แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 518 ตามหาเหล็กจนเจอ
ตอนที่ 518 ตามหาเหล็กจนเจอ
วันนี้สภาพอากาศไม่แปรปรวน เครื่องบินไม่ประสบกับหลุมอากาศใด ๆ ภายในเวลาประมาณบ่ายโมง เครื่องบินก็ลงจอดอย่างราบรื่นที่สนามบินหนานหูในเจียงเฉิง
สหายน้องชายของเฉินเฟิงหลายคนลงจากเครื่องบิน ทำท่าทางเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว
ครั้งนี้เธอพกเงินสดติดตัวมาด้วยเป็นจำนวนมาก แต่กลับใช้ไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องปลอดภัยเท่าใดที่หลินม่ายกับน้องชายแฟนของเธอจะหอบเงินพวกนี้กลับบ้านด้วยตัวเอง
สหายน้องชายสี่คนของเฉินเฟิงมีความรับผิดชอบสูง ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเพื่อส่งฟางจั๋วเยวี่ยและพี่สะใภ้ของเขากลับไปที่วิลล่า รอจนแน่ใจว่าพวกเขาเข้าไปในบ้านอย่างปลอดภัยแล้วก็ค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน
อาหวงตื่นจากการงีบหลับในตอนบ่ายพอดี
เจ้านายตัวน้อยของมันไปโรงเรียนอนุบาล ที่บ้านจึงไม่มีใครคอยเล่นกับมัน ช่วงกลางวันมันเลยเอาแต่นอนเหยียดยาวอย่างเกียจคร้านอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นราวกับแกล้งตาย
แต่แล้วมันก็ผงกหัวขึ้นจากพื้น
หลังจากนั้นมันก็ตะเบ็งเสียงเห่าสองครั้งไปทางคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือและหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา ก่อนจะกระดิกหางวิ่งไปที่ประตูอย่างมีความสุข พร้อมกันนั้นก็เห่าต้อนรับไปด้วย
“ใครมาเวลานี้กัน?” คุณย่าฟางอดสงสัยไม่ได้ ถอดแว่นที่วางไว้บนสันจมูกออก เดินตามมันไปเปิดประตู ถึงรู้ว่าเป็นหลานชายคนเล็กกับหลานสะใภ้
คุณย่าฟางร้องเรียกเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “เหล่าฟาง ม่ายจื่อกลับมาแล้ว!”
เมื่อคุณปู่ฟางได้ยินแบบนั้น เขาก็ทิ้งหนังสือพิมพ์ในมือแล้ววิ่งออกไปนอกบ้านพร้อมกับพูดพึมพำไปด้วย “ม่ายจื่อน่ะหรือจะกลับมาวันนี้? เป็นไปไม่ได้”
แต่พอเห็นว่าหลินม่ายกลับมาแล้วจริง ๆ เขาก็หัวเราะร่าหน้าบานเหมือนดอกไม้ทันที
คุณปู่ฟางเอื้อมมือไปรับกระเป๋าเดินทางจากมือของหลินม่าย พร้อมกับทักทายเธอด้วยความห่วงใย
ฟางจั๋วเยวี่ยที่ถูกมองข้ามถึงกับมุมปากกระตุก เขาออกจะตัวสูงขนาดนี้ คุณปู่คุณย่ายังมองไม่เห็นเขาอีกหรือ?
ยังดีที่อาหวงไม่ทำเมินเขา นอกจากกระดิกหางให้แล้วยังเดินเคล้าแข้งเคล้าขาอีกต่างหาก ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง
คนทั้งสี่นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น หลินม่ายรีบเช็กเป็ดย่างทั้งหมดที่หิ้วมาด้วย รวมถึงขาหมูตุ๋นซอสจากเทียนฟู่
ตอนนี้อยู่ในฤดูใบไม้ร่วง อากาศไม่ร้อนจัด อาหารปรุงสุกพวกนี้จึงยังไม่เสีย
ต้องโทษที่สมัยนี้ยังไม่มีบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ ถ้ามีบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ ใครจะมานั่งกังวลว่าอาหารปรุงสุกพวกนี้จะบูดเสียหรือไม่?
