แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 859 ทารกที่น่าเกลียด
ตอนที่ 859 ทารกที่น่าเกลียด
วันเสาร์มีการสอบทั้งหมดสองครั้งและเป็นวิชาที่ยากมากทั้งคู่
เนื่องจากท้องของหลินม่ายใหญ่ขึ้น ไม่ต้องพูดถึงความง่วงเลย ความจำของเธอก็แย่ลงเช่นกัน และความคิดก็ไม่เฉียบคมเหมือนเมื่อก่อน
หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จึงใช้เวลาพักสมองนานนับสามปี
นอกจากนี้ การสะกดจิตหลินเพ่ยยังใช้พลังงานมากอีกด้วย
หลังกลับมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลินม่ายก็ทุ่มเทให้กับงานอย่างเข้มข้น จนไม่ได้พักผ่อนสะสมมานาน
การสอบทั้งสองวิชานี้ให้ผ่านจึงนับได้ว่าเกือบฆ่าเธอทั้งเป็น
ทันทีที่การสอบจบลง เธอก็ขับรถกลับบ้านอย่างกระสับกระส่าย
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เธอก็เข้าไปในห้องนอนและนอนสลบไสลอยู่บนเตียง
ฟางจั๋วหรานไม่เห็นเธอเมื่อเขากลับมาจากเลิกงาน ดังนั้นเขาจึงถามคุณปู่ฟางและคุณย่าว่าหลินม่ายกลับมาแล้วหรือไม่
หากเธอยังไม่กลับมา เขาจะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัย
โต้วโต้วชี้ไปทางห้องของพวกเขา “แม่กลับมาแล้วค่ะ แต่แม่เหนื่อยมาก แม่เลยกลับไปนอนที่ห้องค่ะ”
ฟางจั๋วหรานได้ยินดังนี้ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และเดินไปที่ห้องของพวกเขา
เขาเห็นหลินม่ายนอนอยู่บนเตียง จึงรีบเดินไปที่เตียงและตรวจวัดอุณหภูมิเธอ ปรากฏว่าปกติ เขาจึงรู้สึกโล่งใจและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเธอ
เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เคยเรียวผอมกลายเป็นกลมเล็กน้อย เขาก็รู้สึกว่าเธอน่ารักขึ้นมาก
เขาอดไม่ได้ที่จะจูบเธอสองสามครั้งจนทำให้เธอตื่นโดยไม่คาดคิด
หลินม่ายถาม “กี่โมงแล้ว?”
ก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะตอบ เสียงของโต้วโต้วก็ดังมาจากด้านนอกประตู “พ่อคะ แม่คะ อาหารเย็นพร้อมแล้ว!”
หลินม่ายตอบ “ตื่นแล้ว ๆ” ก่อนลุกขึ้นจากเตียง
ฟางจั๋วหรานหยิบเสื้อแจ็คเก็ตของเธอที่แขวนอยู่บนราวไม้มาสวมให้เธอ
ก่อนติดกระดุม หลินม่ายพูดอย่างเคร่งขรึม “พาฉันไปโรงพยาบาลเร็ว ฉันคิดว่าฉันกำลังจะคลอดแล้ว”
ฟางจั๋วหรานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ได้ ผมจะเรียกน้าถูให้มาช่วย”
แม้กำหนดคลอดของหลินม่ายจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมกราคม และตอนนี้เป็นเพียงวันที่ห้าของเดือนมกราคม มันก็ไม่ถือว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนด
ฟางจั๋วหรานรีบไปที่ห้องรับประทานอาหารและบอกคุณปู่ฟางว่าหลินม่ายกำลังจะคลอด
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ กำลังรอให้สามีภรรยามารับประทานอาหารเย็น พวกเขาทั้งหมดรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ทั้งครอบครัวรวมทั้งแม่บ้านและโต้วโต้วก็ไปโรงพยาบาล
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจหลินม่ายและพบว่าเธอกำลังจะคลอดจริง ๆ ดังนั้นจึงย้ายเธอไปยังห้องคลอด
