แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 858 การสะกดจิตครั้งที่สอง
ตอนที่ 858 การสะกดจิตครั้งที่สอง
ในที่สุดหลินเพ่ยก็ปรากฏตัวที่กว่างโจวหนึ่งวันก่อนวันปีใหม่
เป็นเรื่องบังเอิญขณะที่หล่อนกำลังขึ้นไปบนท่าเรือ หล่อนก็เหลือบเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่แสร้งทำเป็นคนพิการและขอทานอยู่ข้างถนน
หล่อนขมวดคิ้วมุ่นด้วยความขยะแขยง ผู้ชายคนนี้จะไปขอทานที่อื่นก็ไม่ไป กลับต้องมาขอทานอยู่ที่นี่!
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเลือกมาขอทานที่ท่าเรือก็เพื่อรอการกลับมาของหลินเพ่ย
แต่เขาไม่เคยล่วงรู้เลยว่า เพ่ยเพ่ยตัวน้อยที่แสนอ่อนโยนราวกับสายน้ำต่อหน้าเขา แท้จริงเกลียดชังเขามากขนาดไหน
สายตาของเขาสอดส่องมองไปทางผู้หญิงทุกคนที่ขึ้นจากเรือ
หลินเพ่ยหยิบแว่นตาออกจากกระเป๋าขึ้นมาสวมใส่ ก่อนเดินหลบไปรอบ ๆ เพราะเกรงว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะสังเกตเห็นหล่อน
แม้ว่าครั้งนี้หล่อนจะประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำศัลยกรรมที่ฮ่องกง และอู๋เสี่ยวเจี๋ยนยังไม่เคยเห็นใบหน้าที่งดงามของหล่อน ทว่ารูปร่างและกิริยาการเดินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะการทำศัลยกรรม
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคุ้นเคยกับหล่อนมาก หลินเพ่ยกลัวว่าเขาจะจำหล่อนได้และจะเข้ามารบกวนหล่อนอีกครั้ง
หล่อนไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้ว
หล่อนทำศัลยกรรมจนสวยขึ้น ชีวิตแสนวิเศษกำลังเข้ามาในไม่ช้า แล้วหล่อนจะลดตัวไปคลุกคลีกับสุนัขที่ไร้ประโยชน์อย่างเขาเพื่ออะไร?
แม้ว่าการสวมแว่นกันแดดจะไร้ประโยชน์ แต่ก็สามารถเสริมสร้างความกล้าได้กล้าเสีย
ขณะที่หลินเพ่ยกำลังกังวลว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะสังเกตเห็น ทันใดนั้นขอทานในท้องถิ่นหลายคนก็เดินตรงไปหาอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
ขอทานคนหนึ่งที่ดูเหมือนพี่ใหญ่ประจำถิ่นพลันเตะชามของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทันทีที่มาถึง
ชามโสโครกที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนใช้สำหรับขอทานถูกเตะกระเด็นออกไป กระทั่งแตกเป็นเศษซากอยู่บนพื้น
มีเหรียญไม่มากนัก และธนบัตรยับ ๆ อยู่ราวสองถึงสามใบหล่นกระจัดกระจาย
ขอทานสองถึงสามคนที่มาด้วยกันรีบก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา
ขอทานเจ้าถิ่นจ้องมองอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างดุเดือด “เมื่อวานแกจ่ายค่าคุ้มครองหรือยัง?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกล่าวเสียงสั่นเทา “ยะ… ยังไม่ได้จ่าย คะ… ค่าคุ้มครอง… พะ… เพราะผมไม่ได้เงินเลยเมื่อวานนี้~”
“บัดซบ! ไอ้สารเลวนี่หน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ แม้อยู่ต่อหน้าพี่เถี่ยก็ยังกล้าโกหก!”
พี่เถี่ยโบกมือให้กับลูกน้อง “จัดการมัน!”
