แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 734 ติดต่อประธานหลินไม่ได้
ตอนที่ 734 ติดต่อประธานหลินไม่ได้
ครั้งนี้ผู้รักษาความปลอดภัยของศาลากลางเห็นว่าหลินม่ายมีความเคารพน้อยกว่าครั้งที่แล้ว
ไม่เพียงแต่ดูหมิ่น แล้วยังใจร้อนอีกด้วย “นายกเทศมนตรีวังออกไปทำธุระ คุณค่อยกลับเข้ามาใหม่วันหลัง”
หลินม่ายไม่สนใจท่าทางของผู้รักษาความปลอดภัยเลย
เขาปฏิบัติกับเธอไม่ดี ซึ่งหมายความว่าเธอพูดถูก
หลินม่ายยิ้มเล็กน้อย “ไม่สำคัญว่าจะฉันจะเจอนายกเทศมนตรีวังหรือไม่ คุณลุงอย่าลืมบอกนายกเทศมนตรีวังนะคะ ว่าถ้าเขาไม่ออกมาช่วยฉันทวงเงินโครงการคืนจากโรงงานอุตสาหกรรมเบา บริษัททั้งหมดภายใต้ชื่อฉันจะย้ายไปยังซิงเฉิง*”
(*ซิงเฉิงเป็นอีกชื่อหนึ่งของเมืองฉางซา)
ครั้นสิ้นเสียง เธอก็เดินจากไปทันที
ลุงยามเฝ้าประตูนิ่งอึ้งไปสองถึงสามวินาที ก่อนจะได้สติและรีบโทรหานายกเทศมนตรี
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้รักษาความปลอดภัย แต่เขาก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไรหากหลินม่ายย้ายธุรกิจทั้งหมดของเธอออกไป
นายกเทศมนตรีวังกำลังทำงานอย่างจริงจัง
เลขานุการจึงรับโทรศัพท์แทนเขา
หากไม่ใช่สายสำคัญ เลขานุการจะเป็นคนจัดการเอง เพื่อไม่ให้เวลาทำงานของนายกเทศมนตรีวังล่าช้า
นายกเทศมนตรีของเมืองมีงานให้สะสางมากเช่นกัน
แต่หลังจากที่เลขารับสาย สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เขามองไปยังนายกเทศมนตรีวัง เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วขณะดูเอกสาร
เขารู้ว่าหัวหน้าตัวเองกำลังเจอเรื่องยุ่งยากและไม่ควรเข้าไปรบกวน ไม่อย่างนั้นนายกเทศมนตรีวังอาจโกรธได้
แต่สิ่งที่เขาต้องรายงานตอนนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญมากเช่นกัน
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เลขานุการกัดฟันกล่าวคำ “นายกเทศมนตรีวัง เมื่อครู่ลุงยามโทรมาบอกว่าประธานหลินแห่งว่านถงกรุ๊ปขอให้เขาส่งข้อความถึงคุณครับ โดยบอกว่าถ้าคุณไม่ช่วยหล่อนทวงเงินโครงการคืนจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตแสง หล่อนก็วางแผนจะย้ายบริษัททั้งหมดภายใต้ชื่อของหล่อนไปที่เมืองซิงเฉิง”
นายกเทศมนตรีวังเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เขาแสดงสีหน้าประหลาดใจในครั้งแรก จากนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
“คุณอยู่กับผมมาสี่ถึงห้าปีแล้ว ทำไมถึงยังต้องกระวนกระวายอีก? หลินม่ายสร้างอาคารโรงงานและอาคารสำนักงานใหญ่ในเจียงเฉิง หล่อนจะย้ายออกไปได้อย่างไร? ถ้าหล่อนต้องการย้ายออกไปจริงๆ อาคารโรงงานและอาคารสำนักงานใหญ่ที่สร้างไว้จะไม่ถูกทิ้งร้างโดยเปล่าประโยชน์หรือ?”
