แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 805 เหลียนเฉียวมีแฟน
ตอนที่ 805 เหลียนเฉียวมีแฟน
ฟางจั๋วเยวี่ยมีสภาพโทรมหนวดเคราเฟิ้ม สีหน้าซีดเซียว และมีสภาพจิตใจย่ำแย่
หลินม่ายคิดในใจว่า สาเหตุคงเป็นเรื่องที่หวังเหวินฟางฆ่าตัวตายเพราะเถาจืออวิ๋น ซึ่งเป็นระเบิดทางอารมณ์ครั้งใหญ่สำหรับเขา
?
ฟางจั๋วหรานต้องการพาเขาไปโกนหนวด จะเข้าร่วมงานแต่งงานของฟางถิงในสถานะนี้ได้อย่างไร?
ฟางจั๋วเยวี่ยปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว โดยบอกว่าเขาไม่ต้องการเข้าร่วมงานแต่งงานของฟางถิง
เขาพูดกับหลินม่ายอย่างน่าสมเพช “พี่สะใภ้ ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ฉันที ฉันไม่ได้กินอาหารดี ๆ มานานแล้ว”
หลินม่ายรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย พวกเขากำลังจะไปที่บ้านของฟางถิงในไม่ช้า จะมีเวลาเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้เขาได้อย่างไร
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาจึงต้องการอาหารมื้ออร่อยอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
หลินม่ายตอบกลับ “ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาทำอาหารอร่อย ๆ ให้นาย ฉันจะทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อหนึ่งชามให้กินก่อน แล้วฉันจะทำอาหารมื้อใหญ่ให้อีกครั้งในตอนเย็น
แม้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะเป็นน้อง แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้ยืนกรานให้หลินม่ายทำอาหาร แต่พยักหน้าเพื่อตอบรับข้อตกลงกับเธอ
มีเนื้อปรุงสุกที่ป้าหวงเตรียมไว้ในตู้เย็น
หลินม่ายหั่นมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ และปรุงเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อให้กับฟางจั๋วเยวี่ยหนึ่งชาม จากนั้นจึงนั่งแท็กซี่ไปยังบ้านของฟางถิงหร้อมกับฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟาง
ห้องนั่งเล่นของบ้านฟางถิงเต็มไปด้วยผู้คน
เมื่อทุกคนได้พบกับครอบครัวของคุณปู่ฟาง ก็ทักทายพวกเขาด้วยการเยินยอเล็กน้อย
หลินม่ายติดตามคุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และฟางจั๋วหรานไปที่ห้องส่วนตัวของฟางถิงหลังทักทายคนอื่น ๆ เสร็จสิ้น
ฟางถิงแต่งกายเรียบร้อย เถาจืออวิ๋นกำลังสวมชุดแต่งงานสีแดงสดให้หล่อน
แม้คนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยเป็นชายระดับสูง แต่เขาก็ไม่รวยเท่าเฉินเฟิงและฟางจั๋วหรานถึงขนาดส่งมงกุฎหงส์หรือปิ่นหงส์ทองมาให้หล่อนใส่ได้
อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ประดับศีรษะเจ้าสาวที่มาจากร้านไป๋เหอของหลินม่ายก็สวยงามมากเช่นกัน
หลินม่ายหยิบซองสีแดงสองซองออกมาจากกระเป๋าและส่งให้ฟางถิง “ซองที่หนากว่านั้นมาจากจั๋วหราน และซองที่บางกว่านั้นมาจากฉัน”
ฟางถิงรับซองจดหมายสีแดงสองใบอย่างใจดีและ ถามด้วยรอยยิ้ม “เธอกับพี่ชายใส่เงินเท่าไหร่? ทำไมหนาจัง?”
หลินม่ายยิ้ม “ไม่มากหรอก แค่หกร้อยหกสิบหกหยวน เลขหกถือเป็นเลขมงคล”
ฟางถิงยื่นซองแดงให้เพื่อนเจ้าสาวที่ดูแลทรัพย์สินของเธอ และถามหลินม่าย “พี่จั๋วหรานไม่มาเหรอ? หรือเขาแค่ฝากซองมาให้ฉัน?”
