แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 890 ไปฮ่องกงเพื่อตรวจสอบ
เผลอเพียงครู่เดียวก็ถึงวันแรงงานแล้ว
ในวันแรงงานนี้ ครอบครัวหลินม่ายได้จัดงานรื่นเริง
ทีมวิจัยที่นำโดยฟางจั๋วหรานประสบความสำเร็จในความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ในด้านศัลยกรรมด้วยการวิจัยในหัวข้อระดับไฮเอนด์ และพวกเขาก็ได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติอันดับ 1 ของวันแรงงานแห่งชาติ
เมื่อได้รับเหรียญแล้ว ทั้งครอบครัวก็ส่งต่อกันเหมือนเป็นมรดกตกทอดของครอบครัว
คุณปู่ฟางเอ่ยแสดงความยินดีอย่างมีความสุข
และขอให้น้าถูไปที่ร้านหลูไช่สาขาของหลินม่ายและซื้อเมนูตุ๋นต่าง ๆ จากนั้นขอให้หลินม่ายทำอาหารจานร้อนหลายเมนู
เขาเพลิดเพลินกับอาหารมากมายและดื่มไปไม่น้อย หลังจากเมาเต็มที่ก็กลับไปพักผ่อน
ขณะเดียวกันคุณย่าฟางก็ดุด่าเขาว่าเป็นเฒ่าขี้เมา กระนั้นยังดูแลทั้งคืนและช่วยเหลือเรื่องเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากวันแรงงาน หลินม่ายขออาจารย์ที่ปรึกษาลาหยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์เพื่อไปฮ่องกง
เธอจำเป็นต้องตรวจสอบดูงานอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งในฮ่องกง
เนื่องจากตั้งแต่ปีใหม่จนถึงตอนนี้ เธอยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอยู่เสมอ
อีกทั้งลูกยังเล็กเกินไป หลินม่ายต้องแยกจากลูกเป็นเวลาหลายวันเมื่อไปฮ่องกง ซึ่งเธอทนไม่ได้
ตอนนี้ลูกน้อยอายุได้เกือบสี่เดือนแล้ว น้าทัง ปู่ฟาง และย่าฟางมักจะช่วยเลี้ยงดู ดังนั้นทารกจึงไม่ค่อยติดเธอเป็นพิเศษ
หลินม่ายต้องแยกจากเขาสักสองถึงสามวัน และหวังว่าเขาจะไม่ร้องไห้
แม้ผลการเรียนของหลินม่ายจะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพักฟื้นร่างกายเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่อาจารย์ที่ปรึกษายังคงอนุญาตให้เธอหยุดเรียน
ในเช้าตรู่ของวันที่ 3 พฤษภาคม หลินม่ายเก็บกระเป๋าเดินทางอย่างเรียบง่าย ก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะขับรถไปส่งเธอที่สนามบินพร้อมกับมู่ตงตัวน้อยและโต้วโต้ว
มู่ตงยังเด็กเกินไปที่จะรู้ความ
เมื่อหลินม่ายผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัย เธอหันมาโบกมือลาพ่อลูก เด็กน้อยยังคงยิ้มกว้างและปล่อยให้พ่อจับมือโบกไปมา
เขารู้เพียงว่าหลังจากการลาครั้งนี้ เขาจะไม่ได้ดื่มนมแม่ไปอีกสองถึงสามวัน
โครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 โครงการของหลินม่ายในฮ่องกง ชั้นที่ 1 ถึง 5 เป็นร้านค้าทั้งหมด ซึ่งเป็นเพียงการเช่าและไม่ได้ขาย ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปเป็นอาคารพักอาศัย
นอกจากไม่ขายส่วนของร้านค้า หลินม่ายยังขอให้เฉินเฟิงเก็บส่วนที่พักที่ดีที่สุดไว้ให้เธอ 2 ชุด
ชุดหนึ่งสงวนไว้ให้ครอบครัวเธอยามเมื่อมาพักผ่อนที่ฮ่องกง ส่วนอีกชุดหนึ่งมอบให้เคอจื่อฉิง
