แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 468 บัตรกำนัลของแท้และของปลอม
ตอนที่ 468 บัตรกำนัลของแท้และของปลอม
มนุษย์ป้าเจ้าปัญหาต่างตกตะลึง
ป้าคนหนึ่งที่มีท่าทางเหมือนเป็นหัวหน้าถามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “เธอหมายความว่ายังไง?”
หลินม่ายเหยียดยิ้ม “ในเมื่อพวกคุณแสดงเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ส่งตัวพวกคุณไปที่สถานีตำรวจเพื่อรับโทษพร้อมกันเลย”
จากนั้นเธอก็ตะโกนไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล “รปภ.มานี่หน่อย!”
ชายฉกรรจ์ที่สวมชุดเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยวิ่งกรูกันเข้ามาทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้ามาจับตัวพวกมนุษย์ป้าเจ้าปัญหาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
สาเหตุที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มนี้มาปรากฏตัวในที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที ก็เพราะพวกเขาเป็นคนของหลินม่ายอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เธอแวะไปที่โรงงานตัดเสื้อก่อนจะมาที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิง และได้เรียกพวกเขาให้ตามมาทีหลัง
สาเหตุที่ยังไม่ให้พวกเขาลงมือในทันที ก็เพราะอยากให้มนุษย์ป้าพวกนี้แสดงจนจบ
รปภ.ทุกคนต่างก็เคยเป็นลูกน้องเก่าของเฉินเฟิง ดังนั้นจึงได้รับการฝึกฝนด้านการใช้กำลังมาเป็นอย่างดี
พวกเขาแค่ขยับตัวสองสามจังหวะ ก็สามารถควบคุมตัวมนุษย์ป้าทั้งหมดได้อย่างอยู่หมัด
หลังจากนั้นพวกหล่อนก็หายจากอาการสับสน พยายามดิ้นรนและขัดขืนอย่างหนัก
แต่แรงกำลังของพวกหล่อนจะสู้แรงของผู้ชายที่เคยตรากตรำอยู่ในธุรกิจมืดมานานแรมปี ผ่านชีวิตแต่ละวันไปโดยไม่พ้นเลือดตกยางออกได้อย่างไร?
ต่อให้พยายามต่อสู้ดิ้นรนขนาดไหนก็เปล่าประโยชน์
หลินม่ายออกคำสั่งเสียงเข้ม “ส่งตัวผู้หญิงพวกนี้ไปที่สถานีตำรวจ!”
ทันใดนั้นกลุ่มหญิงวัยกลางคนที่มาสร้างปัญหาก็ตื่นตระหนก แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและร้องตะโกน “เธอจับพวกเราไปที่สถานีตำรวจทำไม? พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายซะหน่อย!”
หลินม่ายตอบอย่างเย็นชา “พิมพ์บัตรกำนัลร้านUniqueปลอม คิดว่าไม่ผิดกฎหมายหรือไง?”
เหล่ามนุษย์ป้าเจ้าปัญหาต่างตกตะลึง
ลูกค้าที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน รีบหันมองไปทางกลุ่มมนุษย์ป้าอย่างไม่เชื่อสายตา
จนกระทั่งรปภ.ผลักป้า ๆ ทั้งหลายให้เดินหน้าเพื่อจะไปที่สถานีตำรวจ พวกหล่อนถึงได้สติกลับมาจากอาการตื่นตระหนก
จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “พวกเราไม่ได้พิมพ์บัตรกำนัลปลอมอะไรนั่นทั้งนั้น เธอเข้าใจผิดแล้ว!”
