แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 581 คืนที่ยากลำบาก
ตอนที่ 581 คืนที่ยากลำบาก
ช่วงเวลาเดินเล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าพระอาทิตย์ก็ตกดิน
เมื่อหลินม่ายและฟางจั๋วหรานกลับมาที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ของเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยได้เตรียมอาหารมื้อเย็นเป็น ขาแกะย่าง ซุปเครื่องในแกะ และไขแกะไว้ให้แล้ว
วัตถุดิบหลักก็ยังคงเป็นเนื้อแกะหรือผลิตภัณฑ์จากนม เป็นอะไรที่หลินม่ายไม่ชอบจริง ๆ
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกินเพื่อรักษาน้ำใจเถ้าแก่เนี้ยด้วยรอยยิ้ม
แม่และลูกสาวของร้านนี้กระตือรือร้นเกินไปจนไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากกินและดื่มเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนก็นั่งคุยกัน
บทสนทนาส่วนใหญ่เป็นหลินม่ายที่บรรยายโลกภายนอกของมองโกเลียในให้กับถ่าน่า สาวน้อยชาวมองโกเลียหน้าตาน่ารักน่ารักฟัง ซึ่งเด็กสาวตัวน้อยก็รับฟังด้วยตื่นตาตื่นใจ
ตอนแรกหล่อนชอบแอบมองฟางจั๋วหรานอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มหันไปสนิทสนมกับหลินม่าย
แต่หลินม่ายพูดคุยกับหล่อนไปได้สักพักก็เริ่มง่วงนอน
ตอนที่อยู่บนรถไฟในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเธอแทบไม่ได้พักผ่อน แถมยังออกไปเดินเล่นตลอดทั้งช่วงบ่าย ใช้งานร่างกายหนักจนเกินไป
เมื่อเห็นแบบนี้ เถ้าแก่เนี้ยจึงเดินนำพวกเขาไปยังห้องด้านหลังร้านอาหาร บอกพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่าตัวเองเตรียมห้องนี้ไว้สำหรับพวกเขา
หลินม่ายตกตะลึง หันไปพูดกับเถ้าแก่เนี้ย “คุณป้า ฉันขอนอนห้องเดียวกับลูกสาวคุณไม่ได้เหรอคะ?”
ถ่าน่าได้ยินแบบนั้นก็ตื่นเต้นมาก มองเถ้าแก่เนี้ยด้วยแววตาสดใส
เถ้าแก่เนี้ยบอก “ห้องนอนลูกสาวฉันไม่อบอุ่นเท่าห้องนี้หรอก คู่หนุ่มสาวอย่างพวกคุณอยู่ด้วยกันในห้องนี้นั่นแหละดีแล้ว”
ฟางจั๋วหรานแอบรู้สึกเป็นสุขในใจ กระซิบข้างหูหลินม่ายว่า “นอนห้องนี้เถอะ อย่าทำให้คุณป้าเขาลำบากใจเลย”
หลินม่ายคิด ใช่ว่าพวกเขาสองคนไม่เคยนอนร่วมห้องเดียวกันเสียหน่อย ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว ในที่สุดจึงยอมรับการจัดแจงของเจ้าของบ้าน
ฟางจั๋วหรานรู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าเขาจะทำรุ่มร่ามได้มากที่สุดคือกอดหอมเท่านั้น ไม่สามารถเคี้ยวแฟนสาวแล้วกลืนลงท้องก็ตาม
แต่การได้นอนกอดสาวน้อยแสนอ่อนหวานที่มีร่างกายนุ่มนิ่ม ก็เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย
น่าเสียดาย… เถ้าแก่เนี้ยจุดเตาผิงจนภายในห้องอบอุ่นเกินไป
คราวนี้นอกจากหลินม่ายจะไม่ยอมเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหรานแล้ว ขนาดเขาต้องการโอบกอดเธอ เธอยังผลักไสเขาออกห่างด้วยความรำคาญ บอกให้เขาไปนอนห่าง ๆ เพราะเธอร้อน
คืนนี้หลินม่ายจึงนอนหลับอุตุ
หลังจากกินเนื้อแกะเข้าไปเป็นจำนวนมาก ศาสตราจารย์ซึ่งร้อนรุ่มไปทั้งตัว แถมยังต้องนอนอยู่ภายในห้องที่เตาผิงอุ่นเกินพิกัดแบบนี้ เลือดลมของเขาก็ยิ่งเดือดพล่าน ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องอดทนกับมัน เหมือนทนทรมานอยู่ในเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น
เช้าวันต่อมาหลินม่ายตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น พอเห็นว่ารอบดวงตาของฟางจั๋วหรานเป็นสีดำคล้ำเล็กน้อย ก็ถามด้วยความงุนงงว่า “เมื่อคืนคุณนอนดึกเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานหันมองเธอด้วยสายตาซับซ้อน
อยู่กับของอร่อยเป็นที่หนึ่ง แต่กลับกินไม่ได้ แม้แต่ชิมก็ยังไม่ได้ แล้วใครจะนอนหลับลงกันล่ะ?