ทันทีที่หลินม่ายมาถึงฮ่องกง เธอเดินทางตรงไปยังสำนักงานว่านทงกรุ๊ปสาขาฮ่องกง
พนักงานต้อนรับเป็นสาวท้องถิ่นจากฮ่องกง ซึ่งไม่เชื่อว่าหลินม่ายเป็นประธานบริษัทว่านทงกรุ๊ป
แม้ว่าสำนักงานว่านทงกรุ๊ปในฮ่องกงจะเป็นสาขาเล็ก ๆ แต่ประธานบริษัทควรต้องมีผู้ช่วยราวหนึ่งถึงสองคนเสมอ
แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาคนเดียว แถมลากกระเป๋าเดินทางมาด้วย
หลินม่ายไม่ได้พาเสิ่นเสี่ยวผิงมาด้วย เนื่องจากแม่ของเสิ่นเสี่ยวผิงป่วยกะทันหัน หล่อนจึงลาป่วยและกลับเมืองเจียงเฉิงเพื่อดูแลแม่
พนักงานต้อนรับมองหลินม่ายด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง ก่อนขอให้เธอนั่งรอที่โซฟาและยกกาแฟมาให้
หล่อนต่อสายหาฟ่านฉางคงผู้จัดการทั่วไปและบอกว่านางเอกภาพยนตร์วรรณกรรมไต้หวันเรื่องดอกแดนดิไลออนที่ปลายฟ้ามาที่สำนักงาน อ้างตัวว่าเธอเป็นประธานบริษัท เธอจึงต้องการถามเขาว่าจะจัดการอย่างไรดี
แม้ว่าพนักงานต้อนรับจะไม่รู้จักประธานบริษัทของตัวเอง แต่เธอเคยดูภาพยนตร์เรื่องดอกแดนดิไลออนที่ปลายฟ้า ดังนั้นจึงจำหลินม่ายในฐานะนักแสดงนำได้
ฟ่านฉางคงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ภาพยนตร์เรื่องดอกแดนดิไลออนที่ปลายฟ้านำแสดงโดยประธานหลินม่ายของพวกเขาจริง ๆ
เขาหันไปพูดกับผู้บริหารในที่ประชุมว่า “ประธานหลินอยู่ที่นี่ ขอให้การประชุมเลื่อนเป็นวันอื่น!” จากนั้นเขาทิ้งทุกคนและรีบตรงมาหาหลินม่าย
นับตั้งแต่เฉินเฟิงลาออกจากว่านทงกรุ๊ป เขาได้พาภรรยาและลูก ๆ ไปอยู่สหรัฐอเมริกาเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัว
แม้ลูกน้องของเฉินเฟิงจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาและอยู่ในฮ่องกงต่อไป แต่พวกเขาก็ปกป้องบริษัทว่านทงกรุ๊ปสาขาฮ่องกงอย่างขยันขันแข็งเพื่อหลินม่าย
แต่พวกเขามักมีความรู้สึกว่าเหมือนเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีใครเหลียวแล
ตอนนี้หลินม่ายมาหาพวกเขาอย่างกะทันหัน ไม่เพียงแค่ฟ่านฉางคงเท่านั้นที่ตื่นเต้น แต่พี่น้องคนอื่น ๆ ล้วนตื่นเต้นมากเช่นกัน
ทุกคนตามฟ่านฉางคงไปพบหลินม่าย
ทำให้เหลือผู้บริหารท้องถิ่นชาวฮ่องกงเพียงไม่กี่คนในห้องประชุม และทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ไม่นานพนักงานต้อนรับก็เห็นผู้จัดการฟ่านและกลุ่มพนักงานหลักจากบริษัทมาต้อนรับหลินม่าย
ใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากหล่อนละเลยหลินม่ายก่อนหน้า และผู้จัดการฟ่านคงจะต้องให้หล่อนรับผิดชอบ
แต่ฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ จะสนใจพนักงานตัวเล็กแบบเธอได้อย่างไร?
เมื่อพวกเขาเห็นหลินม่าย พวกเขาก็ดูราวกับได้พบกับสมาชิกขององค์กร เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น!
ฟ่านฉางคงชายหนุ่มอายุเกือบสามสิบปีน้ำตาแทบไหลนอง สิ่งแรกที่เขาพูดหลังจากเห็นหลินม่ายคือ “ประธานหลิน ในที่สุดคุณก็มาพบพวกเรา!”