คุณปู่ฟางทำหน้าเบิกบานใจเหมือนเด็กน้อยทันทีที่เขาเห็นเป็ดปักกิ่งจากร้านเฉวียนจวี้เต๋อ และขาหมูตุ๋นซอสจากเทียนฟู่
หลินม่ายจัดการแบ่งอาหารเลิศรสจากปักกิ่งที่เธอหิ้วกลับมาออกเป็นหลายส่วน เผื่อให้สะดวกต่อการเอาไปฝากคนอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็เล่าให้คุณปู่ฟางและภรรยาของเขาฟังเกี่ยวกับการไปเปิดตลาดครั้งนี้
โดยเฉพาะเรื่องที่เธอและฟางจั๋วเยวี่ยแวะไปเยี่ยมเยียนคุณปู่จ้าวและภรรยาของเขา
คุณย่าฟางถามว่าสองสามีภรรยาชราเป็นอย่างไรบ้าง
หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่จ้าวกับคุณย่าจ้าวสุขภาพแข็งแรงดีเหมือนคุณปู่กับคุณย่าเลยค่ะ!”
คุณย่าฟางมีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนั้น พลางหันไปคุยกับคุณปู่ฟางว่าสักวันหนึ่งพวกเขาต้องหาโอกาสไปที่เมืองหลวงเพื่อพบปะเพื่อนเก่าเสียหน่อยแล้ว
หลินม่ายพูดคุยกับทั้งสองแค่ไม่กี่ประโยค เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็น ได้เวลาทำอาหารมื้อเย็นพอดี
เย็นวันนี้มีเมนูหลักอย่างเป็ดปักกิ่งร้านเฉวียนจวี้เต๋อกับขาหมูตุ๋นซอสจากเทียนฟู่ ดังนั้นทำปลาเล็กผัดเซียงล่า ผัดผักสองอย่าง ซุปอีกหนึ่งอย่างก็พอ
หลินม่ายทำอาหารอยู่ที่บ้าน ส่วนคุณปู่ฟางและภรรยาของเขาออกไปรับโต้วโต้ว ซึ่งเป็นกิจวัตรปกติของพวกเขา
หลินม่ายเตรียมอาหารมื้อเย็นเกือบเสร็จแล้ว คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็พาโต้วโต้วกลับมาพอดี
ทันทีที่โต้วโต้วเดินเข้าประตูมา หล่อนก็ร้องตะโกนอย่างมีความสุข “แม่จ๋า แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่จ๋าจังเลย!”
