แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 75 ผ้าพันคอสองผืน
ตอนที่ 75 ผ้าพันคอสองผืน
หลินม่ายเหลือบมองไปทางแม่ต้าเป่าซึ่งตอนนี้กำลังหันหลังให้กับทุกคน ดูเหมือนหล่อนกำลังจะหาทางหนีออกไปให้พ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า
ทุกคนรู้ดีแก่ใจ ต่อให้พวกเขาจะสั่งให้หล่อนเป็นคนไปเรียกหมอ แต่หล่อนไม่มีทางไปแน่ มิหนำซ้ำอาจหาเรื่องเอะอะโวยวายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอีก
หลินม่ายไม่อยากรีรอให้เสียเวลาเปล่า พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะไปเรียกหมอเองค่ะ ฝากพวกคุณช่วยดูแผงขายของแทนฉันสักครู่”
ขณะนั้นเอง เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังดูเหมือนเสียงของผู้ประกาศข่าวทางคลื่นวิทยุกลับดังขึ้น “ผมไปเอง!”
หลินม่ายหันมองกลับไปข้างหลัง เห็นว่าเป็นแผ่นหลังของฟางจั๋วหรานที่รีบร้อนวิ่งจากไป ตอนนั้นเธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่แล้วพอสังเกตกิริยาท่าทางของตัวเองก็กลับมามีสติอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง ผู้ชายคนนั้นแค่ปรากฏตัวขึ้น ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเสียหน่อย!
โต้วโต้วตัวเล็ก จึงมองไม่เห็นฟางจั๋วหราน ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังได้ยินเสียงของเขา
เด็กหญิงตัวน้อยสะกิดต้นขาของหลินม่าย “แม่คะ เมื่อกี้นี้เหมือนหนูได้ยินเสียงคุณอาเลย”
“ลูกได้ยินไม่ผิดหรอก คุณอาเพิ่งจะมาถึงที่นี่เมื่อกี้นี้เอง แต่เขากำลังวิ่งไปที่โรงพยาบาลเพื่อตามหมอจ้ะ”
“ว้า!” เด็กหญิงตัวน้อยทั้งรู้สึกผิดหวังและเศร้าใจ “เขาจากไปโดยที่ยังไม่ทันได้ทักทายพวกเราเลย…”
หลินม่ายลูบศีรษะน้อย ๆ ของหล่อน “อีกเดี๋ยวคุณอาก็กลับมาแล้ว อย่าเสียใจไปเลย”
หลังจากนั้นไม่นาน ฟางจั๋วหรานก็กลับมาพร้อมกับหน่วยแพทย์ฉุกเฉินหลายคน
ทันทีที่โต้วโต้วมองเห็นเขา ก็กระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนเรียกเขาด้วยความดีใจ “คุณอา คุณอามาแล้ว! หนูกับแม่คิดถึงคุณอาแทบแย่”
ใบหน้าของหลินม่ายเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ลูกคิดถึงเขาแค่คนเดียว จะเหมารวมว่าแม่ก็คิดถึงเขาได้อย่างไร?
ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากแก้ต่าง เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินคนหนึ่งก็ดึงแขนเธอเข้ามาพร้อมกับตั้งคำถาม “คุณป้าคนนี้ล้มลงได้ยังไงหรือครับ?”
หลินม่ายกลับมาจดจ่ออยู่กับประเด็นสำคัญ “มีเด็กคนหนึ่งแกล้งยกเก้าอี้ของหล่อนออกไปค่ะ พอหล่อนหย่อนก้นลงนั่งบนอากาศว่างเปล่าก็เสียหลักล้มลงไป”
ขณะนั้นเดียวกันนั้น แม่ต้าเป่าลอบหันขวับมองไปทางเธอพลางใช้สายตาจ้องเขม็ง ราวกับจะกล่าวโทษที่เธอพูดความจริง
เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉินหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ว่า “การล้มลงก้นกระแทกในท่านั่งแบบนี้อาจทำให้กระดูกสันหลังบาดเจ็บ ต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วค่อยยกผู้ป่วยขึ้นนอนบนเปล”
หลินม่ายเห็นว่าเหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองอีกต่อไป จึงกลับไปที่แผงลอยเพื่อขายเกี๊ยวต่อ
เธอได้ยินน้ำเสียงคับข้องใจดังขึ้นจากด้านหลัง โต้วโต้วถามฟางจั๋วหรานว่า “ทำไมคุณอาไม่มากินเกี๊ยวที่ร้านแม่หนูหลายวันเลยล่ะคะ? คุณอาไม่ชอบเกี๊ยวฝีมือแม่หนูเหรอ?”