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวชของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ดังก้อง
หลินเพ่ยฉวยโอกาสจากความวุ่นวายและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ เธอซื้อตั๋วรถไฟเพื่อไปยังเมือง H ในจังหวัด H
เหมาฉงแจ้งข่าวของหลินเพ่ยให้หลินม่ายทราบทันที
หลินม่ายได้ยินเหมาฉงพูดผ่านโทรศัพท์ว่า หลินเพ่ยขึ้นรถไฟเพื่อตรงไปยังเมือง H แล้ว
หลินม่ายรู้ว่าอีกฝ่ายทำศัลยกรรมพลาสติกสำเร็จแล้ว และต้องการยืมมือนายท่านฉุยเพื่อกำจัดตน
เพื่อที่จะสกัดกั้นหลินเพ่ย เธอต้องสะกดจิตหลินเพ่ยก่อนที่หล่อนจะได้พบกับนายท่านฉุย
แม้กำหนดคลอดจะเหลืออีกเพียงครึ่งเดือน หลินม่ายก็รอไม่ได้อีกต่อไป เธอกัดฟันและตัดสินใจออกเดินทางไปยังเมือง H
เธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับใครได้ เพราะพวกเขาจะต้องห้ามไม่ให้เธอไป
แต่เธอไม่ไปไม่ได้
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในกำจัดหลินเพ่ย เธอไม่ควรพลาดมัน
บังเอิญว่าวันนี้ไม่มีการสอบ หลินม่ายจึงขอลาหยุดกับปรึกษาโดยบอกว่าเธอไม่สบายเล็กน้อย และต้องการกลับไปพักผ่อนที่บ้านสักสองถึงสามวัน
หลินม่ายกำลังท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อเธอแจ้งว่าไม่ค่อยสบาย ที่ปรึกษาจะกล้าไม่อนุมัติให้เธอได้อย่างไร
แล้วยังถามด้วยความเป็นห่วงว่า เธอต้องการให้เขาพากลับบ้านหรือไม่
หลินม่ายโบกมือด้วยรอยยิ้มบอกปฏิเสธไป
เธอขับรถออกจากวิทยาลัยด้วยท่าทางเคร่งเครียด มองหาโรงแรมและจ่ายค่าจอดรถ ก่อนจะขึ้นรถไฟด่วนไปยังเมือง H โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
เธอไม่ได้กลัวว่าฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ จะรู้ เพราะพวกเขาคงคิดว่าเธออยู่ที่โรงเรียน
แต่เธอเปลี่ยนปลายทางมุ่งหน้าไปยังเมือง H โดยไม่ได้บอกความจริงกับใคร
ตั้งแต่ขึ้นรถไฟเพื่อไปยังเมือง H หลินเพ่ยก็มีความสุขมากจนหุบยิ้มไม่ได้
ตราบใดที่หล่อนสามารถติดต่อกับนายท่านฉุย ชีวิตของนังสุนัขตัวเมียหลินม่ายก็จะถึงวาระสุดท้าย
หลังจากผ่านไปกว่าสิบชั่วโมง รถไฟที่หลินเพ่ยนั่งก็มาถึงเมือง H ในที่สุด
หล่อนเดินตามฝูงชนลงรถไฟพลางคิดในใจว่าหลังออกจากสถานีรถไฟจะรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ทันใดนั้นมือใหญ่ก็ยื่นมาทางด้านหลังของหล่อน ก่อนที่ผ้าเช็ดหน้าจะปิดปากและจมูกของหลินเพ่ยแน่น
หล่อนต้องการร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผ้าเช็ดหน้าที่ปิดปากและจมูกมีกลิ่นแปลกประหลาด ทำให้หล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง
ทั้งร่างอ่อนปวกเปียกและสติเริ่มเลอะเลือน ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีแรงเหลือที่จะร้องขอความช่วยเหลือ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลินม่ายเดินทางมาถึงเมือง H
เมื่อลงจากรถไฟ เธอตรงไปยังสถานที่ที่เธอนัดหมายกับเหมาฉง ซึ่งเป็นโรงแรมชื่อว่าจาวไฉที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ
เหมาฉงได้ยินเสียงเคาะประตู เขาทำการยืนยันว่าใช่หลินม่ายหรือไม่ที่อยู่หน้าประตู ก่อนจะเปิดประตูให้กับเธอ
ทันทีที่หลินม่ายเข้ามาในห้อง เธอเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยงามนั่งนิ่งอยู่บนเตียงเหมือนศพเดินได้
เธอถามด้วยความประหลาดใจ “นี่คือหลินเพ่ยเหรอ? คุณไม่ได้จำคนผิดใช่ไหม?”
แม้ว่าหลินม่ายจะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ก็ยังตกตะลึงกับใบหน้างดงามโดดเด่นของหญิงสาวตรงหน้า
เหมาฉงหัวเราะเล็กน้อย “ผมจะจำผิดคนได้อย่างไรครับ? นังแพศยานี่ไปฮ่องกงเพื่อทำศัลยกรรมพลาสติก ซึ่งพี่เฟิงเป็นหูเป็นตาให้ตลอดเวลา ก่อนที่หล่อนจะกลับกว่างโจว พี่เฟิงสั่งลูกน้องให้ส่งรูปล่าสุดหลังทำศัลยกรรมของหลินเพ่ยมาให้ดู หากคุณกังวล ก็ลองถามดูสิว่าหล่อนคือหลินเพ่ยหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินม่ายจึงเดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าและทำการสะกดจิต
หลังซักถามสักครู่ เธอได้รับการยืนยันว่านี่คือหลินเพ่ยจริงๆ
หลินม่ายถอนหายใจ “การทำศัลยกรรมครั้งนี้ประสบความสำเร็จจริง ๆ ที่ทำให้ใบหน้าอัปลักษณ์ของหล่อนออกมาสวยขนาดนี้!”