ภรรยาของเขาอายุเพียงยี่สิบปีและกำลังจะคลอดลูก ฟางจั๋วหรานกลัวว่าเธอจะกลัว จึงอยากติดตามเธอไปในห้องด้วย แต่หลินม่ายซึ่งมีเหงื่อไหลซึมปฏิเสธอย่างหนักแน่น
ไม่มีผู้หญิงคนไหนดูดีระหว่างการคลอด และส่วนใหญ่จะมีใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
หลินม่ายไม่ต้องการให้ฟางจั๋วหรานเห็นรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของเธอ ซึ่งเขาก็ไม่อาจขัดขืนได้
ในท้ายที่สุด ฟางจั๋วหรานต้องยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องคลอด เฝ้าดูหลินม่ายถูกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์นำตัวไป
หลินม่ายตั้งครรภ์ลูกคนแรกและจะใช้เวลานานพอสมควรในการคลอด
คุณย่าฟางขอให้น้าถูกลับไปทำซุปปลาให้หลินม่ายดื่มหลังคลอดและพาโต้วโต้วกลับไปนอนด้วย
โต้วโต้วปฏิเสธที่จะจากไปและยืนกรานที่จะอยู่ต่อ
คุณย่าฟางเกลี้ยกล่อมอยู่นานจนหล่อนยอมกลับไปนอนก่อน
หลังจากที่น้าถูปรุงซุปปลาให้หลินม่ายแล้ว น้าถูก็จะตามไปเยี่ยมเธอด้วย
นับตั้งแต่หลินม่ายถูกผลักเข้าไปในห้องคลอด ฟางจั๋วหรานก็เริ่มเดินวนเป็นเสือติดจั่นอยู่นอกห้องคลอด
ไม่มีมาดนิ่งเฉยและไม่แยแสของศัลยแพทย์อีกต่อไป มีเพียงสามีที่คอยเป็นห่วงและกังวลใจต่อภรรยา
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเวียนหัวเพราะการเดินไปเดินมาของเขา จึงสั่งเขาให้หยุด แต่เขาก็ไม่ฟังและยังคงเดินอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งพ่อไป๋และคนอื่น ๆ มาถึงหลังจากได้ยินข่าว เขาก็ยังคงเดินไปมาไม่หยุด
คุณปู่ฟางมองเขาพร้อมเผยรอยยิ้ม เขาเดินวนได้หลายรอบโดยไม่เหนื่อย คงกังวลใจไม่น้อยเลย
ในช่วงที่เธอตั้งครรภ์ หลินม่ายยุ่งอยู่กับทั้งการเรียนและอาชีพของเธอ วิ่งวุ่นไปมาโดยไม่ได้พักผ่อนมากนัก
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยชิงหวายังมีขนาดใหญ่มาก เธอไปเรียนทุกวัน ไปที่ห้องเรียนนี้และห้องเรียนนั้น ทั้งหมดนี้ทำให้เธอออกกำลังกายจนแข็งแรง
เมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าหลินม่ายตัวสูงและมีสุขภาพที่ดี การรวมกันของปัจจัยเหล่านี้ทำให้ระยะเวลาที่เจ็บปวดของเธอในการคลอดสั้นลงอย่างมาก
หญิงตั้งครรภ์คนอื่น ๆ ใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงในการให้กำเนิดลูกคนแรก แต่หลินม่ายถูกพาตัวออกมาพร้อมกับทารกภายในห้าหรือหกชั่วโมง
ลูกของเธอเป็นทารกเพศชายหนักสามกิโลกรัมสองขีด ทั้งตัวแดงมีรอยย่นดูน่าเกลียด แต่ฟางจั๋วหรานกลับหลงรักทารกน้อยเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนก็เป็นลูกของเขาที่เกิดจากหลินม่าย ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะไม่รัก
หลินม่ายหมดแรงจนต้องนอนหลับตา
แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะรู้ว่าเธอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากการคลอดบุตร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง “ภรรยาของผมแข็งแรงดีใช่ไหมครับ?”