พี่น้องคนอื่น ๆ ที่เฉินเฟิงทิ้งไว้ให้หลินม่ายแสดงออกราวกับญาติที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังห่างหายไปนาน แต่ละคนล้วนมีน้ำตาคลอเบ้า
หลินม่ายไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะตอบสนองรุนแรงขนาดนี้ และรู้สึกผิดในทันที
เธอพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยขณะอธิบาย “ฉะ… ฉันขอโทษจริง ๆ ลูกชายยังเด็กเกินไปและฉันไม่สามารถทิ้งเขามาได้ ดังนั้นเวลาจึงล่วงเลยมาถึงวันนี้กว่าฉันจะสามารถเดินทางมาหาทุกคน”
ทุกคนโบกมือกล่าวคำ “ไม่เป็นไรครับ พวกเราเข้าใจ ตั้งแต่พี่เฟิงจากไป พวกเราต่างก็รู้สึกเหมือนไม่มีผู้นำในหมู่มังกร จึงหวังว่าประธานหลินจะมาหาเราในสักวัน”
หลินม่ายรู้อยู่ในใจอยู่แล้วว่า ในแง่ของความสามารถ คนกลุ่มนี้รวมกันก็ยังไม่ดีเท่าเฉินเฟิงคนเดียว
มันไม่ง่ายเลยสำหรับเฉินเฟิงที่จะพัฒนาฝีมือในสายอาชีพและวางรากฐานในฮ่องกงเพื่อเธอ แทบไม่ต้องพูดถึงลูกน้องกลุ่มนี้
คนฮ่องกงในยุคนี้ดูถูกคนแผ่นดินใหญ่ ลูกน้องเฉินเฟิงไม่ได้รับการศึกษาสูงและพูดภาษาจีนกวางตุ้งได้ไม่ดีนัก มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยึดตลาดฮ่องกงไว้ได้
พวกเขาสูญเสียความสุขุมทันทีเมื่อได้เห็นเธอ ไม่เพียงเพราะมังกรไร้ผู้นำเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความยากลำบากและความเจ็บปวดในใจของพวกเขาด้วย
หลินม่ายพยายามปลอบทุกคนในสงบอารมณ์ลง และขอให้ฟ่านฉางคงจัดหาคนพาเธอไปยังห้องพักที่เคยขอไว้ เพื่อที่จะนำกระเป๋าเดินทางและสิ่งอื่น ๆ ไปเก็บ ก่อนออกไปตรวจสอบอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่ง
ฟ่านฉางคงโบกมือและพูดว่า “เราจะพาประธานหลินไปที่นั่นเองครับ จะให้คนอื่นพาไปได้อย่างไร!”
น้องชายคนอื่น ๆ พยักหน้าตามกัน
เธอรู้ว่าพวกเขาต้องการอยู่เคียงข้างเธอสักระยะ หลินม่ายจึงพยักหน้าตกลง
ทุกคนพาหลินม่ายไปยังอาคารไท่อันของเธอ
อาคารแห่งนี้มีทั้งหมด 30 ชั้น
ห้องพักที่หลินม่ายขอไว้ 2 ชุดสำหรับครอบครัวและเคอจื่อฉิงต่างก็อยู่บนชั้น 16 และห้องทั้งสองอยู่ตรงกันข้าม
หลินม่ายตรวจสอบดูห้องที่จะให้เคอจื่อฉิงก่อนเป็นอันดับแรก มันไม่เพียงถูกตกแต่งแล้ว แต่ยังย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้ามาพร้อมอยู่
เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นไปยังห้องที่จองไว้สำหรับตัวเธอเอง
มีการตกแต่งและมีเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องอย่างพร้อมเพรียงแล้วเช่นกัน
หลินม่ายวางกระเป๋าเดินทางและไปยังร้านค้าชั้นล่างพร้อมกับฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ
แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ชั้น 1 ถึง 5 ถูกเช่าหมดแล้ว
ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับของหลินม่ายล้วนมีเคาน์เตอร์พิเศษที่นี่ และยอดขายนับว่าไม่เลวเลย
ชั้น 4 เต็มไปด้วยร้านอาหาร และชั้นห้าเป็นส่วนของโรงหนังและห้องคาราโอเกะ
เมื่อเห็นว่ายังมีร้านค้าว่างมากมายบนชั้น 4 หลินม่ายบอกฟ่านฉางคงให้ติดต่อเจิ้งซวี่ตง เพื่อเปิดร้านสาขาของเปาห่าวชือเสี่ยวชือเตี้ยนและเหรินเจียนเยียนหั่ว
ให้ชาวฮ่องกงได้สัมผัสกับอาหารของแผ่นดินใหญ่
หลังจากเยี่ยมชมอาคารไท่อันแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน
หลินม่ายจองงานเลี้ยงในภัตตาคารที่มีชื่อเสียงในฮ่องกง เลี้ยงอาหารค่ำลูกน้องของเฉินเฟิงและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถึงการทำงานในฮ่องกง
ฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ ต่างก็บ่นว่าการใช้ชีวิตในฮ่องกงนั้นยากเกินไป!
