แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 588 แสดงความมีมนุษยธรรม
ตอนที่ 588 แสดงความมีมนุษยธรรม
หลิวหย่งเจียงมองชายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสายตาดูถูก แล้วพูดอย่างสงบ “สหายหลู สวัสดี ผมชื่อหลิวหย่งเจียง เป็นแฟนของเถาจืออวิ๋น ต่อให้คุณจะล้มเจ็บเป็นอัมพาตส่วนล่าง แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจื่ออวิ๋นและครอบครัวของหล่อน ถึงอย่างนั้นเมื่อทบทวนดูอีกที พวกเราก็ตัดสินใจว่าจะแสดงความมีมนุษยธรรมกับคุณสักหน่อย”
เขาวางอาหารเสริมราคาแพงในมือลงบนโต๊ะข้างเตียงของหัวหน้าหลู “นี่คือสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ขอให้คุณหายจากอาการป่วยไว ๆ นะครับ”
ดวงตาหัวหน้าหลูแทบลุกเป็นไฟ โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องตกอยู่ในสภาพนี้เพราะไปช่วยเสี่ยวเถาขนของย้ายบ้าน แต่คุณกลับซื้อของแค่อย่างเดียวมาให้ผมเนี่ยนะ?”
หลิวหย่งเจียงแค่นเสียงหัวเราะ “งั้นคุณต้องการอะไร?”
พอหัวหน้าหลูเห็นว่าอีกฝ่ายเจรจาด้วยง่าย เขาก็รู้สึกโล่งใจมาก “หมอบอกว่าโรคอัมพาตส่วนล่างที่ผมเป็นยังพอจะรักษาให้หายขาดได้ พวกคุณจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผม เท่านี้ก็นับว่าหายกัน”
หัวหน้าโรงงานหลายคนต่างคิดในใจ เถาจืออวิ๋นมีฐานะร่ำรวย อย่างน้อยยอมสละเงินแค่นิดหน่อยเป็นค่ารักษาพยาบาลให้หัวหน้าหลูเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาก็ได้แล้ว
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดเกลี้ยกล่อมหลิวหย่งเจียง ก็ได้ยินหลิวหย่งเจียงระเบิดหัวเราะเสียงดัง ๆ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยการเสียดสี
“คุณพยายามเข้าหาจืออวิ๋นตั้งกี่ครั้ง ตัวจืออวิ๋นเองและพี่ชายกับพี่สะใภ้ของหล่อนก็แสดงท่าทางอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ให้คุณไปยุ่งวุ่นวายกับหล่อนอีก แต่คุณก็ยังเสนอหน้ามาหาหล่อน คุณคงรู้แรงจูงใจของตัวเองดี ดังนั้นผมจะไม่ขออธิบายให้มากความแล้วกัน คุณจงใจกลิ้งตกบันไดเพราะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เพราะต้องการแบล็กเมล์จืออวิ๋น ผมแนะนำว่าอย่าฝันหวานไปหน่อยเลย! ถ้าคุณไม่ดึงดันจะยกกล่องไม้นั้นให้ได้ คุณจะตกอยู่ในสภาพนี้ไหม? ถ้าคุณไม่บาดเจ็บ พวกเราก็ไม่ต้องควักเงินซื้ออาหารเสริมมูลค่าหนึ่งถึงสองร้อยหยวนกล่องนี้ด้วยซ้ำ
อย่างที่ผมพูดไปทั้งหมด พวกเราอุตส่าห์ซื้ออาหารเสริมมามอบให้คุณเพื่อแสดงน้ำใจในฐานะผู้ที่มีมนุษยธรรม คุณรังควานหล่อนไม่เคยรู้จักพอ ยังมีหน้ามาเรียกร้องให้เราจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่คุณเป็นอัมพาตส่วนล่างอีก คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าโรคอัมพาตสามารถรักษาให้หายได้ อย่างงั้นก็ดีแล้ว อย่ากล่าวโทษว่าพวกเราทำให้คุณเป็นอัมพาตอีก ใช้สติไตร่ตรองให้มาก สิ่งที่คุณเป็นอยู่มันเกิดจากการกระทำของคุณเองทั้งนั้น”
หัวหน้าหลูแย้ง “ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะไปช่วยเสี่ยวเถาขนของ ถ้าพวกคุณไม่รับผิดชอบ ก็เท่ากับพวกคุณไร้มนุษยธรรม”