หลินม่ายแสยะยิ้มเย้ยหยัน “พวกคุณทำผิดจริงหรือไม่จริง แค่ไปที่สถานีตำรวจด้วยกัน ความจริงทั้งหมดก็เปิดเผยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
จากนั้นเธอก็หันกลับไปพุดกับลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านว่า “สองวันหลังจากนี้ร้านของเราจะมีการวางจำหน่ายเสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ ขอให้พวกคุณไว้วางใจในแบรนด์Unique และมาอุดหนุนสินค้าของเราอีกครั้งในวันที่ 10 กันยายน ในวันนั้นนอกจากคุณจะใช้บัตรกำนัลได้แล้ว อาจจะได้เสื้อผ้ารุ่นใหม่กลับไปด้วยนะคะ”
หลังจากพูดแบบนั้น เธอก็เดินไปหาพนักงานขายคนหนึ่งในร้าน แล้วขอบัตรกำนัลของแท้จากหล่อนมาสองสามใบ แล้วเดินทางไปที่สถานีตำรวจพร้อมกับรปภ.และมนุษย์ป้าเจ้าปัญหาอีกสิบกว่าคน
มนุษย์ป้าพวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
ทันทีที่ไปถึงสถานีตำรวจ พวกหล่อนต่างร้องแรกแหกกระเชอว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนพิมพ์บัตรกำนัลปลอมตามที่ถูกกล่าวหา
ตำรวจหญิงค้นตัวพวกหล่อน พบว่าทุกคนมีบัตรกำนัลร้านUniqueซุกซ่อนอยู่รวมกันเกือบร้อยใบ
เฉพาะบัตรกำนัลที่มีจำนวนมากเกินความเป็นจริงเพียงอย่างเดียวก็ชวนให้เกิดข้อสงสัยแล้วว่าบัตรกำนัลพวกนี้ต้องเป็นของปลอมแน่ คนธรรมดาที่ไหนจะมีบัตรกำนัลอยู่ในครอบครองมากมายขนาดนี้!
เมื่อตำรวจซักถามว่าพวกหล่อนได้บัตรกำนัลจำนวนมากพวกนี้มาจากที่ไหน เหล่ามนุษย์ป้าต่างก็อ้ำอึ้งเพราะไม่สามารถตอบได้
แต่ก็ยังไม่มีใครยอมรับว่าบัตรกำนัลตรงหน้าเป็นของปลอม
เพราะฉะนั้นคงต้องพิสูจน์ให้ได้เสียก่อนว่าบัตรกำนัลพวกนี้เป็นของปลอมจริง ๆ ถึงจะตัดสินโทษได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนเปรียบเทียบบัตรกำนัลพวกนั้นกับบัตรกำนัลร้านUniqueของแท้ที่หลินม่ายยื่นให้กับมือ แต่พอตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาก็มองไม่เห็นถึงความแตกต่าง
เห็นแบบนั้นแล้วสีหน้าของมนุษย์ป้าพวกนั้นก็กลับมากระหยิ่มยิ้มย่องอีกครั้ง ไม่บิดเบี้ยวจนน่าเกลียดด้วยความตื่นตระหนกเหมือนก่อนหน้านี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหันไปสอบถามหลินม่ายเกี่ยวกับบัตรกำนัลร้านUniqueที่ตรวจยึดมาจากกลุ่มหญิงวัยกลางคน “คุณรู้ได้ยังไงว่าบัตรกำนัลพวกนี้เป็นของปลอม?”
หลินม่ายรับบัตรกำนัลปลอมมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นก็ใช้เล็บขูดตรงมุมบัตรด้านขวาบน ถึงแม้กระดาษจะเกิดรอยขีดข่วนก็จริง แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงของทุกคน เธอหยิบบัตรกำนัลอีกใบหนึ่งออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ
จากนั้นก็ใช้เล็บขูดตรงมุมด้านขวาบนแบบเดียวกันกับเมื่อกี้นี้ พอกระดาษชั้นแรกที่เป็นสีแดงสดหลุดออก ก็เห็นว่ามีโลโก้ร้านUniqueอยู่ด้านใน
เธอวางบัตรกำนัลทั้งสองใบไว้ตรงหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปรียบเทียบกัน
“ตอนแรกฉันนึกกลัวอยู่บ้างว่าอาจมีใครหัวใสอยากปลอมแปลงบัตรกำนัลร้านUniqueของฉัน ตอนที่ฉันสั่งพิมพ์บัตรกำนัล ฉันเลยขอให้ผู้ผลิตเพิ่มสัญลักษณ์พิเศษลงไปด้วย เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันบัตรปลอม”
จากนั้นหลินม่ายก็ชี้นิ้วไปทางพวกมนุษย์ป้าที่ตอนนี้กลัวความผิดจนตาเหลือก “บัตรกำนัลของผู้หญิงพวกนี้ไม่มีสัญลักษณ์ป้องกันการปลอมแปลง จึงเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ทำการตรวจค้นร่างกายลองเปรียบเทียบบัตรกำนัลของจริงและของปลอมดูอีกครั้ง
จากนั้นหล่อนก็เงยหน้าขึ้นและถามหลินม่ายด้วยความงงงวย “ดูจากภายนอกแล้ว บัตรกำนัลทั้งสองใบแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยนะคะ แล้วคุณตัดสินได้ยังไงว่าบัตรกำนัลของพวกเธอเป็นของปลอม?”
