แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 866 แขกลึกลับ
ตอนที่ 866 แขกลึกลับ
ฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟางกำลังอวดลูกน้อยของพวกเขาให้แขกได้ดู
เมื่อเห็นหลินม่ายกำลังมา คุณย่าฟางก็ยิ้มและโบกมือให้เธอ “ม่ายจื่อ มาอวยพรปีใหม่ให้กับผู้อาวุโสเหล่านี้สิ”
หลินม่ายเดินมาหาคุณย่าฟางด้วยรอยยิ้มระรื่น
คุณย่าฟางจับมือของเธอและอวยพรแขกทีละคน
หลินม่ายมีความประทับใจในแขกเหล่านั้น แต่กับบางคนเธอก็จำพวกเขาไม่ได้เลย
ผู้ที่เธอจำได้ดีคือแขกที่เข้าร่วมงานแต่งงานของเธอและแขกที่มาที่บ้านเมื่อเพื่ออวยพรปีใหม่ให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเมื่อปีที่แล้ว
แต่คนอื่น ๆ ที่เหลือล้วนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหลินม่าย
แขกเหล่านั้นหยิบซองสีแดงหนาออกมาจากกระเป๋าและส่งให้หลินม่าย
หลินม่ายแต่งงานแล้ว จะรับซองแดงจากแขกได้อย่างไร?
แม้เธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่เธอก็จะไม่รับซองแดงจากแขก
เธอกลัวว่าการรับอั่งเปาเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้กับคุณปู่ฟาง ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
คุณยายฟางก็ปฏิเสธเช่นกัน “ไม่จำเป็นต้องให้อั่งเปาหรอก ม่ายจื่อเป็นแม่คนแล้ว”
แขกทุกคนยิ้มพลางกล่าว “อั่งเปานี้ไม่ใช่สำหรับม่ายจื่อ แต่เป็นเงินนำโชคของลูกหล่อนน่ะ”
คุณย่าฟางกล่าว “หากเป็นของเด็กก็จงรวบรวมกันมาดีกว่า อั่งเปาของทุกคนหนาขนาดนี้ ไม่เกรงใจคนแก่อย่างเราเลยเหรอ?”
คุณย่าฟางพูดเช่นนี้ ใครจะกล้ายัดอั่งเปาใบใหญ่ใส่มือหลินม่าย แบบนี้ก็เท่ากับการจะตบก้นม้ากลายเป็นตบขาม้า(1)ไม่ใช่เหรอ?
แขกทุกคนทำตามความปรารถนาของคุณย่าฟาง นั่นคือมอบซองแดงนำโชคหลายสิบหยวนแก่เสี่ยวมู่ตง
หลินม่ายเก็บเงินให้เสี่ยวมู่ตงและอุ้มลูกกลับไปที่ห้อง
เขายังเด็กเกินไป อยู่ในที่แออัดนานเกินไปไม่ได้
ในห้องนั่งเล่น แขกทุกคนถามคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางว่าเมื่อใดพวกเขาจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เหลน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางชอบอวดเหลนของพวกเขามาก และพวกเขาวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อจะได้อวดเหลนอย่างมีความสุข
เนื่องจากวันนี้แขกมีจำนวนมาก หากต้องการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์จริงจะต้องจัดกี่โต๊ะ และจะต้องจัดโต๊ะละกี่คน?
หากจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในตอนนี้ก็คงไม่ดีแน่
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยิ้มพลางกล่าว “เราจะยังไม่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เราวางแผนที่จะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่สำหรับครอบครัวของเรา แค่เลี้ยงฉลองเล็ก ๆ เท่านั้น”
แขกหลายคนต่างแสดงความผิดหวัง
พวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากงานเลี้ยงต้อนรับเสี่ยวมู่ตงเพื่อมอบของขวัญมากมาย และสร้างความสัมพันธ์กับคุณปู่ฟาง
แต่คุณปู่ฟางเข้มงวดมากจนไม่แม้แต่จะจัดงานเลี้ยงให้กับเหลน
แขกบางคนไม่ยอมแพ้ พวกเขาถามคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางว่าจะจัดงานเลี้ยงร้อยวันให้เหลนหรือไม่
คุณย่าฟางหัวเราะพลางกล่าว “ในเมื่อเราไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเราจะจัดงานเลี้ยงครบร้อยวันไปทำไม?”
ทุกคนยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
แขกเหล่านี้มีไหวพริบดีมาก เมื่อเห็นว่ามีแขกจำนวนมากที่บ้านของปู่ฟางและคุณฟาง พวกเขาจึงนั่งพักสักครู่ พูดคุย และลุกขึ้นเพื่อจากไป
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดกล้าอยู่เพื่อรับประทานมื้อเที่ยงร่วมกับพวกเขา
ครอบครัวของเจ้าภาพไม่สามารถจัดการอาหารสำหรับคนจำนวนมากได้
แม้ว่าแขกจะหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย คนเก่าจากไปและคนใหม่ก็มา แต่เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเยียนพวกเขาเลย
สมาชิกหลายสิบคนของตระกูลฟางรับประทานอาหารกลางวันอย่างสงบ
อาหารที่พวกเขากินยังคงเป็นหม้อไฟ
แม้จะเป็นหม้อไฟอีกครั้ง แต่หลินม่ายก็ปรุงรสน้ำซุปของหม้อไฟได้ดี สามารถรับประทานร่วมกับเนื้อสัตว์และอาหารทะเลทุกชนิดได้แบบสบาย ๆ และทุกคนยังคงมีช่วงเวลาที่ดีในการรับประทานอาหาร
ทุกคนคุยกันระหว่างทานอาหาร
ว่ากันว่ามีแขกจำนวนมากมาในปีนี้ ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มาแสดงความเคารพ และฉวยโอกาสประจบประแจงคุณปู่ฟางโดยหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ หรือมีส่วนร่วมกับคุณปู่ฟาง แต่พวกเขาก็มีโอกาสที่จะทำทุกสิ่งในอนาคตได้ง่ายขึ้น
พี่น้องทั้งสามของฟางเว่ยกั๋วแค่นเสียงเย็นชาว่า คุณปู่ฟางไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับพวกเขาเลย นับประสาอะไรกับให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น!
คนเหล่านี้ล้วนมีความปรารถนาในใจกันทั้งนั้น
สิ่งที่คุณปู่ฟางเกลียดที่สุดคือคนที่กระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
เมื่อถึงเวลาบ่ายสอง แขกมากมายต่างมาอวยพรปีใหม่ไม่ขาดสาย
จนกระทั่งเวลาห้าหรือหกโมงเย็นก็ไม่มีแขกมาที่บ้านอีกเลย
วันนี้หลินม่ายรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการต้อนรับแขกอย่างมาก
หลังจากรับประทานอาหารในตอนกลางคืน หลินม่ายและสามีของเธอก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
หลินม่ายกำลังอุ้มลูกชายและให้นม ฟางจั๋วหรานยืนอยู่ข้างหลังเธอและบีบไหล่ของเธอ
เมื่อเห็นคางสองชั้นของเธอพับเข้าหากันและมองลงมาที่ลูกชายของเธออย่างตั้งใจ ไม่เพียงไม่น่าเกลียดเท่านั้น แต่ยังน่ารักมากอีกด้วย ฟางจั๋วหรานก็อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะจูบแก้มอันบอบบางของเธอ
ใครว่าผู้หญิงอ้วนหลังคลอดแล้วไม่สวย ไม่เห็นหรือว่าภรรยาของเขางดงามไร้ที่เปรียบ?
