แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 582 ทำคลอด
ตอนที่ 582 ทำคลอด
ชาวมองโกลเคยมีสถานะเป็นคนเร่ร่อน อาหารหลักของพวกเขาคือเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
พวกเขากินธัญพืชรวมถึงผักและผลไม้น้อยมาก ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน
ดังนั้นตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้คนจึงชื่นชอบการดื่มชาเพื่อเสริมวิตามินต่าง ๆ
เนื่องจากมองโกเลียไม่ใช่แหล่งผลิตชา ดังนั้นชาจึงมีราคาแพงมากในท้องถิ่น
ส่วนชาวโซเวียตไม่ได้ขาดวิตามิน แต่พวกเขาก็ชอบดื่มชาไม่แพ้กัน ในประเทศของพวกเขามีชาขายอยู่ไม่มากนัก
ชาเมื่ออยู่ในประเทศของพวกเขา ก็เหมือนกับกาแฟในประเทศจีนยุคสมัยนี้ ราคาขายไม่ถูกเลย
เถ้าแก่เนี้ยเสนอราคาอย่างตรงไปตรงมา
บางคนต้องการต่อราคา แต่เถ้าแก่เนี้ยกลับโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ชาที่ฉันเอามาขายมีคุณภาพสูงมาก ราคาที่พวกคุณเสนอมาต่ำเกินไป”
บางคนตั้งคำถามว่าชาของหล่อนมีราคาถูกเกินไป เป็นไปได้ไหมว่าอาจเอาชาคุณภาพต่ำมาหลอกขาย
เถ้าแก่เนี้ยจึงเปิดถุงชาให้พวกเขาดูด้วยตัวเอง
ลูกค้าเหล่านั้นเห็นสินค้าจริงแล้วก็พูดไม่ออก
รถบรรทุกหนึ่งคันบรรจุชาได้ทั้งหมดหกตัน ปริมาณถุงละหนึ่งชั่ง รวมเป็นหนึ่งหมื่นสองพันถุง
ด้วยปริมาณชาที่มากมายแบบนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขายปลีก ตอนแรกพวกเขากำหนดปริมาณขั้นต่ำไว้ที่หนึ่งร้อยถุงเท่านั้น จึงมีแค่พ่อค้ารายย่อยที่เต็มใจซื้อมัน
แต่ถึงแม้ว่าผู้ค้ารายย่อยจะซื้อกลับไปเจ้าละหนึ่งร้อยหรือสองร้อยถุง การค้าขายก็ยังดำเนินไปได้ช้ามากอยู่ดี อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะขายหมด
ทั้งหลินม่ายและฟางจั๋วหรานไม่สามารถพูดภาษามองโกเลียได้ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาเถ้าแก่เนี้ยฝ่ายเดียวในการทำธุรกิจ
พอเห็นว่าพวกเขายืนเฉย ๆ โดยที่ไม่มีอะไรทำ และทนกับอากาศหนาวเย็นแทบไม่ไหว เถ้าแก่เนี้ยจึงหันมาบอกให้พวกเขาไปหาซื้อของในตลาด ส่วนหล่อนจะรับหน้าที่ขายชาเอง
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานเดินจับจูงมือกันไปทั่วตลาด
ตลาดแห่งนี้ไม่เพียงจำหน่ายเนื้อวัวและเนื้อแกะเท่านั้น แต่ยังจำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันทุกประเภท แม้แต่ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และน้ำผึ้งจากต่างประเทศก็มีขาย
สินค้าพวกนี้มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับราคาขายในเจียงเฉิง
สมัยที่หลินม่ายอยู่ในชาติที่แล้ว เธอเคยอ่านบทความบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ และน้ำผึ้งมาไม่น้อย
ในบทความโฆษณาว่าผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ รวมถึงน้ำผึ้งของพวกเขาไม่ผสมแป้งหรือน้ำแต่อย่างใด จนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าในยุคนี้เป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า
เธอซื้อไส้กรอกมาชิ้นหนึ่งแล้วผ่าดู ปรากฏว่ามันทำมาจากเนื้อล้วนจริง ๆ
น้ำผึ้งก็เป็นน้ำผึ้งแท้ไม่ผสมน้ำ แค่เทใส่ช้อนแล้วชิมเพียงแตะลิ้น ความหวานพุ่งขึ้นมาจนแทบกระโดด
ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอกเนื้อหรือน้ำผึ้งแท้ที่ไม่ผสมน้ำ ล้วนเป็นสินค้าคุณภาพดีสำหรับเมืองเจียงเฉิง
วันปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าเธอซื้อไส้กรอกเนื้อกับน้ำผึ้งแท้กลับไปขาย คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ ๆ
น่าเสียดายที่เธอไม่ได้พกเงินสดมาด้วยตั้งแต่ก่อนจะออกเดินทางในครั้งนี้ ถึงจะมีใบชาเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนเงิน แต่ตอนนี้ก็ยังขายไม่หมด ต่อให้ขายหมดแล้ว เงินที่ได้จากการขายก็ต้องเจียดไปซื้อเนื้อวัวอยู่ดี
เกรงว่ารอบนี้คงซื้อไส้กรอกกับน้ำผึ้งแท้ไม่ได้เสียแล้ว เป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก
ขณะที่หลินม่ายกำลังจะซื้อซุปเครื่องในวัวอุ่น ๆ ให้เถ้าแก่เนี้ยดื่ม เธอก็ได้ยินเสียงคนจำนวนมากร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนกอยู่ไม่ไกล
เธอกับฟางจั๋วหรานรีบเดินเข้าไปดูทันที เห็นว่าหญิงตั้งครรภ์ชาวมองโกเลียคนหนึ่งที่สวมชุดงดงามบังเอิญพลัดตกจากหลังม้าของตัวเอง ทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แถมยังเสียเลือดไม่น้อย สภาพร่างกายย่ำแย่มาก
หญิงวัยกลางคนสองคนรวมถึงชายหนุ่มที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ หญิงตั้งครรภ์คนนั้นต่างร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง
ดูจากท่าทางแล้ว พวกเขาน่าจะเป็นคนในครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์
ฟางจั๋วหรานออกคำสั่งเสียงดัง “รีบอุ้มผู้หญิงไปที่กระโจมก่อนเร็วเข้า”
ใกล้ ๆ กับตลาดมีกระโจมพักแรมชั่วคราวตั้งอยู่หลายแห่ง
ชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ไม่นิ่งดูดาย เมื่อเห็นว่าสมาชิกในครอบครัวหลายคนของหญิงตั้งครรภ์รีบอุ้มหญิงตั้งครรภ์ตรงไปที่กระโจม เจ้าของกระโจมก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปใช้งานชั่วคราวทันที
หญิงวัยกลางคนที่ดูมีอายุสองคน คนหนึ่งเป็นแม่สามีของหญิงตั้งครรภ์ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนบ้านหญิง ทั้งสองต่างก็เคยมีประสบการณ์ในการคลอดบุตรมาแล้ว
พวกหล่อนรู้ว่าหญิงตั้งครรภ์อาจคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือน เพราะหลังจากตกหลังม้า โอกาสในการคลอดก่อนกำหนดยิ่งสูงเข้าไปใหญ่
แม่สามีและเพื่อนบ้านหญิงรีบผลักชายหนุ่มซึ่งเป็นสามีของหญิงตั้งครรภ์ออกไป เพื่อที่พวกหล่อนจะช่วยทำคลอดให้หญิงตั้งครรภ์กันเอง
หลินม่ายยื่นชามซุปเครื่องในแกะไปส่งให้เถ้าแก่เนี้ยเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอกลับมา ก็เห็นว่าฟางจั๋วหรานยังคงรอดูสถานการณ์อยู่นอกกระโจม จึงถามว่า “ผู้หญิงท้องคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าคะ?”
ฟางจั๋วหรานลูบศีรษะน้อยๆ ของเธอ “คุณคิดว่าการคลอดลูกมันง่ายหรือเปล่าล่ะ?”
หลินม่ายถามต่อ “แล้วคุณจะรออยู่ข้างนอกจนกว่าผู้หญิงคนนี้จะคลอด แล้วค่อยจากไปเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ผมสังหรณ์ใจว่าอาการโดยรวมของผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยดี บางทีผมอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
หลินม่ายประหลาดใจ “แต่คุณไม่ใช่สูตินรีแพทย์ซะหน่อยนี่?”
“ศัลยแพทย์ก็พอจะรู้หลักการผ่าตัดพื้นฐานอยู่บ้าง”
ทั้งสองยืนอยู่ข้างนอกประมาณครึ่งชั่วโมง และแล้วแม่สามีของหญิงตั้งครรภ์ก็วิ่งพรวดออกมา ถามผู้คนที่ยืนอยู่นอกกระโจมด้วยความกระวนกระวาย “ที่นี่มีหมอตำแยไหม ลูกสะใภ้ฉันคลอดลูกเองไม่ได้!”