คำถามของเด็กหญิงตัวน้อยเป็นคำถามที่หลินม่ายเองก็ต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน เพียงแต่เธอละอายใจเกินกว่าจะถามไถ่ด้วยตัวเอง จึงได้แต่เงี่ยหูรอฟังคำตอบจากเขา
“ไม่ใช่ว่าอาไม่ชอบกินเกี๊ยวฝีมือแม่ของหนู แต่อามีภารกิจต้องไปรักษาผู้ป่วยนอกสถานที่ เพราะอาไม่ได้อยู่ที่เจียงเฉิง ก็เลยไม่ได้แวะมาอุดหนุนยังไงล่ะ”
ฟางจั๋วหรานย่อตัวลง เอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าเดินทางที่ตัวเองถืออยู่ ก่อนจะหยิบลูกอมนมตรากระต่ายขาวถุงใหญ่ออกมา “นี่ อาซื้อมาฝาก”
โต้วโต้วจ้องไปที่ลูกอมนมตรากระต่ายขาวถุงใหญ่พร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่ไม่กล้ายื่นมือไปรับ
เธอเหยียดนิ้วออกแล้วจิ้มไปที่บั้นท้ายของหลินม่าย จนหลินม่ายสะดุ้งตกใจแทบจะกระโดดถอยหนี
ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นฟางจั๋วหรานที่บังเอิญสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวของตัวเอง จึงหันกลับมาทั้ง ๆ ที่ใบหน้าแดงก่ำ
พอเธอเห็นว่าคนที่จิ้มบั้นท้ายของตัวเองเป็นโต้วโต้วก็โล่งใจ เด็กหญิงตัวน้อยถามเธอว่า “แม่คะ หนูรับลูกอมกระต่ายขาวจากคุณอาได้ไหม?”
หลินม่ายยังไม่หายตกใจ ถึงอย่างนั้นก็ตอบกลับว่า “ได้สิ” แล้วหันกลับไปยุ่งอยู่กับการค้าขายอีกครั้ง
ฟางจั๋วหรานหยิบเอาผ้าพันคอผืนหนาสองผืนออกมาจากกระเป๋าเดินทาง ยัดพวกมันเข้าไปในเสื้อของโต้วโต้ว พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบข้างหูเธอ “ไว้ปิดแผงกลับบ้านเมื่อไหร่ค่อยบอกเรื่องนี้กับแม่หนูนะ”
เขากลัวว่าถ้าหลินม่ายรู้เรื่องตั้งแต่ตอนนี้ คงปฏิเสธไม่รับท่าเดียวและพยายามคืนพวกมันให้เขาแน่ ๆ
ตรงกันข้าม ถ้าเด็กหญิงตัวน้อยเอาผ้าพันคอกลับไปที่บ้านแล้ว ถึงอย่างไรหลินม่ายก็ไม่มีทางส่งคืนให้เขาได้ในทันที ผ่านไปสักคืนหนึ่ง เธออาจเปลี่ยนใจและยอมรับผ้าพันคอพวกนี้ไว้ก็ได้
โต้วโต้วพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
หลินม่ายใช้กล่องอาหารกลางวันใบเดิมเป็นภาชนะใส่เกี๊ยวให้กับฟางจั๋วหราน จากนั้นจึงยื่นให้เขา “กินเกี๊ยวสักชามก่อนค่ะ เผื่อจะบรรเทาความเหนื่อยล้าได้บ้าง ฉันรู้ว่าคุณคงเหนื่อย ตาทั้งสองข้างแดงก่ำเชียว”
การผ่าตัดใหญ่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปก่อนหน้านี้ใช้เวลาร่วมสิบชั่วโมง นอกจากร่างกายจะอ่อนแรง สภาวะจิตใจยังอ่อนล้า อีกทั้งวันนี้เขาต้องรีบเดินทางกลับมาเพื่อที่วันพรุ่งนี้จะได้กลับไปทำงานตามปกติ จะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยอย่างออกนอกหน้าได้อย่างไร
ฟางจั๋วหรานกินเกี๊ยวหมดแล้วก็ขอตัวจากไป เขาต้องรีบกลับไปที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อน
ถึงแม้การค้าขายในวันนี้จะล่าช้าไปหน่อยเพราะเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นกับป้ากู่ แต่เกี๊ยวในร้านของหลินม่ายก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยงในเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง
ผู้โดยสารยังคงทยอยเดินทางมาที่ท่าเรือ คลื่นมนุษย์มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลินม่ายแอบคิดในใจว่า ถ้าเธอขายข้าวผัดไข่ที่ท่าเรือทุกช่วงเที่ยงของวันหยุดล่ะ จะมีใครสนใจซื้อหรือเปล่านะ?