หลินม่ายตอบกลับเบา ๆ “ตัดสินจากการกระทำและคำพูดของพวกหล่อนน่ะสิคะ”
มนุษย์ป้าเจ้าปัญหาหันมองสบตากันด้วยความสนเท่ห์
สายตาของพวกหล่อนเต็มไปด้วยความสับสน ระหว่างที่พวกหล่อนเป็นหน้าม้าแสดงละคร ไม่เคยมีสักครั้งที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าบัตรกำนัลในมือเป็นของปลอม!
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงถามยิ้ม ๆ “คุณช่วยเจาะจงมากกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ?”
หลินม่ายอธิบายให้ฟัง “ถ้าพวกเขาใช้บัตรกำนัลพวกนั้นตามเงื่อนไขที่ทางร้านระบุไว้ ฉันก็คงไม่ทันเฉลียวใจเหมือนกันว่าบัตรกำนัลในมือพวกหล่อนเป็นของปลอม เพราะคงไม่มีใครโง่ถึงขนาดลงทุนสั่งพิมพ์บัตรกำนัลปลอมเพื่อมาซื้อเสื้อผ้าและบังคับให้ทางร้านรีบขายแน่ ถึงยังไงเราก็กำหนดเงื่อนไขไว้ว่าลูกค้าจะสามารถใช้บัตรกำนัลได้ก็ต่อเมื่อซื้อสินค้าครบขั้นต่ำห้าสิบหยวนเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้บัตรกำนัลแทนส่วนลดได้ แต่ป้า ๆ พวกนี้กลับยืนกรานไม่ยอมจ่ายเงินท่าเดียว แค่อยากแลกบัตรกำนัลเป็นเงินสดเท่านั้น นี่คือจุดที่ทำให้ฉันเริ่มสงสัย ว่าที่พวกหล่อนเอาแต่กระโดดเหยง ๆ อยู่หน้าร้านฉันก็เพราะอยากเอาบัตรกำนัลมาแลกเป็นเงินสด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลักษณะภายนอกของพวกเธอที่มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลูกค้าของร้านUnique ต่อให้สามารถแลกบัตรกำนัลเป็นเงินสดได้จริง แต่บัตรไม่กี่ใบพวกนี้จะแลกเป็นเงินได้สักกี่หยวนกันเชียว? สำหรับคนทั่วไป ไม่คุ้มเลยที่จะทุ่มเทความพยายามอย่างสุดโต่งเพื่อแลกกับเงินอันน้อยนิดที่ว่า นอกซะจากพวกเธอจะวางแผนแลกเปลี่ยนในปริมาณมาก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ควรมีบัตรกำนัลอยู่ในความครอบครองมากกว่านี้
ถ้าอย่างนั้นบัตรกำนัลพวกนั้นจะมาจากไหนกันล่ะ? ก็ต้องเป็นของปลอมแน่อยู่แล้ว ฉันสงสัยว่าพวกหล่อนต้องมีบัตรกำนัลของปลอมมากกว่าที่พวกเราเห็นกันอยู่ในตอนนี้แน่ ๆ บัตรพวกนี้เป็นแค่เครื่องโยนหินถามทาง รบกวนสหายตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วย ว่ามีบัตรกำนัลปลอมที่ซุกซ่อนอยู่อีกกี่ใบ และถูกซ่อนไว้ที่ไหนบ้าง?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจมีบัตรกำนัลของปลอมที่ยึดได้จากการตรวจต้นร่างกายของป้าพวกนี้เป็นหลักฐานมัดตัว
ประกอบกับการสอบปากคำที่รุนแรง ในที่สุดพวกมนุษย์ป้าก็เข่าทรุดลงโดยทันที ไม่คิดจะแก้ตัวอีกต่อไป
ทุกคนยอมเทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่(1) สารภาพทุกอย่างโดยละเอียด หวังว่าจะได้รับการผ่อนปรนโทษบ้าง