หลินม่ายวิ่งออกมาจากห้องครัว ทันทีที่เจอหน้าเด็กหญิงตัวน้อยก็อุ้มหล่อนขึ้นมาจนตัวลอย
โต้วโต้วยื่นหน้าไปจูบและหอมผู้เป็นแม่ไม่หยุด
แถมยังบอกด้วยว่า เมื่อวานนี้คุณย่าซื้อขนมอร่อย ๆ ให้ และหล่อนก็เก็บไว้รอให้แม่กลับมากิน
พูดจบก็ผละออกจากอ้อมแขนของหลินม่าย วิ่งซอยเท้าน้อย ๆ ขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แล้วหยิบขนมอร่อยล้ำของหล่อนลงมาให้หลินม่ายลองชิม
หลินม่ายคิดในใจว่า ตั้งแต่โต้วโต้วย้ายมาอยู่กับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง เด็กหญิงตัวน้อยอาจไม่ผูกพันกับเธอเหมือนก่อนหน้านี้
ไม่คาดคิดเลยว่าหล่อนจะยังเป็นเหมือนเดิม ทุกครั้งที่ตัวเองได้กินของอร่อย ๆ ก็มักจะนึกถึงแม่เป็นคนแรกเสมอ
ปกติแล้วโต้วโต้วมักจะนั่งคั่นกลางระหว่างคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางตอนรับประทานอาหาร แต่วันนี้หล่อนกลับย้ายมานั่งคั่นกลางระหว่างหลินม่ายกับฟางจั๋วหราน
หลังจากไม่ได้เจอกันหลายวัน ฟางจั๋วหรานอยากจับมือหลินม่ายให้หายคิดถึง น่าเสียดายที่โต้วโต้วมานั่งคั่นกลางระหว่างเขากับเธอเสียอย่างนั้น เขาจึงต้องอดทนต่อไป
ระหว่างรับประทานอาหาร หลินม่ายถามฟางจั๋วหรานว่าคืนนี้เขาว่างหรือเปล่า
“คืนนี้มีผู้ป่วยวิกฤตกำลังรอรับการผ่าตัดจากผม อาจต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานสองถึงสามชั่วโมงเลย” ฟางจั๋วหรานเงยหน้าขึ้นมองเธอ “คุณอยากให้ผมช่วยทำอะไรหรือเปล่า ไว้วันพรุ่งนี้ก่อนได้ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “วันพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ฉันแค่อยากให้คุณไปมอบของขวัญวันชาติให้ผอ.เขตโอวหยางด้วยกันหน่อย”
ปกติเวลาหลินม่ายไปส่งของขวัญให้คนอื่น เธอไม่เคยเรียกใครไปเป็นเพื่อนเลย แต่ครั้งนี้เธอกลับอยากให้เขาไปด้วย ฟางจั๋วหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามเหตุผลในทันที เพราะคุณปู่กับคุณย่าของเขายังนั่งอยู่ที่นี่ด้วย
หลังมื้ออาหาร ฟางจั๋วหรานก็ขอตัวกลับไปที่โรงพยาบาล
หลินม่ายอยู่เล่นกับโต้วโต้วอีกสักพักหนึ่ง แล้วขอตัวจากไป
เธอต้องแวะไปที่โรงงานตัดเสื้อผ้า และตั้งใจว่าจะเตรียมอาหารเลิศรสจากปักกิ่งไปฝากเฉินเฟิงด้วย
พอเธอปั่นจักรยานไปถึงไซต์งานก่อสร้างสะพานต่างระดับ เฉินเฟิงที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของตัวเองก็ตกใจมาก
“เย็นย่ำป่านนี้แล้ว จู่ ๆ เธอโผล่พรวดมาหาฉันแบบนี้ ไม่กลัวศาสตราจารย์เขาหึงเอารึไง?”
“ฉันแค่หิ้วของอร่อยจากเมืองหลวงมาฝากนายเท่านั้นเอง คิดว่าคนอย่างเขาจะหึงหวงแค่เพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เหรอ”
ขณะที่หลินม่ายพูดแบบนั้น เธอก็วางเป็ดปักกิ่งร้านเฉวียนจวี้เต๋อ ขาหมูตุ๋นซอสจากเทียนฟู่ และเอ้อร์กัวโถว(เหล้าขาว)อย่างดีลงบนโต๊ะของเฉินเฟิง
เฉินเฟิงมองดูของพวกนั้นพร้อมกับยิ้มกว้าง “เธอนี่รู้ใจฉันจริง ๆ เลย อย่าบอกนะว่าเธอรู้ว่าฉันไปตามเหล็กที่ถูกขโมยกลับคืนมาได้แล้ว ก็เลยให้รางวัลฉันเป็นเหล้ากับของกินพวกนี้?”