ผู้ที่ทำคลอดหลินม่ายเป็นแพทย์หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานของฟางจั๋วหราน
แพทย์หญิงยิ้มพร้อมตอบกลับ “หล่อนแข็งแรงดี แค่เหนื่อยเกินไป ภรรยาของคุณแข็งแรงมาก ไม่ได้พูดอะไรเลยในระหว่างกระบวนการทำคลอดทั้งหมด”
ในฐานะแพทย์ ฟางจั๋วหรานรู้ดีว่าการคลอดบุตรเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในโลก
ด้วยความเจ็บปวดเช่นนี้ทำให้หลินม่ายร้องไห้ออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด
เขาจึงตั้งใจว่าจะรักเธอให้มากยิ่งขึ้นและปรารถนาจะรักษาความเจ็บปวดทั้งกายและใจของเธอ
หลินม่ายหลับไปสามชั่วโมงเต็มก่อนจะตื่นขึ้น เมื่อตื่นขึ้นเธอก็อยากเห็นลูกของตน
ฟางจั๋วหรานอุ้มทารกขึ้นให้เธอดู “ลูกของเราน่ารักไหม?”
หลินม่ายยืดศีรษะมองทารกในอ้อมแขน สีหน้าฉายความประหลาดใจมาก ทารกออกจะน่าเกลียดขนาดนี้ แต่จั๋วหรานกลับยังบอกว่าน่ารัก
เขาโกหกได้อย่างไรกัน?
หลินม่ายถามอย่างระมัดระวัง “นี่… ไม่ใช่ลูกของเรา โรงพยาบาลนำมาผิดคนหรือเปล่า?”
คุณปู่ฟางยิ้มและตอบกลับ “เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำผิดพลาด เด็กถูกพาออกจากห้องคลอดพร้อมกับเธอ และไม่เคยละสายตาจากเราเลย”
หลินม่ายจ้องมองฟางจั๋วหรานและทารกไปมา “แต่ทำไมลูกถึงน่าเกลียดจัง ทั้งที่พ่อของเขาหล่อมาก”
คุณย่าฟางกลอกตาทันที “อย่าหาว่าเหลนของฉันน่าเกลียดนะ ฉันไม่อยากได้ยิน ฉันจะบอกให้นะว่าจั๋วหรานก็ดูไม่ดีเลยในตอนที่เพิ่งเกิด!”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมากและจ้องมองฟางจั๋วหรานอยู่พักหนึ่ง
ตอนเด็กขี้เหร่ แต่โตมาหล่อเหลาขึ้น ผู่ชายจะดูดีขึ้นตอนโตเป็นหนุ่มไม่ใช่เหรอ?