เลขานุการก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
เป็นเพราะเขาตกใจหลังได้รับฟังเรื่องนี้ จึงกังวลว่าหากว่านถงกรุ๊ปย้ายไปยังเมืองซิงเฉิง เมืองเจียงเฉิงจะสูญเสียผู้เสียภาษีรายใหญ่
ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองซิงเฉิงและเมืองเจียงเฉิงนั้นเป็นเหมือนเมืองพี่น้องและคู่แข่ง
หากว่านถงกรุ๊ปย้ายไปยังเมืองซิงเฉิง เศรษฐกิจของเมืองเจียงเฉิงจะพ่ายแพ้ให้กับเมืองซิงเฉิงโดยสิ้นเชิง
นี่เป็นสิ่งที่นายกเทศมนตรีของเมืองเจียงเฉิงไม่ต้องการเห็น
แต่เขาลืมคิดไป รากฐานสำคัญของว่านถงกรุ๊ปอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง แล้วหลินม่ายจะย้ายไปไหนได้?
ถ้าเธอย้ายว่านถงกรุ๊ปไปยังเมืองซิงเฉิง เธอจะต้องจ่ายในราคามหาศาล!
หลินม่ายเป็นนักธุรกิจ เธอจะไม่รู้วิธีชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียได้อย่างไร?
แต่เขากลับโง่เขลาและหวาดกลัวไปก่อน
จากความตื่นตระหนกในตอนแรก เลขานุการก็สงบจิตใจลงเหมือนกับนายกเทศมนตรีวัง
อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีวังกลับเริ่มตื่นตระหนกหลังจากสงบสติอารมณ์ได้ไม่ถึงวัน
ในช่วงบ่าย ผู้ว่าการมณฑลต่อสายหานายกเทศมนตรีวังเป็นพิเศษ ถามย้ำเรื่องที่ว่านถงกรุ๊ปของหลินม่ายจะถูกย้ายไปยังเมืองซิงเฉิง
นายกเทศมนตรีวังตอบกลับสั้นๆ ว่า “หลินม่ายต้องการให้ผมออกมาเรียกร้องขอให้โรงงานอุตสาหกรรมเบาจ่ายเงินตามยอดโครงการที่เป็นหนี้ให้หล่อน โรงงานอุตสาหกรรมเบาไม่สามารถจ่ายค่าแรงมาครึ่งปีแล้ว แล้วจะมีเงินจ่ายค่าโครงการได้อย่างไร? จะให้รัฐบาลช่วยจ่ายหรือ? ใกล้ปีใหม่แล้ว การเงินตึงตัว จะมีเงินพอจ่ายค่าสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเบาได้อย่างไร? เมื่อเห็นว่าไม่บรรลุเป้าหมาย หลินม่ายจึงจัดละครเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเรา ท่านผู้ว่าไม่ต้องกังวลนะครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ผู้ว่าการมณฑลที่ปกติเป็นคนสุขุมก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ
“เสี่ยวหลินกำลังทำให้เราหวาดกลัวเหรอ? หล่อนได้ติดต่อสำนักงานหนังสือพิมพ์และกำลังจะตีพิมพ์ข่าวในหนังสือพิมพ์แล้ว หล่อนต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดที่ว่านถงกรุ๊ปเป็นเจ้าของในเมืองเจียงเฉิง คุณคิดว่าหล่อนแค่สร้างเรื่องให้เราหวาดกลัวเหรอ! หล่อนพูดจริงทำจริง! ถ้าว่านถงกรุ๊ปย้ายกิจการทั้งหมดไปยังเมืองซิงเฉิงจริง คุณคิดว่าเราจะสูญเสียเงินภาษีก้อนโตไปหรือเปล่า? ให้ผมบอกคุณไหมว่าถ้าว่านถงกรุ๊ปของเสี่ยวหลินย้ายออกไปจะมีผลเสียมากแค่ไหน ประการแรก สภาพแวดล้อมการลงทุนในเมืองเจียงเฉิงจะเริ่มน่าสงสัย หากสภาพแวดล้อมการลงทุนเมืองเจียงเฉิงดี แล้วเหตุใดว่านถงกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทท้องถิ่นในเมืองเจียงเฉิงจึงต้องย้ายฐานธุรกิจออกจากเมืองเจียงเฉิงหลังจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก? เมื่อเรื่องฉาวโฉ่แพร่ออกไป คุณคิดว่านักธุรกิจต่างชาติเหล่านั้นจะยังมาลงทุนในเมืองของเราด้วยความมั่นใจหรือไม่?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ นายกเทศมนตรีวังมีเหงื่อเย็นอาบใบหน้า
เขาไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะกล้าถึงขนาดนี้ เธอวางแผนย้ายออกไปจริงๆ ทันทีที่ประกาศกร้าวว่าจะย้าย
หลังจากว่านถงกรุ๊ปย้ายออกไป ก็จะเกิดผลกระทบอย่างมากต่อการเงินของเมืองเจียงเฉิง
แต่สำหรับว่านถงกรุ๊ป มันคือบาดแผลฉกรรจ์ และความสูญเสียไม่ใช่น้อย
หลินม่ายช่างใจกว้างจริงๆ!
