แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 822 เรื่องอื้อฉาวถูกเปิดเผย
ตอนที่ 822 เรื่องอื้อฉาวถูกเปิดเผย
เนื่องจากถูกขังอยู่ในสถานกักกันเกือบหนึ่งเดือน ประกอบกับทำผลงานได้ไม่ตรงตามมาตรฐาน หน้าที่การงานก่อนหน้าจึงพังทลาย
เช้าวันต่อมา อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขอตัวออกไปหางานทำหลังจากทานอาหารเช้า
มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะหางานทำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องทำเพื่อหลินเพ่ย
หลังอยู่ในสถานกักกันเกือบหนึ่งเดือนโดยไม่ได้พบเจอกับหลินเพ่ย เขาก็กังวลมากว่าเฉาต๋าและจินป๋อจะแอบเข้ามาช่วงชิงสมบัติของเขาไป
เขาต้องไปหาหลินเพ่ย เพื่อดูว่าหล่อนยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเช่าที่เขาจัดหาให้หรือไม่
เขาเร่งรีบตรงไปยังบ้านเช่าอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นว่าหลินเพ่ยยังอยู่ที่นั่น เขาแทบหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยน หลินเพ่ยรู้สึกเบื่อหน่ายจนแทบอยากตาย แต่สิ่งที่แสดงออกมาคือท่าทางอ่อนโยนและห่วงใย ซึ่งทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคลั่งไคล้มากยิ่งขึ้น
ระหว่างที่คนหนึ่งกำลังหลงรักอย่างหัวปักหัวปำ อีกคนเสแสร้งแสดงความรักอันลวงหลอก ทันใดนั้นเสียงประตูเคาะดังขึ้นจากด้านนอก
หลินเพ่ยกลอกตาและแสร้งทำเป็นหมดความอดทน “น่ารำคาญจริง จะต้องเป็นเฉาต๋าอีกแล้ว ฉันบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้มีใจให้ แต่เขายังมาหาฉันตลอดเลย”
หลังกล่าวเช่นนั้น หล่อนก็เดินไปที่ประตูด้วยท่าทางไม่เต็มใจ
หล่อนไม่ได้เกรงกลัวเลยว่าคนที่อยู่นอกประตูจะเป็นเฉาต๋าตัวจริง
ในเวลานั้นหล่อนจะยกมือทาบอกพลางพูดว่า โชคดีที่ไม่ใช่เฉาต๋า ไม่อย่างนั้นหล่อนคงรำคาญใจมาก
แต่ในใจหล่อนรู้ดีว่ามันเป็นแค่คำลวงที่ใช้กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน เช่นนั้นเจ้าสุนัขตัวนี้ก็ไม่ต่างกับการชอบคนโกหกเลยน่ะสิ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ใบหน้าที่เสียโฉมของหลินเพ่ยก็เริ่มบิดเบี้ยว
เพราะมันคือเฉาต๋าที่ยืนอยู่นอกประตู
เฉาต๋าได้หน้าที่การงานที่ดีในกว่างโจว แต่วันหนึ่งเขาได้รับข้อความจากผู้เป็นพ่ออย่างกะทันหัน
บอกว่าหลินเพ่ยกำลังอ้างชื่อของเขาในการลวงหลอกผู้อื่น ผู้เป็นพ่อจึงขอให้เขาไปยังเมืองหลวงและติดต่อกับผู้ที่ชื่อเหมาฉงเพื่อแก้ไขปัญหานี้
เฉาต๋ารีบกลับจากกว่างโจวทันที และมายังเมืองเจียงเฉิงตามที่พ่อบอกกล่าวไว้เพื่อพบกับเหมาฉง
เหมาฉงเป็นคนดีมาก เมื่อได้พบกัน เขาถามถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปและกลับจากกว่างโจวทันที เขาต้องการจ่ายเงินชดเชยที่เสียไปหลังจากต้องรบกวนเฉาต๋ามาจัดการเรื่องนี้
เฉาต๋าบอกทุกอย่างกับเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่เหมาฉงยังคงยืนกรานที่จะให้เงินทั้งหมด
จากนั้นบอกเขาว่า พลินเพ่ยกล่าวอ้างชื่อของเขาเพื่อหลอกลวงอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
เหมาฉงต้องการให้เฉาต๋าเปิดโปงหลินเพ่ย ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เขาเพียงแค่รู้สึกว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนน่าสงสารที่ถูกหลอก