หลินม่ายพึมพำ
ฟางถิงถอนหายใจ “ฉันเชิญพี่จืออวิ๋นมางานแต่งงานของฉัน แต่หล่อนไม่มาเพราะกลัวจะพบกับพี่จั๋วเยวี่ย ความรักที่ดีต้องจบลงอย่างกะทันหันเพราะความสัมพันธ์ถูกผู้เป็นแม่ทำลาย”
หลินม่ายก็ถอนหายใจเช่นกัน เธอไม่รู้จะพูดอะไรอีกครู่หนึ่ง
ณ เวลา 09:00 น. ทีมงานรับจัดงานแต่งงานก็มาถึง หลินม่ายก็ออกมาจากห้องส่วนตัวของฟางถิง
เป็นธรรมเนียมในเจียงเฉิงที่ผู้หญิงแต่งงานแล้วไม่ควรขออั่งเปาจากบ่าวสาว
จากนั้นไม่นานพิธีแต่งงานก็เสร็จสิ้น
หลินม่ายและสามีทักทายฟางเว่ยหมินและภรรยาของเขาก่อนจะขอตัวกลับเพื่อไปเลี้ยงฉลองที่บ้านของเฉินเฟิงและเคอจื่อฉิง
เมื่อเทียบกับฟางถิง แน่นอนว่าเฉินเฟิงและภรรยาของเขามีความสำคัญมากกว่าสำหรับหลินม่าย
วันนี้เป็นวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม อากาศดีและมีคนเดินถนนจำนวนมาก สถานการณ์การจราจรจึงไม่ค่อยดีขึ้นนัก
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายติดอยู่บนถนนนานกว่าครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งเวลา 11:00 น. พวกเขาก็มาถึงโรงแรมที่เฉินเฟิงจองไว้ โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป
มีแขกหลายคนนั่งอยู่ในล็อบบี้ และทุกคนก็คุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
หลังจากทั้งคู่เข้ามา พวกเขาก็มองไปรอบ ๆ รอให้เฉินเฟิงจัดที่นั่งให้ก่อนจะได้ยินเสียงเรียก “หลินม่าย”
เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย
หลินม่ายพยายามนึกในใจและจำเจ้าของเสียงได้ในทันที
เธอหันศีรษะมองไปยังทิศทางของเสียง
เหลียนเฉียวที่มีผมสั้นและดูเรียบร้อยเดินมาหาหลินม่ายและสามีของเธอด้วยท่าทางที่กล้าหาญ
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมากจนเบิกตากว้างพลางเอ่ยถาม “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทันทีที่พูดออกมา เธอก็นึกขึ้นได้ในทันทีและชี้ไปยังอีกฝ่าย “เธอแอบออกมาจากกองทัพเหรอ? เธอกำลังละเมิดวินัย รีบกลับกองทัพเดี๋ยวนี้เลย!”
เหลียนเฉียวตอบกลับ “ถ้าฉันแอบออกมาจากกองทัพ ทั้งครอบครัวของเธอก็แอบออกมาจากกองทัพเหมือนกัน! ฉันเป็นทหารมาหลายปีแล้ว จะไม่ให้ฉันลาหยุดมาเยี่ยมครอบครัวเลยหรือไง”
หลินม่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าว “ต้องให้สิ ต้องให้ หากมีใครไม่ยอมให้เธอลาหยุด ฉันจะไประเบิดหัวพวกเขาเอง!”
ฟางจั๋วหรานมองไปที่ภรรยาตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ เขา
เธอมีท่าทางแตกต่างจากที่เคยเป็นต่อหน้าทหารหญิงคนนี้
เขาสามารถอธิบายได้เพียงว่า นี่คือการแสดงความเคารพของหลินม่าย
ใบหน้าของเหลียนเฉียวพลันหม่นลง หล่อนเชิดคางขึ้นแล้วจึงกล่าว “นี่ฟังดูเหมือนคำขู่เลยแฮะ”
หลินม่ายชี้ไปยังผมสั้นและเครื่องแบบทหารที่ยุ่งเหยิงของหล่อนแล้วกล่าว “มานี่สิ ฉันจะช่วยจัดระเบียบเสื้อผ้าให้ หากใครมาเห็นคุณในสภาพนี้คงคิดว่าเธอเพิ่งออกรบมา ไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของทหาร”
เธอกล่าวพลางหยิบหวีไม้ออกมาจากกระเป๋า
เฉินเฟิงแต่งงานแล้ว แต่เจ้าสาวไม่ใช่หลินม่าย
และหลินม่ายก็แต่งงานแล้วเช่นกัน เหลียนเฉียวจึงไม่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับเธออีกต่อไป
เหลียนเฉียวนั้นว่านอนสอนง่ายราวกับลูกแมว หล่อนอ้อนวอนหลินม่ายให้ช่วยจัดระเบียบชุดและทรงผมให้กับหล่อน
จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจัง “ฉันทะเลาะกับใครบางคนมา”
หลินม่ายหยุดมือชั่วคราวพลางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ในใจ และโพล่งออกมา “เธอต่อสู้กับจื่อฉิงมาเหรอ?”