หลิวหย่งเจียงชำเลืองมองแม่หลู “แม่คุณไม่ได้เล่าให้ฟังหรือไง ว่าถ้าคุณไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกคุณก็ไปขึ้นศาลเพื่อยื่นฟ้องพวกเราได้ทุกเมื่อ แล้วเราจะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนที่ศาลมีคำสั่งให้เรารับผิดชอบ คนอย่างคุณไม่สมควรพูดเรื่องมนุษยธรรมกับเรา”
ว่าแล้วเขาก็หยิบอาหารเสริมจากบนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา “ในเมื่อคุณไม่อยากได้อาหารเสริมกล่องนี้ งั้นผมขอเอาคืนมาก็แล้วกัน จะได้ไม่รกสายตาของคุณอีก”
ท้ายที่สุด ภายใต้สายตาที่กำลังจับจ้องของทุกคน เขาก็เดินจากไปพร้อมกับอาหารเสริมกล่องนั้น
หัวหน้าโรงงานและลูกน้องหลายคนรู้ซึ้งแล้ว ถึงหลิวหย่งเจียงจะพูดจาสุภาพและวางตัวดี แต่เขาก็เป็นคนตัดสินใจอะไรเด็ดขาด
ดังนั้นพวกเขาจึงล้มเลิกแผนการที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขากับเถาจืออวิ๋นยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับหัวหน้าหลูเพื่อตัดปัญหา
ถึงหัวหน้าหลูจะป่วยเป็นโรคอัมพาตส่วนล่างอย่างน่าสงสารแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คิดจะยืนหยัดเพื่ออีกฝ่ายขนาดนั้น
ถ้าพวกเขารวมตัวกันประท้วงให้เถาจืออวิ๋นปฏิบัติต่อหัวหน้าหลูอย่างดี เถาจืออวิ๋นคงทำให้พวกเขาหลุดจากตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างไม่ต้องสงสัย
เถาจืออวิ๋นไม่มีความคับข้องใจส่วนตัวกับพวกเขา แถมยังคอยป้อนงานให้โรงงานพวกเขาอยู่เนือง ๆ แล้วทำไมพวกเขาต้องทำให้หล่อนขุ่นเคืองเรื่องหัวหน้าหลูด้วยเล่า?
หัวหน้าหลูไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับโรงงาน แถมยังไม่มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับพวกเขา จึงไม่มีเหตุผลใดเลยที่พวกเขาจะยืนหยัดเพื่อหัวหน้าหลู
พวกเขาหลายคนต่างเข้ามาปลอบใจหัวหน้าหลูอย่างอ่อนโยน ก่อนจะขอตัวจากไป
เมื่อหลิวหย่งเจียงเดินออกมาจากวอร์ดของหัวหน้าหลู เขาก็ตรงไปหาฟางจั๋วหราน เพื่อสอบถามว่าโรคอัมพาตส่วนล่างที่หัวหน้าหลูเป็นสามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม และต้องใช้เงินเท่าไร?
ฟางจั๋วหรานตอบกลับ “ฉันเคยเห็นฟิล์มเอกซเรย์ของผู้ชายคนนั้นแล้ว ถ้าเขาหวังอยากรักษาให้หายขาดจริงจะต้องดำเนินการผ่าตัด ซึ่งใช้เงินไม่ใช่น้อย ๆ เลย อย่างต่ำประมาณสามพันหยวน”
จากนั้นเขาก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ถามทำไม? นายอยากจ่ายค่ารักษาให้เขาเหรอ?”
หลิวหย่งเจียงส่ายหน้าพลางพูดเหยียดหยาม “ถ้าฉันจะจ่ายสามพันหยวนให้เขาจริง ๆ ฉันเอาเงินไปอุดหนุนเสื้อผ้าจากร้านว่าที่ภรรยานายไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมต้องเอาไปปรนเปรอไอ้คนขี้โกงนั่นด้วย? ฉันมาถามเรื่องค่าใช้จ่ายก็เพราะอยากประเมินคร่าว ๆ ว่าไอ้หมอนั่นมีปัญญาจ่ายค่ารักษาอาการอัมพาตส่วนล่างของตัวเองหรือเปล่า รู้อย่างนี้แล้วเขาคงไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายแน่ ๆ หมายความว่าต้องนอนเป็นอัมพาตติดเตียงไปตลอดชีวิต เป็นอย่างนั้นก็ดี เขาจะได้ไม่มาล่วงเกินจืออวิ๋นอีก”
ฟางจั๋วหรานเผยรอยยิ้มจาง “นายย้ายมาที่เจียงเฉิงเพื่อตามจีบเสี่ยวเถาจริง ๆ เหรอ?”