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชาของหลินม่ายถูกส่งมาถึงสถานีรถไฟเป็นที่เรียบร้อย
ชาทั้งหมดมีจำนวนมากเกินไป แน่นอนว่าไม่สามารถขนมาเก็บไว้ที่บ้านของเถ้าแก่เนี้ยได้
หลินม่ายจึงขอให้อีกฝ่ายช่วยเสาะหาโกดังเพื่อเก็บพวกมันไว้สักสองวัน
รอให้ติดต่อกับกรมศุลกากรได้ก่อน เธอค่อยส่งชาพวกนี้ไปขายยังต่างประเทศ
เถ้าแก่เนี้ยได้ยินว่าเธอต้องการไปมองโกเลียเพื่อขายชา จึงเสนอว่า “คุณไม่เห็นต้องไปขายชาที่มองโกเลียเลย ขายให้พวกเราไม่ได้เหรอ?”
หลินม่ายอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ฉันตั้งใจจะขายชาพวกนี้ให้ชาวมองโกเลีย เพื่อขอแลกกับเนื้อวัวและเนื้อแกะจากที่นั่นค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยมองเธอด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ที่นี่ใช่ว่าไม่มีเนื้อวัวกับเนื้อแกะซะหน่อย คุณถึงต้องเดินทางไกลเพื่อไปซื้อจากคนอื่น”
หลินม่ายลองสอบถามเกี่ยวกับราคาขายเนื้อวัวและเนื้อแกะมองโกเลียของท้องถิ่น พบว่าเนื้อวัวและเนื้อแกะของมองโกเลียมีราคาถูกกว่า
แต่ถึงแม้การซื้อเนื้อวัวและเนื้อแกะจากมองโกเลียจะคุ้มค่ากว่าก็ตาม พอลองทบทวนเรื่องนี้ดูอีกครั้ง หลินม่ายก็เปลี่ยนใจมาซื้อเนื้อวัวและเนื้อแกะจากมองโกเลียในแทน
ราคาแพงกว่าไม่ใช่ปัญหา ถึงอย่างไรมองโกเลียในก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ ดังนั้นเธอควรจะช่วยเหลือธุรกิจของพวกเขา
นอกจากนี้ แม้เนื้อวัวและเนื้อแกะของมองโกเลียในจะมีราคาสูงกว่า แต่ถ้าพวกมันถูกส่งไปขายยังเจียงเฉิง ผลกำไรที่ได้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย
พูดถึงเรื่องของผลกำไร มีหลายครั้งที่หลินม่ายผันตัวเป็นผู้แสวงหาผลกำไรตัวจริง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนเลี้ยงแกะที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายและตรงไปตรงมาเช่นเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ หลินม่ายก็ไม่อยากค้ากำไรจนเกินควร
ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะบุคลิกที่น่าคบหาของอีกฝ่าย
หลินม่ายตัดสินใจว่าจะขายชาให้กับคนในท้องถิ่น แล้วขอแลกซื้อเนื้อวัวกับเนื้อแกะจากพวกเขา ถึงอย่างนั้นหลินม่ายก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเถ้าแก่เนี้ยเป็นหลัก
เธอไม่มีภาระงานส่วนตัว สามารถอยู่ในโฮฮอตได้นานเท่าที่ต้องการ
แต่ฟางจั๋วหรานไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาได้วันลาหยุดแค่สองสัปดาห์เท่านั้น
หลินม่ายจึงต้องหาทางขายชาแลกเนื้อวัวและเนื้อแกะโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับไปยังเจียงเฉิงได้ทันเวลา
เถ้าแก่เนี้ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เราพอรับซื้อชาจากคุณแลกกับการขายเนื้อแกะให้ได้ แต่ว่า… เนื้อวัวอาจจะหายากนิดหน่อย…”
หลินม่ายถามด้วยความงงงวย “ทำไมล่ะคะ?”