ตอนนี้เคอจื่อฉิงแต่งงานกับลูกพี่ของหล่อนและให้กำเนิดลูกชายฝาแฝดสองคน เหลียนเฉียวที่ยังยึดติดจะไม่ต่อสู้กับเคอจื่อฉิงได้อย่างไร?
หากเคอจื่อฉิงไม่ได้เพิ่งให้กำเนิดทารก หลินม่ายก็ไม่กังวลมากนักเมื่อเหลียนเฉียวตบตีกับหล่อน
หล่อนเป็นผู้หญิงที่สามารถเอาชนะใจเฉินเฟิงได้
แต่ปัญหาคือเคอจื่อฉิงเพิ่งให้กำเนิดทารกได้เดือนกว่า ทั้งยังเป็นฝาแฝด และร่างกายของหล่อนยังห่างไกลจากการฟื้นตัว
หากเหลียนเฉียวท้าต่อสู้กับหล่อน หล่อนจะต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่
เหลียนเฉียวก้มหน้าลงอย่างไม่พอใจ “ฉันต่อสู้กับหล่อนจริง แต่น่าเสียดายที่ฉันแพ้…”
หลินม่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากจัดการรูปลักษณ์ของเหลียนเฉียวเรียบร้อย เธอก็ไปหาเฉินเฟิงและถามว่าเคอจื่อฉิงสบายดีไหม
แม้ว่าเคอจื่อฉิงจะเอาชนะเหลียนเฉียวได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอสบายดี
เหลียนเฉียวเป็นทหารพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท
เหลียนเฉียวคว้าเธอไว้และอยากพาเธอไปพบใครสักคนด้วยความเขินอาย
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ถูกเหลียนเฉียวลากออกไป
ฟางจั๋วหรานต้องการตาม แต่เหลียนเฉียวหันกลับมาและหยุดเขา “คุณเป็นผู้ชาย อย่าตามผู้หญิงมาเลย!”
ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุด มองดูหลินม่ายถูกเหลียนเฉียวดึงไปยังโต๊ะกลมและนั่งลง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางจั๋วหรานก็รู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อยู่ในสายตาของเขา เขาสามารถรับประกันได้ว่าเธอจะสบายดี
หน้าโต๊ะกลมนั้นมีทหารในชุดเครื่องแบบทหารเป็นชายหนุ่มรูปหล่อมาก
เหลียนเฉียวชี้ไปยังทหารหนุ่มรูปหล่อและแนะนำให้หลินม่ายรู้จัก “เวิงซือหยวน ผู้บังคับบัญชาของฉันก็เป็นแฟนของฉันด้วย”
หลินม่ายตกตะลึง “เธอมีแฟนอยู่แล้ว ทำไมถึงยังทะเลาะกับจื่อฉิงอีก?”
เมื่อเห็นเวิงซือหยวนยิ้มอย่างเขินอายให้กับตัวเอง เธอก็รีบยิ้มกลับอย่างสุภาพ
เหลียนเฉียวกระซิบที่หูของหลินม่าน “นี่ไม่ใช่การบอกลาอดีตหรอกหรือ ต้องมีการฉลองเสียหน่อยสิ”
มุมปากของหลินม่ายกระตุกหลายครั้ง อยากจะฉลองเพื่อตัดขาดจากอดีตแล้วทำไมต้องหาเรื่องทะเลาะวิวาทด้วย?