พวกหล่อนบอกกับตำรวจว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนพิมพ์บัตรกำนัลปลอมพวกนี้ แต่เป็นพ่อหรงและแม่หรงต่างหาก
พวกหล่อนเพิ่งถูกพ่อหรงและแม่หรงว่าจ้างให้ไปที่ร้านUniqueเพื่อสร้างปัญหา โดยมีจุดประสงค์คือทำลายร้านUniqueให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยบัตรกำนัลปลอมให้ได้
ส่วนพ่อหรงและแม่หรงยังมีบัตรกำนัลปลอมอยู่ในมืออีกกี่ใบ เรื่องนี้พวกหล่อนไม่รู้ แต่ต้องมีเป็นจำนวนมากแน่
เจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกป้าสองคนจากทั้งหมดให้เป็นคนนำทาง แล้วตรงดิ่งไปที่บ้านของแม่เฒ่าหวัง
พ่อหรงและแม่หรงกำลังนั่งกินถั่วลิสงทอดอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ
แค่พวกเขาจินตนาการว่าหลินม่ายถูกกลุ่มมนุษย์ป้าที่พวกเขาว่าจ้างด้วยราคาสูงต้อนกระทั่งจนมุม จนต้องยอมรับแลกบัตรกำนัลของปลอมเป็นเงินสดอย่างเสียไม่ได้ พวกเขาก็สะใจมาก
หลังจากนั้นถ้าร้านUniqueยังยอมรับแลกบัตรกำนัลเป็นเงินสดต่อไป อีกไม่นานสถานะทางการเงินก็คงไม่ต่างอะไรไปจากเขื่อนแตก กว่าจะรู้ตัวก็ไม่สามารถต้านทานคำเรียกร้องของลูกค้าที่อยากแลกบัตรกำนัลเป็นเงินสดได้
ถึงตอนนั้นผลพวงก็จะตามมาเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ลูกค้าที่มีบัตรกำนัลอยู่ในมือจะไม่สนใจซื้อเสื้อผ้าจากร้านUniqueอีกต่อไป เพราะสนใจแต่จะเอาบัตรกำนัลไปแลกเป็นเงินสดเท่านั้น
บวกกับความจริงอีกอย่างหนึ่ง คือบัตรกำนัลปลอมที่พวกเขาสองสามีภรรยาจัดพิมพ์ขึ้นล้วนมีจำนวนมากมายจนล้นตลาด กำไรส่วนใหญ่ที่Uniqueเคยทำได้ก็จะถูกนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนบัตรกำนัลเสียหมด
ท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบดังกล่าวต้องบั่นทอนธุรกิจของอีกฝ่ายแน่
ยิ่งคิดคำนวณถึงความเป็นไปได้ที่Uniqueจะประสบกับความล่มจมเพราะเรื่องนี้ สองสามีภรรยาก็มีความสุขมาก
สำหรับเครดิตในส่วนของทั้งสอง คุณกวนจะต้องตกรางวัลให้พวกเขาอย่างงาม
เมื่อสองสามีภรรยาวาดฝันถึงเงินกองโต รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งฉีกกว้างขึ้นจนไม่อาจหุบลงง่าย ๆ
ขณะนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็มาเคาะประตูลานบ้านซึ่งปิดสนิทอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………….
เทเม็ดถั่วออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ เป็นสำนวน แปลว่า พูดตรง ๆ ชัดเจน คายหมดเปลือก
สารจากผู้แปล
ดีใจกันไปให้พอนะบ้านตระกูลหวัง เพราะอีกไม่นานหายนะจะมาเยือนถึงบ้านแล้ว
ไหหม่า(海馬)