ในความจริง เหมาฉงไม่ได้สนใจเรื่องราวน่าสมเพชที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกหลินเพ่ยหลอกใช้
เขาต้องการเปิดโปงหลินเพ่ย เพราะเขาไม่ชอบที่หลินเพ่ยเสแสร้งแกล้งทำเป็นดอกบัวขาว ไม่ใช่เพราะเรื่องของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเลย
เหมาฉงไม่ต้องการให้เฉาต๋ารู้ถึงแรงจูงใจซ่อนเร้น จึงให้เหตุผลว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนช่างน่าสงสาร
เฉาต๋าไม่ได้สนใจว่าเหมาฉงต้องการเปิดโปงหลินเพ่ยด้วยเหตุผลใด
แต่การที่หลินเพ่ยใช้ชื่อของเขาเพื่อหลอกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
ต่อให้เหมาฉงไม่ได้จ่ายเงินชดเชย เขาก็จะกลับจากกว่างโจวเพื่อเปิดโปงหลินเพ่ยให้ได้
เฉาต๋ารู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของหลินเพ่ย เพราะหล่อนเคยหลอกใช้เขาแบบนี้มาก่อน
มันเคยทำให้เขาคิดว่าหล่อนช่างน่าดึงดูดใจเพียงใด แม้กระทั่งไล่ตามหล่อนอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อนึกย้อนไปแล้วเขาก็นึกเสียใจจริงๆ
เฉาต๋าเดินทางมาตามที่อยู่ที่เหมาฉงบอก นั่นคือเหตุผลที่เขาปรากฏตัวอยู่ด้านนอกประตูบ้านเช่าของหลินเพ่ย
ใบหน้าของหลินเพ่ยเสียโฉมหนัก ต่อให้พ่อแม่ของหล่อนมาเห็นก็คงจำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเฉาต๋า
เฉาต๋าตกใจกับสัตว์ประหลาดแสนน่าเกลียดตรงหน้า กระทั่งเผลอก้าวถอยหลังออกไปและถามว่า “ขอโทษครับ หลินเพ่ยอาศัยอยู่ที่นี่ใช่หรือเปล่า?”
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่อยู่ในห้องก็เกิดความสงสัยขึ้นอีกครั้ง
หลินเพ่ยบอกเองไม่ใช่หรือว่าเฉาต๋าไล่ตามหล่อน แต่ดูจากปฏิกิริยาของเฉาต๋าแล้ว เขาแทบจำหล่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ!
หลินเพ่ยสงบสติอารมณ์ลง ก่อนพูดกับเฉาต๋าว่า “เราไม่รู้จักคนที่คุณพูดถึง คุณคงมาผิดห้องแล้ว”
เฉาต๋ากล่าวคำขอโทษและกำลังจะจากไป แต่เขาพลันเหลือบไปเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอยู่ในห้องก่อน
เขาตะโกนขึ้นทันใด “เสี่ยวเจี๋ยน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
จากนั้นเขาเลื่อนสายตาไปยังสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดตรงหน้าด้วยความสงสัย
เขาหวนนึกคำพูดของเหมาฉง โดยบอกว่าหลินเพ่ยเสียโฉมจนหน้าตาน่าเกลียด
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันใด “คุณคือหลินเพ่ยสินะ คุณบอกกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนว่าผมไล่ตามคุณ ดังนั้นคุณเลยไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองคือหลินเพ่ยต่อหน้าอู๋เสี่ยวเจี๋ยน”
เขายืดคอไปพูดกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนในห้อง “อู๋เสี่ยวเจี๋ยน ตั้งแต่เรียนจบมัธยมต้น ผมก็ไม่เคยติดต่อหลินเพ่ยเลย นับประสาอะไรกับการไล่ตามหล่อน ทุกสิ่งอย่างที่หล่อนกล่าวอ้างว่าผมไล่ตามล้วนเป็นเรื่องโกหก ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อชี้แจงเรื่องราว คุณจะได้ไม่หลงกลหล่อนอีก หล่อนใช้อุบายเดียวกันนี้หลอกผมเมื่อตอนที่ยังเรียนด้วยกัน”
พูดจบเขาก็เดินจากไปทันที
หลงเหลือเพียงหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนภายในห้องพร้อมกับบรรยากาศแสนอึดอัด