ฟางจั๋วหรานรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจับหน้าของหลินม่ายและจูบไม่หยุด ซึ่งหลินม่ายไม่สามารถผลักเขาออกไปได้
แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
หลินม่ายเพิ่งผ่านพ้นช่วงอยู่เดือนเมื่อไม่นานมานี้ ฟางจั๋วหรานไม่กล้าที่จะทำอะไรเธอ เขาต้องการรอจนกว่าร่างกายของเธอจะฟื้นตัวเต็มที่
หลังจากป้อนนมและวางลูกลงบนเปลแล้ว หลินม่ายก็นับเงินนำโชคที่แขกมอบให้พบว่ามีมากกว่าสองร้อยหยวน วันนี้มีแขกมากมายทีเดียว!
ก่อนรุ่งสางในวันรุ่งขึ้น เกล็ดหิมะก็ปลิวว่อนบนท้องฟ้า
หลังอาหารเช้า ฟางจั๋วหรานก็แต่งตัว หลินม่ายอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน แล้วครอบครัวทั้งสี่คนก็นำขับรถนำของขวัญไปอวยพรปีใหม่ให้กับพ่อไป๋
ขณะกำลังนั่งรถไป หลินม่ายเห็นว่าทังอี้กำลังก้มหน้าคอตกเดินท่อมๆ บนถนนโดยไม่กางร่ม ทำให้เกล็ดหิมะตกลงมาปกคลุมทั่วร่างกายของเขา
ช่างแตกต่างจากผู้คนเดินถนนมากมายที่มีแต่รอยยิ้มบนใบหน้าและของขวัญในมือ
แม้ทังอี้จะสวมเสื้อผ้าใหม่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินม่ายกลับรู้สึกว่าเขาโดดเดี่ยวและอ้างว้าง
ไม่นานรถก็แล่นมาถึงใกล้บ้านพ่อไป๋
ฟางจั๋วหรานที่กำลังขับรถถึงกับมองพยักเพยิด “นั่นใช่คุณนายไป๋หรือเปล่า?”
หลินม่ายที่กำลังมองดูทารกอยู่พลันเงยหน้าขึ้น และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถือร่มยืนอยู่ที่ประตูบ้านพ่อไป๋พลางกระทืบเท้าและมองมายังทิศทางของครอบครัวเธอ
ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่แม่ไป๋?
หลินม่ายขมวดคิ้ว หล่อนอยู่ที่นี่เพื่อรอครอบครัวสี่คนของเธอใช่หรือไม่?
เมื่อคิดว่าถูกแม่ไป๋รังควาน หลินม่ายก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
แม่ไป๋คงจำได้ว่ารถเมอร์เซเดส เบนซ์ที่กำลังจะมาถึงเป็นของหลินม่าย จึงซ่อนตัวเพื่อรอพบเธอ
จนกระทั่งฟางจั๋วหรานขับรถเข้าไปในลานบ้านของพ่อไป๋ แม่ไป๋ก็ไม่ได้ออกมารบกวนพวกเขา
แต่สิ่งที่สองสามีภรรยาของเขาไม่รู้ก็คือเมื่อประตูลานบ้านเปิดออก แม่ไป๋ก็วิ่งออกมาจากที่ซ่อนของหล่อน
หล่อนจ้องมองผ่านช่องประตูรั้วไปยังด้านหลังของหลินม่ายและสามีด้วยสายตาแรงกล้า
หล่อนอยากเจอหลานชายของหล่อนมากจริง ๆ!