ตามท้องถิ่น คนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวจะเป็นคนทำคลอดให้ลูกสะใภ้ในครอบครัวด้วยตัวเอง แต่ถ้าสถานการณ์ไม่ดี พวกเขาถึงจะไปเรียกหาหมอตำแย
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ถามหากันจ้าละหวั่น แต่แถวนี้ไม่มีหมอตำแยอยู่เลย
ในขณะที่ทุกคนสับสนเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรอยู่นั้น
ฟางจั๋วหรานก็ยกมือขึ้น “ผมเป็นหมอ ผมพอเข้าไปตรวจดูอาการของผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ครับ”
ยุคสมัยนี้มีชาวมองโกเลียน้อยคนนักที่จะเข้าใจภาษาจีนกลาง แต่ชาวมองโกเลียในสามารถทำความเข้าใจภาษาของเขาได้ไม่ยาก
ชาวมองโกเลียในคนหนึ่งช่วยแปลให้แม่สามีของหญิงตั้งครรภ์และสามีของเธอฟัง
แต่สองแม่ลูกกลับปฏิเสธฟางจั๋วหรานอย่างตรงไปตรงมาเพราะไม่อยากให้เขามาเป็นหมอตำแยจำเป็น
ไม่ว่าสังคมในยุคนี้จะเริ่มเปิดกว้างแค่ไหน ก็ยังไม่เพียงพอให้สามีเปิดใจยอมให้หมอผู้ชายทำคลอดให้ภรรยาของตัวเอง
สามีของหญิงตั้งครรภ์หันไปพูดกับผู้เป็นแม่ว่า “แม่ครับ ผมจะไปออกไปตามหมอตำแย”
หลังจากนั้น เขาก็ปีนขึ้นหลังม้าแล้วควบม้าออกไป
ช้างเท้าหน้าจากไปแล้ว แต่สภาพของช้างเท้าหลังกลับย่ำแย่ลง
แม่สามีขอให้หญิงสูงวัยหลายคนเข้ามาช่วยด้วยเสียงสะอื้นจากการร้องไห้
หลายคนเต็มใจให้ความช่วยเหลือ แต่หลังจากบรรดาหญิงสูงวัยเข้าไปดูสภาพอีกฝ่าย พวกหล่อนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
บ้างก็ว่าเด็กตัวใหญ่เกินไป ปากมดลูกเปิดออกจนมองเห็นหัวเด็กแล้วแท้ ๆ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถเบ่งคลอดตามธรรมชาติได้
หากยังคงล่าช้าต่อไปแบบนี้ ต่อให้สุดท้ายทำคลอดเด็กออกมาได้ แต่เขาอาจกลายเป็นเด็กสมองพิการเนื่องจากขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน
ฟางจั๋วหรานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หันไปพูดกับหลินม่าย “คุณเข้าไปข้างในแล้วทำคลอดให้หล่อนแล้วกัน”
พอหลินม่ายได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่อาจคงท่าทางสงบและเยือกเย็นเหมือนปกติได้อีกต่อไป กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “แต่ฉันทำคลอดไม่เป็นนะ!”
เมื่อมีชีวิตมนุษย์เป็นเดิมพัน เธอก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ฟางจั๋วหรานให้กำลังใจเธอ “ไม่ต้องกลัว คุณคอยบอกผมเป็นระยะว่าตัวเองเห็นอะไร เดี๋ยวผมจะแนะนำวิธีการทำคลอดให้คุณเอง”
หลินม่ายลังเลอยู่สองสามนาที ท้ายที่สุดก็รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปในกระโจม
สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เธอทำได้แค่ลองดู ถ้ามันไม่ได้ผลก็แค่ยอมแพ้
กางเกงของหญิงตั้งครรภ์ถูกถอดออก ตอนนี้หล่อนนอนอยู่บนผ้าห่มนวม
หลินม่ายมองเข้าไปทางปากมดลูกทั้งที่เนื้อตัวสั่นเทา ซึ่งเธอก็มองเห็นหัวเด็กโผล่ออกมาจริง ๆ
หลินม่ายรีบอธิบายให้ฟางจั๋วหรานฟังถึงสิ่งที่ตัวเองเห็นในกระโจมอย่างละเอียด
ฟางจั๋วหรานวินิจฉัยเบื้องต้นว่าทารกอาจตัวใหญ่เกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะคลอดบุตรยาก ประกอบกับทารกในครรภ์อาจมีความผิดปกติ อีกทั้งเขายังเป็นลูกคนแรกของผู้หญิงคนนี้ การที่ช่องคลอดคับแคบจึงเป็นเหตุผลรองลงมา