นายกเทศมนตรีวังปาดเหงื่อเย็นจากคิ้วของตัวเอง “ผมจะแก้ปัญหานี้อย่างถูกต้องแน่นอน ท่านผู้ว่าโปรดวางใจ”
เมื่อผู้ว่าการมณฑลวางสายด้วยความโกรธ นายกเทศมนตรีวังก็รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก
เขาลูบขมับและบอกให้เลขานุการติดต่อหลินม่ายเพื่อนัดหมายเธอให้มาหาเขา
เลขานุการโทรไปยังสำนักงานของหลินม่าย แต่สายนั้นจบลงภายในเวลาสองนาที
เลขานุการพูดอย่างอ่อนน้อม “เลขานุการประธานหลินบอกว่าประธานหลินไม่ได้อยู่ในบริษัท”
นายกเทศมนตรีวังโพล่งออกด้วยความโกรธ “นี่เป็นวันแรกของคุณในฐานะเลขานุการหรือไง? ไม่รู้จักวิธีขอให้เลขานุการของเสี่ยวหลินติดต่อหล่อนเลยเหรอ?”
เลขานุการพูดด้วยความหวาดกลัว “ผมขอให้เลขานุการของประธานหลินติดต่อหล่อนแล้ว แต่เลขานุการบอกว่าหล่อนกำลังยุ่งอยู่กับการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทและต้องการทำเรื่องย้ายพนักงานทั้งหมดไปที่เมืองซิงเฉิง หล่อนจึงไม่สามารถติดต่อได้”
นายกเทศมนตรีวังเดือดดาลหนักจนร่างกายร้อนรุ่มแม้จะเป็นฤดูหนาว เขาดึงคอเสื้อออกและสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม “หาทางติดต่อเสี่ยวหลินโดยเร็วที่สุด!”
ในเวลานี้เสี่ยวหลินที่เขาพูดถึงกำลังตรวจสอบอาคารขายส่งเสื้อผ้าของเธอที่ตั้งอยู่บนถนนฮั่นเจิ้ง
หลังจากเปิดดำเนินการมาหลายเดือน ร้านค้าทั้งหมดในอาคารค้าส่งเสื้อผ้าได้ถูกปล่อยเช่าจนเต็ม
ในเวลานั้นหลินม่ายทำเพียงแผนส่งเสริมการลงทุนโดยสังเขป และขอให้เหรินเป่าจูดำเนินการร่วมกับฝ่ายวางแผนและฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อ เพราะเธอไม่มีเวลามาดูแลรายละเอียดยิบย่อย
แต่ไม่คาดคิดว่าเหรินเป่าจู ฝ่ายวางแผน และฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อจะมีความสามารถมากทีเดียว
พวกเขายกระดับแผนส่งเสริมการลงทุนของเธอไปอีกขั้น
ผู้ค้าส่งเสื้อผ้าจำนวนมากไม่เต็มใจเปิดร้านที่ชั้นบนสุดและชั้นเจ็ด แม้จะได้รับการจัดการโดยไม่มีค่าบริการก็ตาม เหรินเป่าจูและคนอื่นๆ จึงกำหนดให้มันเป็นชั้นสำหรับรับประทานอาหาร
ร้านเปาห่าวชือของหลินม่ายมีสาขาอยู่ที่ชั้นเจ็ดนี้เช่นกัน
แล้วยังมีอาหารกินเล่นอื่นๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเส้นหมี่จากฉางซา ขนมปังไส้เนื้อจากซีอาน เจียนปิ่งจากซานตง…
มีอาหารตั้งแต่เหนือจรดใต้ขายเกือบทุกประเภท
นอกจากนี้ยังมีข้าวกล่องราคาถูกให้เลือกสรร
แม้ว่าอาหารว่างทั้งเหนือจรดใต้ที่ขายเหล่านี้จะมีราคาไม่สูงมาก แต่เหล่าผู้คนที่ทำงานหาเช้ากินค่ำก็ลังเลที่จะจับจ่ายใช้สอย