หลินม่ายเดาะลิ้น “ใครจะไปรู้ใจนายกัน? พี่เถา พี่ฉายอวิ๋น หรือหมิงเฉิงต่างก็ได้ของฝากพวกนี้จากฉันเหมือนกัน ใช่ว่านายได้สิทธิพิเศษคนเดียวซะหน่อย อย่าเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย”
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อนทันที “เธอช่วยพูดโกหกแล้วทำเหมือนฉันเป็นคนพิเศษหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“โธ่พ่อชายชาตรี เป็นอะไรมากไหมเนี่ย โตป่านนี้ยังอยากให้คนอื่นหลอกตัวเองอีก ไม่อายหน่อยเหรอ?”
หลินม่ายลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามเขา “ไหนเล่าให้ฟังหน่อย นายไปตามหาเหล็กจนเจอได้ยังไง?”
“ฉันสั่งให้ลูกน้องออกไปสืบข่าวว่าใครบ้างที่มีไม้ผุพังพวกนี้อยู่ในครอบครอง ขณะเดียวกันก็คอยแฝงตัวติดตามธุรกิจค้าเหล็กในตลาดมืดอย่างใกล้ชิด เหล็กจำนวนมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่แก๊งโจรจะไม่เอาพวกมันไปขาย พวกเราไม่เจอใครที่ครอบครองไม้ผุพังก็จริง แต่มีคนเอาเหล็กมาขาย แล้วดันเป็นเหล็กรุ่นเดียวกันกับเหล็กที่พวกมันขโมยไปจากเราด้วย ทันทีที่ได้ยินลูกน้องรายงานมา ฉันก็รีบบึ่งไปแจ้งตำรวจทันที นอกจากจะได้เหล็กคืนมาอย่างครบถ้วนแล้ว ฉันยังกวาดล้างโจรพวกนั้นได้ทั้งแก๊ง”
หลินม่ายปรบมือเสียงดัง “โจรแก๊งนี้ไม่รู้ฟ้ารู้ดินจริง ๆ บังอาจขโมยของไปจากลูกพี่เฟิง สมควรแล้วที่ถูกจับได้!”
เฉินเฟิงโบกมือ “แก๊งโจรพวกนั้นไม่ใช่นักโจรกรรมมืออาชีพน่ะสิ พวกมันรวมกลุ่มกันเป็นการเฉพาะกิจภายใต้คำสั่งของผู้รับเหมาที่ชื่อหูสิ่งซือ คู่แข่งในการแย่งชิงโครงการก่อสร้างสะพานต่างระดับ เขาไม่พอใจที่เธอไปตัดหน้าโครงการพัฒนาเมืองซึ่งเขาเล็งไว้มานาน ก็เลยวางแผนจ้างคนมาขโมยเหล็กของเราเพื่อระบายความแค้น”
พอหลินม่ายได้ยินแบบนั้น เธอก็นึกย้อนไปถึงชายวัยกลางคนร่างเตี้ยอ้วนแววตาเศร้าหมองที่เธอบังเอิญเห็นเข้าตอนเดินผ่านห้องทำงานของผู้อำนวยการหลิว เห็นแม้กระทั่งว่าเขาพยายามจะยัดซองอั่งเปาให้อีกฝ่าย
เธออดเยาะเย้ยไม่ได้ “พ่อแม่ของเขาตั้งชื่อเขาว่าสิ่งซือ เพื่อให้เขาสะท้อนความไร้ความสามารถของตัวเองออกมาเป็นความคับแค้นต่อผู้อื่นหรือไง?”
เฉินเฟิงแค่นเสียงเย้ยหยัน “เขามีเวลาขบคิดคำตอบของคำถามนี้แปดถึงสิบปีในคุกโน่นแหละ”
พอพุดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นทันที “ดีแล้วที่คนแซ่หูนั่นถูกจับ ไม่งั้นไซต์งานก่อสร้างของเราคงประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อ้อ เป็นคนนั้นนั่นเองที่รอระบายความแค้นกับม่ายจื่อ ไม่พูดถึงก็เกือบลืมชื่อไปแล้วเหมือนกันค่ะ
ไหหม่า(海馬)