แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 583 ขายชา
ตอนที่ 583 ขายชา
เถ้าแก่เนี้ยขายชาไปแล้วหนึ่งในสาม คาดว่าจะขายหมดภายในสองหรือสามชั่วโมง
หลินม่ายอดรู้สึกผิดไม่ได้ถ้าปล่อยให้เถ้าแก่เนี้ยขายต่อไปตามลำพัง จึงวางแผนว่าจะรับช่วงต่อการขายด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปซื้อซุปอุ่น ๆ จากแผงขายของว่างมาให้เถ้าแก่เนี้ย เธอก็พอเรียนรู้คำศัพท์ภาษามองโกเลียพื้นฐานบางประการสำหรับการค้าขายมาบ้างแล้ว
โชคดีที่เธอมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ภาษา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาเกาหลีได้ในระดับดีตั้งแต่ชาติที่แล้ว
หลังจากใช้วิธีครูพักลักจำจากเถ้าแก่เนี้ยประมาณสิบห้านาที หลินม่ายก็สามารถพูดภาษามองโกเลียง่าย ๆ เพื่อทำธุรกิจค้าขายกับผู้คนได้บ้างแล้ว
ฟางจั๋วหรานคอยช่วยเธออีกแรง ตราบใดที่มีลูกค้ามาขอซื้อชาของหลินม่าย เขาจะช่วยสั่งสินค้าและเอามาส่งมอบให้กับผู้ซื้อ
อาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองหน้าตาดี อีกทั้งราคาชาที่ขายก็ถูกกว่าราคาทั่วไปในท้องตลาดเล็กน้อย การค้าขายจึงคล่องตัวกว่าตอนที่เถ้าแก่เนี้ยเป็นคนขายเสียอีก
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังสาละวนอยู่กับการขายของ สามีของหญิงตั้งครรภ์ก็ตามมาเห็นพวกเขาเข้าพอดี เขารีบทักทายด้วยความตื่นเต้น “ท่านผู้มีพระคุณทั้งสอง ท่านรีบหนีไปจากพวกเราทำไมกัน? โชคดีที่พวกคุณยังขายของอยู่ในตลาด ไม่งั้นผมคงหาพวกคุณไม่เจอซะแล้ว”
ฟางจั๋วหรานกับหลินม่ายไม่เข้าใจภาษาของชายคนนั้น พวกเขาได้แต่ตกตะลึง
เมื่อเห็นแบบนั้น แม่ของถ่าน่าซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่หน้าแผงขายเนื้อแกะย่างก็เดินเข้าไปหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว แล้วทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับทั้งสองฝ่าย
ในที่สุดหลินม่ายกับฟางจั๋วหรานก็เข้าใจว่าชายคนนั้นพูดว่าอะไรบ้าง
ฟางจั๋วหรานถามอย่างเคร่งขรึม “อาการของภรรยาคุณแย่ลงเหรอครับ?”
ในความคิดของเขามีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ไม่อย่างนั้นทำไมสามีของหญิงตั้งครรภ์ถึงกระตือรือร้นมาตามหาพวกเขาถึงขนาดนี้?
สามีของหญิงตั้งครรภ์โบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “ภรรยาผมปลอดภัยดีแล้วครับ ผมขอให้แม่และน้าเพื่อนบ้านช่วยขับรถพาภรรยาผมไปพักที่บ้านแล้ว ที่ผมมาตามหาพวกคุณ ก็เพราะอยากเชิญพวกคุณไปที่บ้านของเราในฐานะแขกผู้มีพระคุณ เป็นการขอบคุณที่พวกคุณช่วยภรรยากับลูกชายของผมไว้”
ฟางจั๋วหรานยิ้มกว้าง “ผมเป็นหมอ หน้าที่ของผมคือรักษาและช่วยชีวิตผู้คน ผมทำลงไปด้วยความยินดี”
แต่ชายคนนั้นกลับไม่ยอมฟังเลย จับมือเขาและหลินม่ายไว้คนละข้างตั้งท่าจะลากให้ตามไปท่าเดียว
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานจึงต้องปฏิเสธอย่างเด็ดขาด บอกว่าถ้าพวกเขายังขายใบชาไม่หมด พวกเขาก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ชายคนนั้นตบหน้าอกพร้อมกับพูดว่า “งั้นผมจะเหมาใบชาทั้งหมดนี้เอง!”