ถ้าใช้มือนวดบริเวณท้องตั้งแต่ตอนแรก คงไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขตำแหน่งของทารกในครรภ์
แต่ตอนนี้มันล่าช้าไปนานแล้ว สายเกินไปที่จะแก้ไขตำแหน่งของทารกในครรภ์ด้วยการนวดมือ
ฟางจั๋วหรานบอกให้หลินม่ายขอกรรไกรและแอลกอฮอล์จากแม่สามีของหญิงตั้งครรภ์ เพื่อทำการผ่าขยายช่องคลอดให้หล่อน
ถ้าสามารถขยายช่องคลอดให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรการทำคลอดก็ง่ายแล้ว
หลินม่ายใช้ภาษามือทันที พยายามสื่อสารให้แม่สามีของหญิงตั้งครรภ์รู้ว่าเธอต้องการอะไร
แต่กระโจมนี้ไม่ใช่ของแม่สามีของหญิงตั้งครรภ์ เธอจึงไม่รู้ว่าเจ้าของกระโจมเก็บแอลกอฮอล์และกรรไกรไว้ที่ไหน
แม่สามีของหญิงตั้งครรภ์เรียกเจ้าของกระโจมเข้ามาถาม
เจ้าของกระโจมรีบขอโทษ บอกว่ากระโจมของพวกเขาไม่มีแอลกอฮอล์ มีแค่ไวน์ข้าวบาร์เลย์ แต่ว่ามีกรรไกรอยู่
หลินม่ายกังวลว่าไวน์ข้าวบาร์เลย์อาจมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เพียงพอที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
เธอเล่าให้ฟางจั๋วหรานฟังถึงความคืบหน้าของสถานการณ์
ฟางจั๋วหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแนะนำให้หลินม่ายเอากรรไกรไปฆ่าเชื้อด้วยการเผาไฟ
หลินม่ายรีบทำตาม
แต่พอเธอหยิบกรรไกรที่ฆ่าเชื้อแล้วเพื่อเตรียมตัดช่องคลอดให้กับหญิงตั้งครรภ์ มือของเธอก็สั่นไม่หยุด
ถ้าใช้กรรไกรกรีดเนื้อหล่อน หล่อนจะเจ็บแค่ไหนกันนะ
แค่ตอนนี้หญิงตั้งครรภ์รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในระดับที่สิบแล้ว เม็ดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วบนศีรษะไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ที่นอนผืนหนาใต้ลำตัวก็ถูกจิกข่วนด้วยมือทั้งสองข้าง
หลินม่ายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปฏิบัติตามคำแนะนำของฟางจั๋วหราน ลงมือผ่าขยายช่องคลอดให้กับหญิงตั้งครรภ์อย่างไม่รอช้า
จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ดึงทารกออกมาตามที่ฟางจั๋วหรานสอน ในที่สุดเด็กชายตัวอ้วนก็ถูกพาออกมาจากท้องแม่ได้สำเร็จ
ทันทีที่เด็กน้อยส่งเสียงร้องไห้จ้า ทุกคนทั้งข้างในและนอกกระโจมต่างก็โห่ร้องดีใจเสียงดังลั่น
ขณะเดียวกันสามีของคุณแม่มือใหม่ก็กลับมาถึงกระโจมแล้วเช่นกัน เขาไม่ได้พาหมอตำแยมาด้วย แต่เป็นสูตินรีแพทย์หญิง
แพทย์หญิงรีบเข้าไปในกระโจม เมื่อเห็นว่าคุณแม่คลอดลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของหล่อนคือทำหัตถการตกแต่งแผลให้เสร็จ
ฟางจั๋วหรานไม่ลืมเตือนสูตินรีแพทย์หญิงให้ตรวจดูอีกครั้งว่ารกได้รับความเสียหายหรือเปล่า และสังเกตว่ามีเลือดออกในครรภ์มากเกินไปไหม
เนื่องจากสาเหตุที่หล่อนคลอดก่อนกำหนดก็เพราะตกจากหลังม้า
หลังจากให้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาหลินม่ายเดินกลับไปที่รถบรรทุก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลุ้นระทึกมากค่ะ เป็นผู้แปลได้ทำแบบนี้บ้างก็คงอยู่ในอาการเดียวกับหลินม่ายอะ โชคดีที่แม่และเด็กปลอดภัย
ไหหม่า(海馬)