เมื่อเห็นหลินม่ายจ้องมองมาทางตน ฟางจั๋วหรานก็ไม่ได้ละสายตา
เขาแตะหัวเล็ก ๆ ของเธออย่างแผ่วเบา “เอาล่ะ พอได้แล้ว ลุกขึ้นไปกินซุปเถอะ”
เขาชี้ไปที่กระติกน้ำร้อนหลายใบบนโต๊ะข้างเตียงของเธอ “คุณควรดื่มซุปปลา ซุปไก่ดำใส่พุทรา หรือไม่ก็ซุปขาหมูกับถั่วลิสง…”
หลินม่ายฟังฟางจั๋วหรานสาธยายชื่อซุปจำนวนมากและกล่าวอย่างตกใจ “ทำไมคุณถึงปล่อยให้น้าถูทำซุปมาตั้งเยอะขนาดนี้คะ? นับประสาอะไรกับอาหารมื้อเดียว ต่อให้หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็ยังกินไม่หมดเลย”
คุณย่าฟางอธิบาย “ไม่ใช่จั๋วหรานที่ขอให้น้าถูทำซุปมากมายหรอก ครอบครัวเราทำแค่ซุปปลาตะเพียนใส่เต้าหู้เท่านั้นแหละ นอกนั้นเป็นซุปที่คนอื่นเอามาให้ เราจะช่วยหลานกินในช่วงหลายเดือนนี้นะ”
ตอนนั้นเองหลินม่ายจึงจำได้ว่าคุณปู่ฟางเป็นข้าราชการระดับสูงที่เกษียณแล้ว ดังนั้นเมื่อหลานสะใภ้ของเขามีลูก คนจำนวนมากจึงพากันมาเอาใจใส่
หลินม่ายชี้ไปที่กระติกน้ำร้อน “”ฉันขอดื่มซุปปลาใส่เต้าหู้ที่น้าถูทำค่ะ”
แม้ว่าน้าถูจะทำได้แค่อาหารบ้าน ๆ แต่หลินม่ายก็ชินกับรสมือของหล่อน
ฟางจั๋วหรานตักซุปปลามาชามใหญ่ พยุงหลินม่ายให้นั่งลงบนเตียงและป้อนอาหารให้เธอ พลางบอกเธอว่าอย่ากินปลา ให้กินเพียงน้ำซุป
เขากลัวว่าเธอจะกินปลาไม่ได้ เพราะปลาที่น้าถูนำไปตุ๋นเต็มไปด้วยก้าง
แต่หลินม่ายชอบกินปลา แม้ว่าจะมีก้างเยอะ เธอก็อยากจะกินมัน
ฟางจั๋วหรานเฝ้าดูเธอกินปลาด้วยความหวาดกลัว
โชคดีที่หลินม่ายเพิ่งคลอดลูก ความอยากอาหารของเธอจึงไม่ค่อยมากนัก ดังนั้นเธอจึงกินปลาเพียงตัวเดียว
แต่น้ำซุปก็หมดแล้ว เต้าหู้ในนั้นก็ถูกตักขึ้นมากินด้วย
หลังจากที่หลินม่ายรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็บ้วนปากด้วยน้ำอุ่นและหลับไปภายใต้การดูแลของฟางจั๋วหราน
ก่อนเข้านอน เธอขอให้ฟางจั๋วหรานแบ่งซุปไก่ดำใส่พุทราไว้ให้เธอดื่มในเช้าวันพรุ่งนี้ถ้วยหนึ่งเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย ส่วนที่เหลือนำไปให้บรรดาแม่ลูกอ่อนที่มีร่างกายอ่อนแอเพื่อไม่ให้เสียของเปล่า
คุณย่าฟางยืนกรานว่าจะยกซุปให้คนอื่นไปทั้งหมด หลังกลับถึงบ้านจะขอให้ให้น้าถูต้มซุปไก่ดำกับพุทราให้หลินม่ายในเช้าพรุ่งนี้
แม้หลินม่ายจะหลับไปแล้ว แต่ก็หลับไม่สนิท เธอตื่นทุก ๆ หนึ่งหรือสองชั่วโมงเพื่อดูว่าทารกหิวหรือไม่
แต่ทุกครั้งที่เธอตื่น เธอจะเห็นฟางจั๋วหรานนั่งอยู่ใต้โคมไฟ และอุ้มลูกชายของเธออยู่เสมอ
บางครั้งเขาก็ให้นมลูก และบางครั้งก็เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก โดยที่เธอไม่ต้องยุ่งเลย
ราวหกโมงเช้าของวันต่อมาฟางจั๋วหรานซึ่งไม่ได้นอนมาทั้งคืนยังคงตื่นเต้นที่จะได้เป็นพ่อคน
เขามองไปยังทารก จากนั้นจึงมองไปที่ภรรยา พลางรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
เขาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าเล็ก ๆ ที่อ่อนล้าของหลินม่ายแล้วสัมผัสใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกชาย
ในเวลานี้ ประตูวอร์ดที่ปิดไว้ครึ่งหนึ่งถูกผลักเปิดออกอย่างนุ่มนวล
ฟางจั๋วหรานคิดว่าเป็นน้าถูที่นำซุปไก่ดำมาให้
เขาหันไปมอง แต่กลับเห็นว่าเป็นแม่ไป๋
เขาไม่ได้เจอหล่อนมาเกือบปี แม่ไป๋เปลี่ยนไปมาก หล่อนดูชราขึ้นและมีผมหงอก
แต่จิตใจยังปกติดี กิริยาอาการเรียบร้อยสง่างามขึ้นมาก
ต่างจากวันที่หล่อนไล่ทุบตีไป๋ซวงในตอนนั้นที่ดูคล้ายแม่ค้าปากตลาดผู้ไร้มารยาท
แม่ไป๋ยิ้มอย่างเขินอายและถามด้วยเสียงต่ำ “ฉันขอเข้าไปพบม่ายจื่อและลูกได้ไหม?”