ทันทีที่พวกเธอกลับถึงบ้าน โต้วโต้วก็หยิบผ้าพันคอสองผืนออกมาจากเสื้อของตัวเอง แล้วยื่นให้กับหลินม่าย
หลินม่ายนิ่งงันไปชั่วขณะ ถามว่า “คุณอาฟางให้มาใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ!” เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้า
หลินม่ายลูบไปตามผ้าพันคอผืนหนาที่ถักทอจากวัสดุเนื้อดีทั้งสองผืน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ทำไมลูกถึงไม่ยอมบอกแม่ตั้งแต่ตอนนั้น?”
ถ้าเธอรู้ตั้งแต่ตอนนั้น คงหาทางคืนผ้าพันคอทั้งสองผืนนี้ให้กับฟางจั๋วหรานไปแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่าคนรู้จัก เธอไม่สมควรรับผ้าพันคอพวกนี้ไว้
โต้วโต้วทำหน้าบึ้ง “คุณอากำชับไว้ไม่ให้หนูบอกแม่ค่ะ เขาบอกว่าไว้กลับถึงบ้านแล้วค่อยบอกให้แม่รู้ทีหลัง”
พอเห็นว่าหลินม่ายเงียบไป โต้วโต้วก็ถามต่อ “พรุ่งนี้หนูขอสวมผ้าพันคอที่คุณอาซื้อให้ได้ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานตั้งใจซื้อผ้าพันคอสีชมพูหนานุ่มให้เธอโดยเฉพาะ ซึ่งเธอก็ถูกใจเอามาก ๆ
หลินม่ายกลับส่ายหน้า “ไม่ได้ แม่จะเอาผ้าพันคอสองผืนนี้ไปคืนให้คุณอาฟาง”
โต้วโต้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปที่ลานหน้าบ้านเพื่อเล่นกับอาหวง
หลินม่ายคำนวณยอดการซื้อขาย วันนี้เธอใช้วัตถุดิบมากขึ้น แต่ก็ได้รับรายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน วันนี้เธอขายเกี๊ยวได้เงินประมาณยี่สิบหยวน รวมกับหลายวันก่อนหน้า เธอทำเงินได้ทั้งหมดประมาณหนึ่งร้อยหยวนเลยทีเดียว
หลินม่ายวางแผนไว้ว่าจะแบ่งเงินจำนวนหนึ่งไปฝากเข้าธนาคารในวันพรุ่งนี้
เธอไม่อยากเก็บเงินสดไว้ที่บ้านมากเกินไป ต่อให้เก็บดีอย่างไรก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี
ป้ากู่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ตามหลักแล้วหากคนเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน หรือเปิดร้านค้าขายบนถนนสายเดียวกัน ก็ควรมีน้ำใจซื้อของไปเยี่ยมเยียนกันเสียหน่อย
หลินม่ายคว้าตะกร้าเปล่าขึ้นมา หันไปถามโต้วโต้วว่า “แม่ว่าจะออกไปหาซื้อของเข้าบ้านหน่อย ลูกจะไปด้วยกันไหม?”