เหลียนเฉียวแนะนำหลินม่ายให้กับแฟนของหล่อนอีกครั้ง และพูดกับเขา “อย่ามองว่าม่ายจื่อยังเด็กนะคะ หล่อนโตและแต่งงานแล้ว คุณต้องเรียกว่าพี่สะใภ้”
หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
เธอจะแก่ขนาดนี้ได้อย่างไร? ไม่จำเป็นต้องเรียกพี่สะใภ้และไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ว่าเธอแต่งงานแล้วหรอก
เวิงซือหยวนฟังคำพูดของเหลียนเฉียว และเรียกหลินม่ายด้วยความเคารพ “พี่สะใภ้”
เหลียนเฉียวขอให้เขาออกไปข้างนอกเพื่อซื้อน้ำโซดายี่ห้อหนึ่งมาสองขวด
หลินม่ายกล่าว “โซดาชนิดนี้ไม่ค่อยมีขายข้างนอก แม้แต่ยี่ห้อที่หาได้ง่ายที่สุดก็ยังไม่รู้ว่าจะซื้อจากไหน ยิ่งไปกว่านั้น แฟนของคุณไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จะให้เขาไปซื้อที่ไหน?”
เหลียนเฉียวกระแอมในลำคออย่างไม่สบายใจและพูดกับเวิงซือหยวน “คุณลองหาดู ถ้าหาซื้อไม่ได้จริง ๆ ก็ไปซื้อโซดาจากโรงงานโซดาแถวนี้”
เวิงซือหยวนตอบอย่างเชื่อฟังและไปซื้อโซดา
เหลียนเฉียวจ้องมองเขาที่กำลังเดินจากไป จากนั้นถามหลินม่ายอย่างเขินอายเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อแฟนหนุ่มของหล่อน
หลินม่ายพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดอย่างประจบสอพลอ “ฉันคิดว่าเขาหล่อและดีกว่าพี่เฟิงอีก”
“เอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง?” หล่อนซุบซิบถาม
เหลียนเฉียวรักเฉินเฟิงอย่างสุดซึ้ง และดูเหมือนจะไม่ตกหลุมรักผู้ชายคนอื่นอย่างง่ายดาย
เหลียนเฉียวเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินม่ายฟังอย่างเขินอาย
ทันทีที่หล่อนเข้าร่วมกองกำลังพิเศษ เวิงซือหยวนก็ตามหล่อนมา
นอกจากจะไม่เคยดูแลหล่อนระหว่างการฝึกแล้ว เขายังปฏิบัติกับหล่อนอย่างเคร่งครัดกว่าคนอื่น ๆ และปฏิบัติกับหล่อนอย่างดีในบางครั้ง
เขาให้คนส่งอาหาร เสื้อผ้า และอื่น ๆ มาให้กับหล่อนเสมอในทุกวัน
หลินม่ายถามด้วยความเหลือเชื่อ“เธอพ่ายแพ้ต่อความใจดีเพียงเล็กน้อยนี้หรือ?”
เหลียนเฉียวมองเธอ “อย่าพูดแบบนั้นสิ! พูดอย่างกับว่าฉันไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของผู้ชาย ระหว่างปฏิบัติภารกิจ เวิงซือหยวนช่วยชีวิตฉันไว้”
“เพราะแบบนั้นเธอก็เลยตกหลุมรักเขา?”
เหลียนเฉียวก้มหน้าอย่างเขินอาย “เรื่องนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่เวิงซือหยวนมีข้อดีหลายอย่าง ฉันจึง… ตกลงเป็นแฟนกับเขา”
หลินม่ายพยักหน้า “เธอเหมาะกับเขานะ”
เหลียนเฉียวพูดด้วยความเขินอาย “เขาอายุน้อยกว่าฉันสามปี เวลาอยู่กับเขา ฉันมีความรู้สึกเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อนอยู่เสมอ”
หลินม่ายตบไหล่หล่อนและพูดอย่างไม่เต็มใจ “มีแฟนแก่กว่าก็เหมือนถือทองคำไว้ในมือ สมัยนี้แล้ว วัวแก่กินหญ้าอ่อนอะไรกัน? และเธอยังดูเด็กกว่าแฟนเธออีก”
เหลียนเฉียวถามด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
เหลียนเฉียวยิ้มกว้างดุจดอกไม้บานอันงดงาม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวนะ จะลาจากอดีตทำไมต้องไปหาเรื่องแฟนเค้าหว่า แล้วโดนหยุมจนน่วมกลับมาด้วย
ไหหม่า(海馬)