กว่าเขาจะทำเรื่องย้ายทะเบียนราษฎร์ไปที่ปักกิ่งได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากหลิวหย่งเจียงสำเร็จการศึกษา เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพาตัวเองย้ายไปกรุงปักกิ่ง
ด้วยทักษะด้านกุมารแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เขาจึงสามารถตั้งหลักทางวิชาชีพอย่างมั่นคงในโรงพยาบาล และย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ปักกิ่งได้สำเร็จ
แต่เพื่อเถาจืออวิ๋นในตอนนี้ เขาถึงกับยอมทิ้งทะเบียนบ้านในปักกิ่ง ทว่ากุญแจสำคัญคือเถาจืออวิ๋นจะมีใจตรงกันกับเขาหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้เลย ฟางจั๋วหรานจึงคิดว่าเพื่อนยอมเสี่ยงเกินไป
หลิวหย่งเจียงพยักหน้า “ก็ใช่น่ะสิ!”
“แล้วถ้าเสี่ยวเถาไม่ยอมรับรักนายล่ะ?”
“ตราบใดที่หล่อนยังไม่มีแฟน ฉันก็จะรอต่อไป”
ฟางจั๋วหรานไม่ได้พูดอะไรอีก
ตั้งแต่กลับมาจากบ้านของเถาจืออวิ๋น ฟางจั๋วเยวี่ยก็เต็มไปด้วยความหดหู่ใจ
ถึงหลินม่ายจะทำลูกชิ้นไข่มุก(1)และปลาบดก้อน ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของเขาทั้งสองอย่างสำหรับมื้อค่ำ แต่เขาก็ยังไม่มีกะจิตกะใจจะกิน
ฉากทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบ้านของเถาจืออวิ๋นยังคงฉายภาพซ้ำในห้วงความคิดของเขา
เขาเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่รู้ว่าเถาจืออวิ๋นคิดจะออกไปซื้ออาหารเสริม แล้วฝากให้หัวหน้าโรงงานเอาไปส่งมอบให้หัวหน้าหลูเพื่อแสดงความมีมนุษยธรรม
แต่เพราะลังเลอยู่สองสามวินาที หลิวหย่งเจียงจึงตัดหน้าไปก่อน อาสาเดินทางไปเยี่ยมหัวหน้าหลูโดยสวมบทบาทเป็นแฟนของเถาจืออวิ๋น
ครั้งหนึ่งเขาเคยสวมบทบาทเป็นแฟนของพี่เถาแท้ ๆ แต่ตอนนี้คนที่ทำหน้าที่นั้นกลับกลายเป็นหลิวหย่งเจียงไปได้ นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่มากจนแทบเสียศูนย์ เหมือนกินมะนาวเข้าไปทั้งขบวนรถไฟ
ภายในบ้านใหม่ของเถาจืออวิ๋น พ่อเถาและคนอื่น ๆ ยังไม่จากไปไหน อยู่รับประทานอาหารเย็นที่บ้านของเถาจืออวิ๋น
อาหารเย็นที่ว่า ก็คืออาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงในตอนเที่ยง
เถาจืออวิ๋นได้รับเงินเดือนเดือนละหลายร้อยหยวนก็จริง แต่ในยุคนี้แทบไม่มีครอบครัวไหนเลยที่มีเงินทองเหลือเฟือจนสามารถตัดใจทิ้งอาหารได้ นับประสาอะไรกับเมนูที่ทำจากปลาและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทิ้งไม่ลง
หากมื้อที่แล้วกินไม่หมด ก็เก็บไว้กินมื้อต่อไป เป็นแบบนี้กันทุกครัวเรือน
แม่เถาตักซุปเนื้อแกะชามเล็กให้ฉีฉี กำชับให้เขาค่อย ๆ ดื่ม
จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวแล้วพูดว่า “จืออวิ๋น ถึงลูกจะออกตัวว่าตัวเองไม่อยากแต่งงานใหม่ ถ้าชีวิตนี้ไม่เจอคนดีพอให้แต่งงานด้วยก็ไม่เป็นไรหรอก ลูกเป็นคนหาเงินเก่ง แถมยังมีบ้านเป็นของตัวเอง จะมีคู่ชีวิตไหมก็ไม่สำคัญ แต่แม่คิดว่าหมอหลิวเขาดูเป็นคนดี ดังนั้นลูกก็อย่ารังเกียจเขาเลย มีผู้ชายที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวอยู่เคียงข้างสักคน ยามแก่เฒ่าก็ไม่ทุกข์ยาก”
แม่เถาเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นก่อน จากนั้นทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องของหลิวหย่งเจียง