โต้วโต้วชื่นชอบการจับจ่ายซื้อของมาก หล่อนตอบรับอย่างไม่ลังเล ทิ้งอาหวงไว้ที่บ้าน กำชับให้มันช่วยเฝ้าบ้านให้ดี
โต้วโต้วคลุกคลีอยู่กับอาหวงทั้งวันทั้งคืนจนเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว รู้จักเชื่อฟังคำสั่ง มันเดินตามสองแม่ลูกไปที่หน้าประตูลานบ้านต้อย ๆ ก่อนจะนั่งลงอย่างว่าง่าย
หลินม่ายล็อกประตูจากด้านนอก ก่อนจะจูงมือโต้วโต้วไปซื้อเนื้อขาหน้ากับกระดูกหมูเพื่อใช้สำหรับทำเกี๊ยวในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็ไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อน้ำตาลทรายแดงสองชั่ง อาหารประป๋องอีกสองกระป๋อง
ขากลับตอนที่เธอเดินผ่านหน้าบ้านของต้าเป่า ก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทรุนแรงดังมาจากตัวบ้านของเขาในระยะไกล ชาวบ้านจำนวนมากต่างมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าบ้านของเขาเพื่อรับชมความสนุกที่เกิดขึ้น
หลินม่ายหยุดเดินพลางสอดส่ายสายตามองเข้าไปด้วยความสงสัย เห็นว่าลูกชายและลูกสาวของป้ากู่กำลังโต้เถียงกับแม่ต้าเป่าเสียงดัง มีพ่อต้าเป่าคอยช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านข้าง
แม่ต้าเป่าไม่ยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมของสามี แถมยังสะบัดมือผลักเขาออกไป แล้วตะโกนใส่ลูก ๆ ของป้ากู่อย่างไม่ยอมแพ้ “อะไรกัน? คิดจะยกพวกมาข่มเหงกันงั้นเหรอ?”
ลูกสาวคนโตของป้ากู่โกรธจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนคราบตะกรันก้นหม้อ “กล้าดียังไงถึงได้กล่าวหาว่าพวกเรายกพวกมาข่มเหงคนอื่น? ลูกชายของคุณทำให้แม่ฉันล้มเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ครอบครัวของคุณกลับไม่ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายให้พวกเราเลยสักหยวน!”
หลินม่ายตกตะลึง
เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ป้ากู่ล้มก้นกระแทกพื้น พ่อค้าแม่ค้าหลายคนต่างวิ่งเข้าไปช่วยเหลือหล่อน แต่แม่ต้าเป่าที่เกี่ยวข้องที่สุดกลับไม่สนใจไยดี
พอมีคนมาเรียกร้องค่าเสียหายจากหล่อนถึงบ้าน หล่อนยังหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายอีก ผู้หญิงคนนี้ชักจะไร้ศีลธรรมเกินไปแล้ว!
แม่ต้าเป่ายังคงทำหน้าเหมือนหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก(1) “บ้านฉันไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ ใครเป็นคนทำร้ายแม่ของพวกเธอก็ไปไล่บี้เอากับคนนั้นสิ!”
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์นึกโกรธเคือง พากันตำหนิแม่ต้าเป่าเป็นรายคน “คุณพูดจาแบบนี้ออกมาได้ยังไง เห็น ๆ กันอยู่ว่าต้าเป่าของคุณทำให้ป้ากู่ต้องตกอยู่ในสภาพนั้น ถ้าพวกเขาไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากคนที่เป็นพ่อแม่ แล้วจะให้พวกเขาไปเรียกค่าเสียหายเอาจากเด็กหรืออย่างไร? ลูกคุณมีเงินจ่ายหรือเปล่าล่ะ?”
แม่ต้าเป่าแบมือพลางยักไหล่ “งั้นก็ถือเสียว่าเป็นความโชคร้ายของหล่อนก็แล้วกัน!”
ลูกชายของป้ากู่อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ส่งหมัดชกเข้าไปที่เบ้าหน้าของหล่อนทันที “ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นฝ่ายต่อยหน้าแกบ้าง ถือว่าเป็นความโชคร้ายของแกเหมือนกัน!”
ลูกชายและลูกสาวของป้ากู่โกรธจัด ไม่ยอมเจรจาเกลี้ยกล่อมอีกต่อไป แถมยังรุมทุบตีแม่ต้าเป่าเพื่อระบายความแค้น
ในช่วงเวลาที่บ้านเมืองมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ชาวบ้านต่างกลัวว่าลูกชายและลูกสาวของป้ากู่จะถูกตำรวจจับกุมในข้อหาทำร้ายร่างกายแม่ต้าเป่า ดังนั้นพวกเขาจึงรีบกรูเข้าไปแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
……………………………………………………………………………………………………………….
หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก เป็นสำนวนไว้ด่าทอคนหน้าด้านหน้าทนที่ไม่มีความยำเกรงหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อเริ่มหวั่นไหวกับคุณหมอแล้วล่ะสิ โต้วโต้วทำดีๆ
แม่ต้าเป่าสมควรโดนแล้วล่ะ ให้สังคมลงโทษบ้าง
ไหหม่า(海馬)