เถ้าแก่เนี้ยอธิบาย “เมื่อปีที่แล้ว พวกเราได้รับอนุญาตให้เลี้ยงวัวและแกะอย่างอิสระ แต่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงวัวนั้นสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแกะมาก ทุกครัวเรือนมีเงินทุนน้อย ดังนั้นชาวบ้านเลยเลือกเลี้ยงแกะเป็นส่วนใหญ่ และเลี้ยงวัวแค่ไม่กี่ตัว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเนื้อวัวถึงหาซื้อยาก”
หลินม่ายยิ้ม “งั้นเดี๋ยวฉันค่อยไปหาซื้อเนื้อวัวที่มองโกเลียก็ได้ค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยอาสาจะตามเธอไปที่ชายแดนเพื่อซื้อเนื้อวัวด้วย
ตอนเที่ยงของวันเดียวกัน เถ้าแก่เนี้ยขอให้ถ่าน่าขี่ม้าขนสีแดงตัวน้อยออกไป เพื่อเชิญหัวหน้าหมู่บ้านเจ็ดถึงแปดคนมาที่บ้านตัวเองมาหารือเรื่องรับซื้อเนื้อแกะร่วมกัน
ทั้งยังบอกพวกเขาด้วยว่า หลินม่ายต้องการขายชาคุณภาพดีแลกกับเนื้อแกะ และต้องการขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
หัวหน้าหมู่บ้านเหล่านั้นมีความระมัดระวังมาก พวกเขาขอชิมชาของหลินม่ายก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาว่าชาพวกนี้คุ้มราคาหรือเปล่า
หากชามีคุณภาพสูงและราคาถูก พวกเขาจะเต็มใจรับซื้อชาจากหลินม่าย
หลินม่ายไม่กังวลเกี่ยวกับคุณภาพของชาที่ตัวเองซื้อมาเลย
ชาติที่แล้วเธอดื่มชามาหลากหลายอย่าง ชาอวิ๋นวู่อิงซานมีคุณภาพดีกว่าชาหลงจิ่ง ชาปี้หลัวชุน และชาหวงซานเหมาเฟิง… จนเธอคิดว่าชาที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มีรสชาติด้อยกว่า ทั้งยังไม่โด่งดังเท่า
เธอยิ้มพร้อมกับชงชาให้บรรดาหัวหน้าหมู่บ้านชิมไปหลายแก้ว
หัวหน้าหมู่บ้านต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันหลังจากได้ชิม
ระดับคุณภาพชาผ่านเกณฑ์การตัดสินได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนของราคา ราคาชาที่หลินม่ายนำมาขายนั้นต่ำกว่าราคาของชาที่มีลักษณะคล้ายกันในตลาดเล็กน้อย
ชาวมองโกลไม่ใช่คนตลบตะแลงเหมือนชาวฮั่น และก็ไม่ได้นึกดูแคลนชาวฮั่นเช่นกัน แต่เป็นการพูดความจริง
เมื่อเห็นว่าราคาอยู่ในเกณฑ์ข้อเสนอที่ดี หัวหน้าหมู่บ้านก็แสดงความเต็มใจที่จะรับซื้อชาของหลินม่ายทันที โดยไม่คิดต่อรองราคา
แต่ถ้าพวกเขารู้ว่าเธอเป็นชาวฮั่นจากจีน ไม่ว่าข้อเสนอด้านราคาจะดีแค่ไหนก็ตาม อีกฝ่ายก็ยังต้องต่อรองราคาอยู่ดี
ถึงหลินม่ายจะเป็นชาวฮั่น แต่เธอไม่ใช่คนฉลาดแกมโกงแบบนั้น
เธอยึดหลักการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตราบใดที่คุณช่วยฉัน ฉันก็จะมอบผลประโยชน์ให้คุณ