หลินเพ่ยพยายามกลั้นน้ำตา ดวงตาแดงก่ำพลางกล่าวละล่ำละลัก “เสี่ยวอู๋ ฉันโกหกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ ไม่มีชายคนใดเข้าหาฉันเลยตั้งแต่ที่ฉันเสียโฉม ฉันกลัวว่าจะเสียคุณไปเช่นกัน ฉันเลยโกหกเรื่องพวกนั้นเพื่อรักษาคุณไว้”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนดึงหล่อนเข้ามากอดในอ้อมแขน “อย่าร้องไห้ไปเลย ผมไม่สนหรอก ขอแค่คุณมีผมอยู่ในใจก็เพียงพอ”
หลินเพ่ยลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย หล่อนรู้ว่าคนโง่เขลาแบบเขาจะต้องถูกหลอกง่ายดาย
เหมาฉงที่แอบฟังอยู่ด้านนอกพลันส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า
เขามั่นใจแล้วว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของหลินเพ่ย
ไม่ว่าหลินเพ่ยจะหลอกลวงเขาอย่างไร มันก็ไม่ได้ทำให้ความรักของเขาที่มีต่อหล่อนสั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
ในช่วงบ่าย เหมาฉงมาที่มหาวิทยาลัยชิงหวาโดยสวมหมวกแก๊ปและแว่นตาดำ
เขานำเทปและรูปถ่ายปึกหนึ่งใส่ซองมาให้หลินม่าย
หลินม่ายหยิบรูปถ่ายเหล่านั้นออกมาดู
พวกมันล้วนเป็นภาพถ่ายอนาจารของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและป้าฝูที่กำลังทำกิจกรรมบนเตียงอย่างเร่าร้อน
เธอนึกประหลาดใจ ทันทีที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการปล่อยตัวเมื่อวานนี้ เขาก็กลับไปประจบประแจงป้าฝูทันทีเชียวหรือ
เธอเม้มริมฝีปากเผยยิ้มบาง
เธอคิดถูกแล้วที่มอบกล้องถ่ายรูปแก่เหมาฉง เพื่อถ่ายรูปอนาจารของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและป้าฝู
แม้จะเป็นภาพจากมุมเดียว แต่มันก็มองเห็นได้ชัดเจนว่านักแสดงนำชายและหญิงในภาพเหล่านี้เป็นใคร
หลินม่ายหยิบเครื่องเล่นเทปขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเรียนภาษาอังกฤษออกมา ก่อนใส่เทปที่เหมาฉงมอบให้และกดปุ่มเล่น ทันใดนั้นเสียงไม่พึงประสงค์ก็ดังออกจากเครื่องทันที
หลินม่ายรีบกดปุ่มหยุดเล่นหลังจากฟังไปครึ่งนาที
เธอถือเทปและถามเหมาฉงด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณคงไม่ได้บันทึกเทปนี้ขณะที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงของพวกเขาใช่ไหม”
เหมาฉงพยักหน้า “มันถูกบันทึกขณะอยู่ใต้เตียงจริงๆ”
หลินม่ายรู้สึกแย่แทนเขาอยู่สามวินาที “มันเป็นเรื่องน่าลำบากใจสำหรับคุณจริงๆ ฉันจะมอบซองแดงซองใหญ่เป็นการล้างหูล้างตาให้คุณในภายหลังนะ”
เหมาฉงยิ้มด้วยความขบขัน
หลินม่ายถามย้ำ “คุณซ่อนมันอย่างดีใช่ไหม? แน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีใครพบมัน? แล้วร่องรอยของฉากถูกจัดการหมดแล้วใช่หรือไม่”
เหมาฉงยกมือทำท่า OK เป็นการยืนยัน
หลินม่ายถือภาพเหล่านี้ขณะบอกกล่าวแผนการ “คุณไปยังพื้นที่อยู่อาศัยของป้าฝู ใส่รูปเหล่านี้ลงซองและแอบวางไว้ที่ประตูชุมชน จากนั้นคุณออกไปได้ ส่วนเรื่องที่เหลือไม่ต้องห่วง”
เธอต้องการสร้างสถานการณ์ว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนปล่อยภาพถ่ายอนาจารของพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ และปล่อยให้เพื่อนบ้านของป้าฝูมาพบ
ด้วยวิธีนี้ ทุกคนในชุมชนจะรู้เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวระหว่างป้าฝูและอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและเธอเป็นศัตรูคู่อาฆาต มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะวางแผนกำจัดเขา
สำหรับป้าฝู มันเป็นความผิดของนางเอง
ใครบอกให้นางหลงใหลได้ปลื้มในตัวอู๋เสี่ยวเจี๋ยน กระทั่งวิ่งมาที่มหาวิทยาลัยแล้วยกมือชี้หน้าด่ากราดเธอในที่สาธารณะ ปล่อยให้เธอต้องเผชิญกับความเข้าใจผิดของเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกันล่ะ
เหมาฉงหยิบซองบรรจุรูปถ่ายอนาจารแล้วจากไป
เมื่อมาถึงหน้าประตูชุมชนที่ป้าฝูอาศัยอยู่ เขาก็จงใจทิ้งซองจดหมายลงพื้น
เขาเพิ่งเดินออกไปได้ไม่ถึง 10 เมตร ป้าใหญ่จากละแวกเดียวกันก็หยิบซองจดหมายขึ้นด้วยความอยากรู้
ป้าใหญ่คิดว่าตนคงมีโชคลาภเก็บซองใส่เงินได้แล้ว จึงออกอาการระริกระรี้มีความสุข
ทว่าเมื่อจับซองขึ้นมา นางก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด
ธนบัตรคงไม่ได้มีน้ำหนักมากขนาดนี้
ป้าใหญ่เปิดซองด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางหยิบรูปถ่ายปึกหนึ่งออกมาข้างนอก เพียงแค่กราดมองก็อ้าปากค้าง
เมื่อเห็นเพื่อนบ้านสองสามคนเดินอยู่ไม่ไกล นางจึงรีบชักชวนให้พวกเขามาดูรูปถ่ายอนาจารเหล่านี้
เพื่อนบ้านต่างแสดงสีหน้าเหยเกเมื่อได้เห็น
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ป้าฝูลังเลที่จะให้เสี่ยวอู๋ออกจากบ้าน ปรากฏว่าทั้งสองลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวนี่เอง”
“หญิงแก่คนนี้ช่างไร้ยางอายนัก อายุปูนนี้แล้ว แถมลูกสาวก็กำลังจะคลอดหลานชาย แต่หล่อนกลับทำเรื่องพวกนี้ได้ลง!”
“หากยังอยู่ในช่วงที่มีการปราบปรามรุนแรง ศาลคงตัดสินว่าหล่อนทำเรื่องอนาจารกับคนรุ่นลูก แล้วชีวิตของหล่อนจะตกต่ำจนถึงขีดสุด”
“ยังมีข่าวลืออีกว่าป้าฝูต้องยืมเงิน 10,000 หยวนจากครอบครัวมาให้เด็กหนุ่ม ดูเหมือนว่าหล่อนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มคนนั้นในทางที่ไม่ชัดเจนด้วยนะ…”
ป้าฝูไม่ได้รับรู้เลยว่าเรื่องอื้อฉาวระหว่างนางกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกเปิดเผยแล้ว และไม่รู้เลยว่าเพื่อนบ้านกำลังพูดถึงนางอย่างไร
นางติดหนี้ลูกสาวมากกว่า 1,000 หยวน จึงต้องหางานอื่นทำเพื่อชดใช้จำนวนเงินเหล่านั้น
นางมีอายุมากแล้ว ไม่สามารถหางานทำได้ง่ายดาย นอกจากจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือพนักงานสุขาภิบาลที่กวาดถนน
ป้าฝูไม่ชอบบริการคนอื่น นางจึงเลือกอาชีพกวาดถนน
เมื่อเพื่อนบ้านมาเห็น พวกเขาต่างก็เย้ยหยัน โดยบอกว่าเงินเดือนหลังเกษียณนางมีไม่น้อย แต่ยังต้องมากวาดถนนแบบนี้ นางหาเงินไปให้ใครกันแน่?
ป้าฝูเพียงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม โดยบอกว่านางอายุมากแล้ว จึงต้องขยับร่างกายบ้าง
การกวาดถนนไม่เพียงเป็นการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังทำเงินได้อีกด้วย เป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นพากันหัวเราะเยาะหลังได้ยินคำตอบดังกล่าว
ทุกคนรู้ดีว่าที่นางต้องมากวาดถนน ก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเด็กหนุ่มคนนั้น
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ข่าวใต้เตียงดาราที่แท้ทรู ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงจริงๆ มิน่าล่ะม่ายจื่อถึงบอกว่าเป็นงานที่ไม่ค่อยน่าทำ
ไหหม่า(海馬)