ราวกับกลัวว่าฟางจั๋วหรานจะปฏิเสธ หล่อนจึงรีบกล่าวเสริม “ฉันขอแค่มองเพียงครั้งเดียว แค่มองเพียงครั้งเดียว”
ฟางจั๋วหรานรู้ว่าหากหลินม่ายตื่นขึ้น เธอจะไม่ปล่อยให้แม่ไป๋เข้ามาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท ดังนั้นเขาจึงอนุญาตให้แม่ไป๋ดูและจากไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้รบกวนหลินม่ายและลูกชายของเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่อยากให้หล่อนมารบกวนภรรยาของเขา
ภรรยาจะต้องโกรธอย่างแน่นอนหากได้เห็นแม่ไป๋ ตอนนี้เธอยังไม่แข็งแรงดี จะทำให้เธอโกรธไม่ไดั
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าเล็กน้อยและเตือนแม่ไป๋ “ดูแล้วก็ไปนะครับ”
แม่ไป๋มีความสุขอย่างมาก หล่อนรีบไปที่เตียงของหลินม่าย มองดูแม่และลูกหลายครั้ง
จากนั้นหล่อนก็ยื่นกระติกน้ำร้อนให้ฟางจั๋วหราน “นี่คือซุปไก่ที่ฉันทำให้ม่ายจื่อ ช่วยรับไปให้หล่อนกินด้วยนะ แต่อย่าพูดว่าฉันทำมาให้นะ”
ฟางจั๋วหรานไม่ได้รับกระติกน้ำร้อนที่หล่อนมอบให้ และผลักกลับอย่างนุ่มนวล
เขาพูดกับหล่อนด้วยเสียงแผ่วเบานอกวอร์ด “คุณลั่ว ผมหวังว่าคุณจะหมายความตามที่คุณพูดว่ามาแค่ดูหน้าหลานและจากไป กรุณาทำตามที่พูดและอย่ามารบกวนเราอีกนะครับ”
แม่ไป๋ยังคงพยายามไม่หยุด “ฉันไม่รบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันแค่หวังว่าม่ายจื่อจะได้ชิมซุปไก่ที่ฉันทำเพื่อหล่อน”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ” ฟางจั๋วหรานยังคงปฏิเสธอย่างหนักแน่น
ก่อนชี้ไปยังน้าถูที่เดินมาหาพวกเขาพลางกล่าว “น้าถูของเรากำลังนำซุปไก่มาให้ม่ายจื่อแล้ว ม่ายจื่อไม่ขาดแคลนซุปหรอกครับ”
แม่ไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถือกระติกน้ำร้อนที่ยังมีน้ำซุปอยู่เต็มและจากไปอย่างเศร้าโศก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เด็กเกิดใหม่ก็น่าเกลียดตัวย่นแบบนี้แหละค่ะ ลองผ่านไปสักเดือนสองเดือนสิจะกลายเป็นน่ารักขึ้นมาเลย
แม่ไป๋ควรไปตามทางของตัวเองนะคะ ตัดแล้วก็คือตัดค่ะ
ไหหม่า(海馬)