ครอบครัวไป๋เหยียน พี่สาวคนโตมาแต่เช้า และทั้งครอบครัวก็แต่งตัวดี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดีแล้ว
เถียนเถียนมีอายุสองขวบกว่าแล้ว หล่อนไม่เพียงเดินคล่อง แต่ยังวิ่งได้ แม้จะยังไม่มั่นคงก็ตาม
เมื่อเห็นโต้วโต้ว เถียนเถียนก็วิ่งไปหาหล่อนด้วยขาสั้นทั้งสอง
โต้วโต้วพาหล่อนไปเล่นของเล่น และเจ้าตัวน้อยทั้งสองก็มีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน
คนอื่น ๆ ต่างมุงดูเสี่ยวมู่ตง
เสี่ยวมู่ตงนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน และเมื่อเขาได้ยินเสียงของทุกคนก็เพียงยกเปลือกตาขึ้นและปิดลงอีกครั้ง
พ่อไป๋และไป๋ลู่เข้าครัวเพื่อนำซุปไก่ออกมาหกชามสำหรับลูกสาวสองคนที่แต่งงานแล้ว ลูกเขยสองคน รวมถึงโต้วโต้วและเถียนเถียนคนละชาม
หลินม่ายไม่อยากดื่มซุปไก่เลย
แม้เธอจะมีความอยากอาหารมากขึ้นในระหว่างการให้นม แต่เธอก็กินปอเปี๊ยะทอดเป็นอาหารเช้าเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งเธอยังถูกคุณย่าฟางบังคับให้กินซี่โครงหมูและซุปรากบัวชามใหญ่ทำให้เธออิ่มจนท้องป่อง
หากต้องดื่มซุปไก่อีกครั้ง เธอจะต้องมีอาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยแน่นอน
เธอต้องการมอบซุปไก่นั้นให้กับไป๋ลู่
ไป๋ลู่โบกมือ “ฉันไม่ดื่ม ฉันเพิ่งกินเกี๊ยวจานใหญ่ไปเมื่อเช้านี้”
หลินม่ายต้องการให้ไป๋เซี่ยดื่ม
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นคนกินเก่ง ซุปไก่ชามนี้ไป๋เซี่ยจะต้องดื่มได้อย่างแน่นอน
หลินม่ายมองรอบห้องนั่งเล่นและพบว่าไป๋เซี่ยไม่อยู่บ้าน
เธอจำเป็นต้องกินซุปไก่ชามนี้ด้วยตัวเอง
เธอซดซุปไก่ไปสองสามคำแล้วเอ่ยถาม “ปีใหม่ทั้งทีทำไมพี่ชายไม่อยู่บ้านล่ะคะ?”
เพื่อให้สองสามีภรรยาได้รับประทานอาหารอย่างสะดวกสบายมากขึ้น พ่อไป๋จึงอุ้มเสี่ยวมู่ตงไว้ในอ้อมแขน
“พี่ชายของลูกบอกว่าจะพาแขกคนสำคัญมาที่บ้านของเราวันนี้ เขาออกไปรับแขกตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่กลับมาเลย”
หลินม่ายกล่าว “เราดื่มซุปไก่หมดแล้ว แขกที่มาจะดื่มอะไรล่ะคะ?”
พ่อไป๋กล่าว “พ่อทำซุปไก่สองหม้อ มีซุปไก่อีกหม้อหนึ่งไว้ต้อนรับแขก”
ไป๋เหยียนยื่นน่องไก่ให้เถียนเถียนพลางกล่าว “แขกคนสำคัญที่เซี่ยเซี่ยต้องการให้พากลับมาต้องเป็นแฟนเขาแน่เลยค่ะ”
พ่อไป๋พูดอย่างร่าเริง “พ่อก็คิดแบบนั้น”
ไป๋เซี่ยไม่เด็กอีกต่อไป เขาอายุยี่สิบห้าแล้ว ถึงเวลาพูดถึงเรื่องแฟนสาวแล้ว
ขณะที่ทุกคนดื่มซุปไก่เสร็จสิ้น เสียงเคาะประตูบ้านพร้อมกับเสียงของไป๋เซี่ยก็พลันดังขึ้น “พ่อครับ ผมพาแขกมาแล้ว!”
………………………………………………………………………………………………………………………..
(1) 拍马屁拍到了马腿 สำนวน หมายถึง คิดจะประจบประแจง แต่ประจบประแจงไม่ถูกทาง
สารจากผู้แปล
ทังอี้มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรือเปล่า ทะเลาะกับใครมา
แขกที่ว่านี่ใครกันน้า จะเป็นแฟนไป๋เซี่ยจริงหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)