แม่ของถ่าน่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบแปลสิ่งที่เขาพูดให้หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานฟัง
ทั้งยังเล่าให้พวกเขาฟังเป็นภาษาจีนด้วยว่า ชายหนุ่มชาวมองโกเลียคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาชื่อฮาดะ เป็นลูกชายของน่ารี่ซง เจ้าของฟาร์มรายใหญ่ในมองโกเลีย
ครอบครัวของพวกเขาร่ำรวยมาก ในเมื่อเขาออกปากว่าเขาจะเหมาใบชาทั้งหมดบนรถ ก็หมายความว่าสภาพทางการเงินของเขาดีมากจนจ่ายไหวอย่างแน่นอน
พอเป็นเรื่องของธุรกิจ หลินม่ายก็ไม่อิดออด
ใครก็ตามที่ต้องการซื้อชาจากเธอ เธอขายให้ได้ทั้งนั้น
เนื่องจากใบชาของเธอมีคุณภาพดี อีกทั้งราคายังสมเหตุสมผล ถึงฮาดะจะซื้อชาของเธอเพื่อตอบแทนน้ำใจก็ตาม เขาก็ไม่ขาดทุนแต่อย่างใด
แต่เพราะรู้มาว่าครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของฟาร์มรายใหญ่ ดังนั้นการขายชาให้เขาเพื่อแลกกับเนื้อวัวอาจจะดีกว่า
ก่อนอื่น เธอต้องสอบถามว่าฟาร์มของเขาเลี้ยงวัวไหม
ฮาดะตอบว่าฟาร์มของเขามีทั้งวัวเนื้อและวัวนม
หลินม่ายเจรจาธุรกิจกับเขาทันที บอกความประสงค์ว่าเธอต้องการแลกชาที่มีกับวัวเนื้อของเขา
ร่องรอยของความลำบากใจฉายวาบผ่านแววตาของฮาดะ แต่แล้วก็หายวับไป เขาตอบตกลงทันที
หลินม่ายทำธุรกิจมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีทักษะในการอ่านสีหน้าของลูกค้า
หลินม่ายสังเกตเห็นว่าสีหน้าของฮาดะแปลกแปร่งไปเล็กน้อย จึงคาดเดาว่าชาจำนวนเกือบแปดพันถุงอาจมากเกินไปสำหรับครอบครัวของเขา
หลินม่ายจึงยิ้มพร้อมพูดว่า “ฉันลองคิดดูแล้ว ฉันว่าคุณรอจนกว่าฉันจะขายชาจนหมดก่อนดีกว่า แล้วค่อยนำเงินที่ได้ไปขอซื้อเนื้อวัวจากคุณ”
ฮาดะคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงอย่างนั้นก็เสนอราคาขายเนื้อวัวที่ต่ำมาก
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าพวกเขาจะมาพบกันที่นี่ในวันพรุ่งนี้ จ่ายเงินมา แลกของไป
หลังจากขายชาต่อไปอีกสองชั่วโมง ใบชาที่เหลืออยู่บนรถก็ถูกขายจนหมดในเวลาประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ
หลินม่ายและอีกสามคนหาแผงขายอาหาร รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน จากนั้นก็กลับบ้าน
กว่าพวกเขาจะกลับมาถึงบ้านของเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ถึงอย่างนั้นหลินม่ายก็ยังคงเดินทางไปหาหัวหน้าหมู่บ้านทั้งหลายโดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยล้า เพื่อขายใบชาแลกกับเนื้อแกะ จะได้รู้ว่าใบชาพวกนี้สามารถแลกกับเนื้อแกะได้สักกี่ชั่ง
ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวัง นับตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เธอสามารถขายใบชาแลกกับเนื้อแกะได้น้อยกว่าหนึ่งพันชั่ง
ถือเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป
หลินม่ายตัดสินใจว่าจะขนชาที่เหลือไปขายที่ตลาดชายแดนอีกรอบ หลังจากได้รับเงินมาแล้ว ค่อยไปขอซื้อเนื้อแกะจากคนในท้องถิ่นอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น ทุกคนเริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า
แต่คราวนี้ผู้ที่ติดตามไปด้วยมีแค่คนขับรถบรรทุก หลินม่าย และฟางจั๋วหราน เถ้าแก่เนี้ยไม่ได้ตามไปด้วย