ครั้งล่าสุดที่ลูกของพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เถาป่วยด้วยโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลันจนต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน หลิวหย่งเจียงก็คอยดูแลหล่อนเป็นอย่างดี ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่เถาซาบซึ้งในตัวเขามาก
ถึงอย่างนั้นหลิวหย่งเจียงก็ไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปแสดงความดีความชอบต่อหน้าเถาจืออวิ๋น
เขาเคยสารภาพรักกับเถาจืออวิ๋นครั้งหนึ่ง พอถูกปฏิเสธ เขาก็ไม่เคยรบกวนหล่อนอีกเลย
เมื่อใดก็ตามที่พบกับเถาจืออวิ๋นโดยบังเอิญ เขาแค่ยิ้มและทักทายหล่อนตามมารยาท ไม่แสดงท่าทางกดดันเลยสักครั้ง
ไม่ใช่แค่พี่สะใภ้ใหญ่เถาเท่านั้น ทุกคนในตระกูลเถาต่างก็มีความประทับใจที่ดีต่อหลิวหย่งเจียงกันทั้งนั้น
คราวนี้ทุกคนก็เริ่มแจกแจงคุณสมบัติของหลิวหย่งเจียงทีละข้อ
หน้าที่การงานดี เป็นถึงกุมารแพทย์
นิสัยใจคอก็ดี ไม่มีอะไรเลวร้าย
ภูมิหลังทางครอบครัวก็ไม่เลวเช่นเดียวกัน พ่อแม่ของเขาเป็นหมอทั้งคู่ มีน้องสาวคนเดียวซึ่งแต่งงานออกไปแล้ว
ในอนาคตถ้าเถาจืออวิ๋นแต่งงานกับหลิวหย่งเจียงจริง ๆ การที่เขาอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่และน้องสาวก็จะช่วยตัดปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หรือน้องสาวสามีไปได้ ชีวิตเรียบง่ายไร้ปัญหากวนใจ
ถึงหลิวหย่งเจียงจะเคยมีประวัติการแต่งงานมาแล้วก็ตาม
แต่ชีวิตสมรสครั้งก่อนของเขาจบลงเมื่อผู้เป็นอดีตภรรยานอกใจ ในขณะที่เขากำลังเรียนต่ออยู่ต่างประเทศ
เขากับอดีตภรรยาไม่มีลูกด้วยกัน หมายความว่าเถาจืออวิ๋นไม่ต้องเป็นแม่เลี้ยงให้ใครถ้าแต่งงานกับเขา
ยิ่งทุกคนพูดคุยกันมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิวหย่งเจียงเหมาะสมไปเสียทุกอย่าง
พี่สะใภ้รองเถาจงใจถามฉีฉี “ฉีฉี หนูอยากให้คุณหมอหลิวมาเป็นพ่อคนใหม่ของหนูไหมจ๊ะ?”
ระหว่างที่ฉีฉีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หลิวหย่งเจียงคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี และฉีฉีก็ดูชอบคุณลุงผู้อ่อนโยนคนนี้มาก พี่สะใภ้รองจึงตั้งใจถามความเห็นของเขา
ฉีฉีกำลังแทะเนื้อเล้งแกะ พอได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดอย่างจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “อยากครับ”
ถึงเขาจะเกลียดพ่อตัวเองมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ต้องการพ่อ เพื่อนคนอื่น ๆ ต่างก็มีพ่อกันทั้งนั้น
พี่สะใภ้รองเถามีความสุขเมื่อได้ยินแบบนั้น เตรียมจะหันไปพูดกับเถาจืออวิ๋นว่า ดูสิ แม้แต่ฉีฉียังอยากได้หมอหลิวเป็นพ่อคนใหม่ของเขาเลย เธอจะไม่เห็นด้วยได้ยังไง!
แต่แล้วเธอก็ได้ยินฉีฉีพูดต่ออีกประโยคหนึ่งอย่างเงียบ ๆ “แต่คุณอาจั๋วเยวี่ยก็เป็นพ่อที่ดีให้ผมได้เหมือนกัน”
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องนั่งเล่นพลันเงียบกริบ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก
…………………………………………………………………………………………………………………………
ลูกชิ้นไข่มุก คือ ลูกชิ้นหมูที่มีลูกเล่นคือห่อด้วยข้าวเหนียว
สารจากผู้แปล
เป็นกระดังงาลนไฟอย่างจืออวิ๋นนี่ก็ลำบากใจเหมือนกันนะคะ มีแต่ผู้ชายคุณสมบัติดีรายล้อม
ไหหม่า(海馬)