กล่าวโดยสรุปคือ ความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า
หลินม่ายให้สัญญากับบรรดาหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะเอาเงินที่ได้จากการขายชามาจ่ายค่าเนื้อแกะให้พวกเขา
หัวหน้าหมู่บ้านหลายคนโกรธเคืองขึ้นมาทันที บอกว่าตัวเองเต็มใจช่วยเหลือเธอ ก็เพราะเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เธอกลับดูถูกพวกเขาโดยการจ่ายเงินให้ได้อย่างไร
หลินม่ายรีบขอโทษขอโพยพวกเขา
หลังมื้ออาหารกลางวัน หลินม่ายติดต่อเช่ารถบรรทุกโดยอาศัยความช่วยเหลือจากเถ้าแก่เนี้ย
หลังจากขนชาขึ้นรถบรรทุกจนเต็มคันแล้ว ทุกคนก็เตรียมพร้อมจะไปตลาดสดที่ชายแดนในวันรุ่งขึ้นเพื่อหาซื้อเนื้อวัว
วันต่อมา เถ้าแก่เนี้ยเข้ามาปลุกหลินม่ายกับฟางจั๋วหรานด้วยตัวเอง
ช่วงฤดูหนาวของมองโกเลียใน เวลาประมาณตีห้า อุณหภูมิจะต่ำกว่าศูนย์หลายสิบองศา
ถึงหลินม่ายจะใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจนตัวกลมเหมือนลูกบอล มีแค่ดวงตาคู่หนึ่งที่เปิดเผยให้เห็น อวัยวะทุกส่วนของร่างกายถูกพันไว้แน่น และถูกจัดแจงให้นั่งในห้องโดยสารก็ตาม แต่ความหนาวก็ทำให้เธอตัวแข็งทื่อจนเกือบตาย
หลังจากขับรถมาหลายชั่วโมง ในที่สุดรถบรรทุกก็มาถึงตลาดชายแดนในเวลาประมาณเก้าโมงเช้า
ขณะนี้ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ภายในตลาดเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งมีชีวิตชีวามาก
ทันทีที่รถบรรทุกจอด หลินม่ายก็รีบลงจากรถเพื่อไปดูว่าฟางจั๋วหรานที่นั่งอยู่ด้านหลังตัวแข็งไปแล้วหรือยัง
โชคดีฟางจั๋วหรานสวมหมวกป้องกันหิมะที่คนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่นมักจะสวม แล้วฝังใบหน้าของตัวเองไว้ตรงหัวเข่า ดังนั้นต่อให้อากาศจะเย็นแค่ไหน เขาก็ไม่หนาวมาก
เถ้าแก่เนี้ยก็ก้าวลงจากรถบรรทุกเช่นกัน พอมายืนอยู่ข้างรถบรรทุกแล้วก็ตะโกนเสียงดัง “มีชามาขายจ้า ชาเขียวกลิ่นหอมรสชาติอร่อย!”
หล่อนตะโกนต่อไปอีกสองสามครั้ง เสียงอันดังดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้มองมาทางรถบรรทุกในทันที
มีหลายคนเดินเข้ามาถามว่า “คุณขายชานี้เท่าไหร่เหรอ?”
ลูกค้าไม่กี่รายที่ให้ความสนใจ มีทั้งชาวมองโกเลียใน ชาวมองโกเลีย และชาวสหภาพโซเวียตผมทองตาน้ำข้าวตัวสูงใหญ่น่าเกรงขาม
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่ออัพเดทแพตช์ไปไกลมาก ถึงขั้นขายชาให้คนต่างชาติได้แล้ว
น่าสงสารศาตราจารย์เขานะคะ ต้องร้อนรุ่มอยู่ทั้งคืนจนนอนไม่หลับ
ไหหม่า(海馬)