เหรินเป่าจูตั้งแผงขายของกินเล่นด้านข้างข้าวกล่องราคาถูก ซึ่งไม่เพียงให้คนชนชั้นแรงงานได้มีอาหารการกินที่ดี แต่ยังสร้างรายได้เล็กน้อยอีกด้วย มันเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
หลินม่ายเข้าไปด้านในและเดินดู
แม้ว่าจะเป็นข้าวกล่องราคาถูก แต่อาหารถือว่าไม่เลวร้ายสำหรับราคา 50 เหมา ซึ่งมีมันฝรั่งตุ๋นและเนื้อติดมัน
แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าไม่น่ากิน แต่สำหรับคนทำงานเหล่านี้ล้วนชอบมาก
คนครัวทำอาหารจานใหญ่อย่างขะมักเขม้น
แล้วยังเติมข้าวเพิ่มได้
ข้าวเหล่านี้ไม่ใช่ข้าวคุณภาพดี แต่เป็นข้าวหักราคาถูกผสมกับข้าวกล้อง
แต่ชนชั้นแรงงานส่วนใหญ่ไม่สนใจ ขอแค่ท้องอิ่มเป็นเพียงพอ
ทั่วทั้งถนนฮั่นเจิ้งไม่มีข้าวกล่องราคาถูกแบบนี้ขาย มันมีขายเฉพาะในอาคารขายส่งเสื้อผ้าห่าวเหม่ยลี่เท่านั้น และยังสามารถสั่งข้าวเพิ่มได้
คนงานล้วนแต่เป็นคนกินเก่ง เถ้าแก่แผงขายข้าวกล่องจึงลังเลใจที่จะเพิ่มข้าวให้พวกเขา เพราะเกรงว่าแผงขายของตัวเองจะขาดทุน
เหรินเป่าจูใช้วิธีนี้เพื่อให้เหล่าเถ้าแก่พิจารณาความต้องการของคนงาน
เถ้าแก่เหล่านี้มายังถนนฮั่นเจิ้งเพื่อค้าขาย พวกเขาต้องแข่งขันกันขายสินค้าให้แก่เหล่าคนงาน หรือแม้กระทั่งเอาสินค้าไปขายในสถานีรถเมล์และสถานีรถไฟ
หากมีลูกค้าไม่เพียงพอในอาคารขายส่งเสื้อผ้าห่าวเหม่ยลี่ เถ้าแก่ที่ความสามารถในการจัดการจะมองหากลุ่มคนงานเพื่อรับสินค้าไป
แต่สิ่งนี้ทำให้ขายได้ล่าช้า และอาจใช้เวลานาน ผู้คนจึงไม่นิยมเอาของสวยงามราคาแพงมาขายที่นี่
จำต้องคำนึงถึงลูกค้าทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าพอใจในการบริการ จากนั้นอาคารขายส่งเสื้อผ้าเซี่ยงห่าวเหม่ยลี่ก็จะมีผู้เช่าที่มั่นคง
ห่วงหนึ่งเชื่อมต่อกับอีกห่วง กระทั่งสามารถสร้างวงจรที่สมบูรณ์
หลินม่ายออกจากอาคารขายส่งเสื้อผ้าห่าวเหม่ยลี่ ก่อนแวะไปที่ตลาดสดฝูตัวตัวเพื่อซื้อขาหมูหมักเครื่องเทศ เนื้อตุ๋น และคอเป็ด
เธอไม่ได้กินหลู่ไช่ที่ทำเองมานานแล้ว ดังนั้นจึงคิดเตรียมวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นนี้
เมื่อซื้อวัตถุดิบทำหลู่ไช่ จ้าวเลี่ยงบอกกับเธอยิ่งวัตถุดิบหลู่ไช่ของเขาขายดีขึ้นเท่าใด เขาจะพิจารณาเปิดสาขาเพิ่มเร็วขึ้นเท่านั้น
ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว การเปิดสาขาใหม่ตอนนี้ล่าช้าเกินกว่าจะยึกคลื่นธุรกิจจากปีที่แล้ว
หากต้องการเปิดสาขาใหม่ควรรอให้ถึงปีใหม่ก่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลินม่ายคนจริงอะ บอกจะย้ายปุ๊บคือย้ายเลย
ไหหม่า(海馬)