หล่อนต้องเปิดร้านอาหารเพื่อหารายได้ ไม่สามารถเว้นว่างหลายวันจนเกินไป ดังนั้นการปิดร้านสองวันติดจึงไม่ใช่เรื่องดี
ถ้าไม่ใช่เพราะความยากลำบากในการขับรถตัดทุ่งหญ้า หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานคงไม่จ้างคนขับรถบรรทุกด้วยซ้ำ แต่จะขับรถไปที่ตลาดชายแดนด้วยตัวเอง
วันนี้โชคดีกว่าเมื่อวานมาก ทันทีที่รถบรรทุกของพวกเขาเคลื่อนเข้าไปจอดที่ตลาด หลินม่ายตะโกนแค่สองครั้งเท่านั้น ชายคนหนึ่งที่มีหนวดเคราก็เดินเข้ามา
หลังจากเห็นใบชาของหลินม่ายแล้ว เขาก็โบกมือเป็นวงกลม เป็นการบอกว่าเขาจะเหมาทั้งหมด แต่มีเงื่อนไขอย่างหนึ่งคืออยากให้ลดราคาถูกกว่านี้
หลินม่ายฟังภาษารัสเซียไม่ออก แต่ฟางจั๋วหรานกลับเข้าใจ นอกจากนี้ยังสามารถพูดสื่อสารได้อีกหลายคำด้วย เพราะสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา เขาเคยเรียนภาษารัสเซียมาบ้าง
ฟางจั๋วหรานรับหน้าที่เจรจาต่อรองกับชายชาวโซเวียตด้วยภาษารัสเซีย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถขายชาทั้งหมดได้ในราคาที่ค่อนข้างดี
พอมีเงินสดนับหมื่นอยู่ในมือ หลินม่ายก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะกลัวว่าอาจโดนดักปล้น
ฮาดะยังไม่มาเสียที ทั้งสองจึงรออยู่นาน หลังจากนั้นฮาดะก็มาถึงจุดนัดหมายพร้อมกับรถบรรทุกที่บรรทุกเนื้อวัวมาเต็มคัน
เขาขอโทษยกใหญ่ อธิบายว่ารถบรรทุกของพวกเขาเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยบนท้องถนน ทำให้พวกเขามาสาย
หลินม่ายตรวจสอบคุณภาพของเนื้อวัวทั้งหมด พบว่ามันอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เธอจ่ายเงินสดให้เขาทันที ก่อนจะจัดการส่งมอบกันต่อไป
หลินม่ายว่าจ้างชายร่างกำยำห้าหกคนแถวนั้น ให้มาขนย้ายเนื้อวัวจากรถบรรทุกของฮาดะไปยังรถบรรทุกของตัวเอง จากนั้นก็ขอตัวจากไป
ฮาดะหยิบเนื้อแดดเดียวถุงใหญ่ และเห็ดหูหนูถุงใหญ่ออกมาจากเบาะผู้โดยสาร หัวเราะแหะ ๆ สองสามครั้งด้วยความเขินอาย “นี่เป็นสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ หวังว่าพวกคุณจะไม่รังเกียจ”
หลินม่ายเอื้อมมือไปรับจากเขา “จะรังเกียจได้ยังไงกัน ของดีทั้งนั้นเชียวค่ะ!”
พอกลับมาที่โฮฮอต หลินม่ายเห็นว่ายังเช้าอยู่ จึงเดินทางไปที่สถานีรถไฟเพื่อขนส่งเนื้อวัวทั้งหมด จากนั้นก็โทรหาเถาจืออวิ๋นเพื่อขอให้เธอช่วยเป็นคนรับสินค้าถ้าของไปถึงปลายทางที่เจียงเฉิง
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวก็จริง แต่ถ้าขนส่งเนื้อวัวแค่ชั่วข้ามคืนก็ยากที่จะรักษาความสดใหม่
ดังนั้นตอนขนส่งเธอเลยต้องบรรจุน้ำแข็งใส่ลงไปด้วย เพื่อให้เนื้อสัตว์ที่ขนส่งไปถึงเจียงเฉิงยังคงความสดอยู่
หลังจากนั้น หลินม่ายก็ใช้เงินที่ได้จากการขายชาในวันนี้ไปขอซื้อเนื้อแกะอีกเป็นจำนวนมาก
สองวันต่อมา เนื้อแกะที่รับซื้อมาเป็นจำนวนหนึ่งพันชั่งก็ถูกขนส่งไปทางรถไฟเสร็จสรรพ ถึงเวลาแล้วที่หลินม่ายและฟางจั๋วหรานต้องเดินทางกลับ
ในคืนก่อนที่จะจากกันไป แม่ของถ่าน่าได้เตรียมสำรับอาหารอันโอชะเป็นการเลี้ยงอำลาพวกเขา
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลินม่ายก็หยิบเงินสดออกมาปึกหนึ่งแล้ววางไว้ต่อหน้าเถ้าแก่เนี้ย
เถ้าแก่เนี้ยดื่มสุราไปไม่น้อย ทำให้ใบหน้าอ้วนกลมของหล่อนแดงก่ำ
หล่อนมองไปยังปึกเงินตรงหน้าแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่หมายความว่ายังไง?”
หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นรางวัลตอบแทนที่พี่สาวอุตส่าห์ช่วยฉันขายชาค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจทันที “ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้นะ? ไม่ว่าอะไรก็คิดคำนวณเป็นเงินไปหมด ไม่เข้าใจสัมพันธไมตรีระหว่างมนุษย์เลยหรือไง?”
หลินม่ายหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่สาว อย่าด่วนโกรธเคืองฉันไปเลย ลองฟังสิ่งที่ฉันจะพูดให้จบก่อนค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยสะบัดเสียงใส่ด้วยความโกรธ “ไหนลองว่ามาซิ”
หลินม่าย “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อซื้อเนื้อแกะและเนื้อวัวจากคุณแค่ครั้งเดียว แต่ในอนาคตฉันอาจจะติดต่อรับซื้อจากคุณบ่อย ๆ ฉันเลยอยากให้พี่สาวช่วยเป็นนายหน้าคอยรับซื้อเนื้อวัวกับเนื้อแกะให้ฉันด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม จากสัตว์ และน้ำผึ้งแท้ นี่ถือเป็นงานระยะยาว พี่สาวไม่สามารถช่วยฉันฟรี ๆ ได้ตลอดไป พวกเราชาวฮั่นมีคำกล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นพี่น้อง แต่เรื่องเงินทองต้องชัดเจน เพื่อที่ความสัมพันธ์จะได้ยืนยาว ดังนั้นคุณฌรับเงินที่ตัวเองสมควรได้รับเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้น วันข้างหน้าฉันคงไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคุณอีก”
เถ้าแก่เนี้ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “งั้นก็เอาตามนี้”
หลินม่ายชูนิ้วชี้ “ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ฉันจะจ่ายเงินเดือนพื้นฐานให้คุณเดือนละหนึ่งร้อยหยวน คุณคิดว่ายังไงคะ?”
“เยอะเกินไป!” เถ้าแก่เนี้ยกรีดร้องด้วยความตกตะลึง
ปัจจุบันนี้ ชาวมองโกเลียมีสถานะยากจนกว่าชาวเมืองเจียงเฉิงมาก ถึงแม้ค่าแรงขั้นต่ำของคนงานในเจียงเฉิงจะถูกปรับให้เพิ่มขึ้นในปี 1982 แต่ก็ยังไม่ถึงสี่สิบหยวนด้วยซ้ำ ไม่นับค่าแรงขั้นต่ำและบริการทางสาธารณะในมองโกเลียที่มีระดับต่ำกว่า
เงินเดือนพื้นฐานจำนวนหนึ่งร้อยหยวน สูงเท่ากับเงินเดือนของหัวหน้าระดับสูงในสหกรณ์การตลาดด้วยซ้ำไป ไม่แปลกที่เถ้าแก่เนี้ยจะกรีดร้องลั่น
เถ้าแก่เนี้ยรีบโบกมืออ้วน ๆ ของหล่อน “หนึ่งร้อยหยวนมากเกินไป ฉันขอแค่ห้าสิบหยวนก็พอแล้ว”
หลินม่ายไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
คนเลี้ยงสัตว์ผู้มีวิถีชีวิตเรียบง่ายเหล่านี้ไม่โลภในเงินเอาเสียเลย
เธออธิบายให้เถ้าแก่เนี้ยฟังด้วยความอดทนเป็นเวลานาน ว่าเนื้องานที่มอบหมายให้หล่อนทำนั้นตีเป็นเงินอย่างต่ำหนึ่งร้อยหยวนจริง ๆ
ท้ายที่สุดเถ้าแก่เนี้ยจึงยอมตกลงรับเงินเดือนจากเธอเดือนละหนึ่งร้อยหยวน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เขาเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ พอเจอเงินก้อนโตก็เลยตกใจน่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)