ตอนนี้หลินเพ่ยมีใบหน้างดงามชวนตะลึงในเพียงแรกพบสบตา มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดึงดูดนายท่านฉุย
หลินม่ายทำการสะกดจิตหลินเพ่ยอีกครั้ง โดยฝังข้อมูลตลาดหุ้นไว้ในใจของหล่อน จากนั้นจึงบินกลับเมืองหลวงภายในวันเดียวกัน
หลังจากลงจากเครื่องบิน เธอขับรถกลับไปที่โรงเรียน ก่อนเห็นรถจี๊ปของฟางจั๋วหรานขับตรงมาทางโรงเรียนจากระยะไกล
หลินม่ายเหงื่อแตกพลั่ก รีบหมุนพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทางและเลี้ยวเข้าโรงเรียนด้วยประตูอื่น
เธอบีบแตรตลอดทางและใช้ทางลัด ในที่สุดก็มาถึงอาคารหอพักอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เธอลงจากรถ ฟางจั๋วหรานก็ขับรถจี๊ปเข้ามา
หลินม่ายแสร้งทำเป็นประหลาดใจและวิ่งไปหา “ที่รัก คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
ฟางจั๋วหรานถือกระติกน้ำร้อนลงจากรถ “คุณย่ากลัวว่าคุณจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากอาหารในโรงเรียน ดังนั้นท่านจึงขอให้น้าถูทำซุปปลาตะเพียนมาให้”
เขาเหลือบมองรถเบนซ์ของหลินม่าย “เมื่อกี้คุณขับรถออกไปเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” หลินม่ายพยักหน้า “มีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดใหม่ที่หน้าโรงเรียน ได้ยินว่าเนื้อไก่แดดเดียวของที่นั่นรสชาติอร่อยมาก ฉันเลยขับรถเพื่อไปลองกินค่ะ”
ฟางจั๋วหรานมองดูหญิงสาวพูดถึงของกิน ซึ่งดวงตาของเธอจะเปล่งประกายอย่างน่าพิศวง
เขายื่นกระติกน้ำร้อนในมือให้หลินม่าย “ยังพอดื่มซุปปลาตะเพียนเพิ่มได้อยู่ใช่ไหม?”
หลินม่ายรับมาด้วยรอยยิ้ม “ยังดื่มได้ค่ะ”
ทั้งสองเข้าไปนั่งในรถ หลินม่ายเปิดกระติกน้ำและดื่มซุปปลาตะเพียนต่อหน้าฟางจั๋วหราน
ปลาที่เธอชอบมีอยู่สามชนิดคือ ปลาอู่ชาง ปลาเตียวจือ และปลาตะเพียน เนื่องจากเนื้อของปลาสามชนิดนี้รสชาติอร่อยเป็นพิเศษ
ฟางจั๋วหรานรับกระติกน้ำร้อนที่ว่างเปล่ากลับมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะขับรถจี๊ปออกไป
เขาเคยกลัวว่าภรรยาจะกินมากเกินไปและขับถ่ายยาก แต่ตอนนี้เขากลับกลัวว่าเธอจะกินน้อยเกินไปจนน้ำหนักลด
หลินม่ายเฝ้าดูรถจี๊ปของฟางจั๋วหรานแล่นออกไป เธอพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ท้ายที่สุดเธอก็ปิดบังเรื่องนี้จากฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟางได้อยู่
ส่วนครูและเพื่อนร่วมชั้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงบอกว่าเธอกลับไปพักผ่อนหนึ่งวัน หลังจากรู้สึกดีขึ้นแล้ว จึงได้กลับมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า
ก่อนที่หลินม่ายจะออกจากโรงแรมจาวไฉ การสะกดจิตครั้งสุดท้ายที่เธอทำกับหลินเพ่ยคือการทำให้อีกฝ่ายนอนหลับ
เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาจากไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว และยังทำให้ข้อมูลที่ถูกสะกดจิตฝังลึกอยู่ในจิตใจของหลินเพ่ย
เมื่อหลินเพ่ยได้สติอีกครั้ง หล่อนก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น
โดยคิดแค่ว่าตัวเองได้จองห้องพักของโรงแรมนี้ไว้ และจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าถูกลักพาตัวมา
หลังจากที่ลุกออกจากเตียง หล่อนก็เริ่มแต่งตัวอย่างสวยงาม
จากนั้นลงไปเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม กินเกี๊ยวกะหล่ำปลีดองที่ร้านอาหารใกล้กับโรงแรม ก่อนลากกระเป๋าเดินทางไปยังถนนเจี้ยนเช่อ
ในชีวิตที่แล้วของหล่อน หล่อนทราบจากหนังสือพิมพ์ว่านายท่านฉุยชอบไปยังคณะร้องเต้นเย่ไหลเซียงบนถนนเจี้ยนเช่อเพื่อมองหานักเต้น
หล่อนต้องการไปที่นั่นเพื่อเข้าหานายท่านฉุย จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการตามแผนการให้สำเร็จ เพื่อทำให้นังแพศยาหลินม่ายตายตกโดยไม่เหลือแม้แต่ศพ!
หลินเพ่ยจินตนาการถึงภาพฉากอันน่าสยดสยองที่หลินม่ายถูกนายท่านฉุยฆ่า โดยที่หล่อนไม่ได้ตระหนักเลยว่ามีชายคนหนึ่งติดตามตนมาตลอดทาง
ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหมาฉง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลินม่ายก็ยังเป็นหลินม่าย จัดการยัยเพ่ยได้รวดเร็วไร้ร่องรอยราวกับไปแค่ปากซอย
ไหหม่า(海馬)