินที่เอาไว้หลอกซื้อยัยหรงมาเป็นอะไหล่มนุษย์เท่านั้นแหละ
ไหหม่า(海馬)