คนฮ่องกงเหล่านั้นรวมตัวกันเพื่อรังแกชาวแผ่นดินใหญ่ แม้แต่พนักงานชาวฮ่องกงที่พวกเขาจ้างมาก็มีทัศนคติหยิ่งยโส รับเงินเดือนของบริษัทแต่กลับไม่ตั้งใจทำงานหรือทำเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ
หลินม่ายตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขารายงานและให้คำแนะนำทีละคน
ปล่อยให้ฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ ทำตามที่เธอบอก และอย่าฟังคำพูดของพนักงานฮ่องกงเหล่านั้น
นอกจากนี้ เธอยังสนับสนุนให้ฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ เรียนรู้เพิ่มเติมและยกระดับตนเอง
ความรู้คือพลัง ด้วยความรู้ที่เพิ่มขึ้น การจัดการบริษัทจะง่ายขึ้นตาม
ฟ่านฉางคงยิ้มขมขื่น “คุณคิดว่าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยหรือครับ? ตอนที่พี่เฟิงยังอยู่ที่นี่ เขาให้เราเข้าเรียนในโรงเรียนภาคค่ำ ไม่เพียงแต่เรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนกวางตุ้งเท่านั้น แต่ยังเรียนการจัดการทางการเงินด้วย มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากพี่เฟิงได้”
หลินม่ายขอบคุณพวกเขาสำหรับการทำงานหนัก และถามว่ามีห้องว่างอีกกี่ห้องที่ยังขายไม่ออกในอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่ง
ฟ่านฉางคงกล่าวว่า อสังหาริมทรัพย์ทั้งสองได้ทยอยขายในขณะที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงก่อนการขาย ถึงตอนนี้ขายเกือบหมดแล้ว
เวลานี้เหลือไม่ถึง 100 ชุดจากทั้งสองอาคาร
หลินม่ายขอให้เขาเลือกพี่น้องที่มีความสามารถ 12 คนและมอบห้องพักขนาด 100 ตร.ม. ให้แก่พวกเขาแต่ละคน
พี่น้องในระดับถัดไปจะได้รับโบนัสคนละ 10,000 หยวน
พี่น้องทุกคนต่างก็ตะลึง
ยุคสมัยนี้ราคาที่พักอาศัยในฮ่องกงมีราคาแพงจนน่าตกใจ
แต่หลินม่ายกลับยอมสละห้องพักขนาดใหญ่สำหรับแต่ละคน ซึ่งมันมากเกินไป
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ่านฉางคงก็พูดด้วยความกระวนกระวาย “ประธานหลินครับ พวกเราแค่บ่นถึงความขมขื่นในการใช้ชีวิตที่นี่ แต่เราไม่ได้คาดหวังจะขอรางวัลแต่อย่างใด~”
พี่น้องคนอื่น ๆ พยักหน้าบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการบ้านหลังนี้
หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณสมควรได้รับรางวัลเหล่านี้ คุณทำงานให้กับบริษัทมามาก และมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อคุณมีบ้านในฮ่องกงแล้ว คุณสามารถนำภรรยาและลูก ๆ มาอาศัยอยู่กับคุณได้ ต่อไปคุณสามารถพูดคุยกับภรรยาของคุณเกี่ยวกับความยากลำบากในการทำงาน มันอาจช่วยบรรเทาความกดดันให้น้อยลง”
หลินม่ายมีจุดประสงค์อื่นอยู่ในใจ
มูลค่าที่ฟ่านฉานคงและคนอื่น ๆ สร้างขึ้นสำหรับบริษัทนั้นคุ้มค่ากับการที่พวกเขาจะได้รับห้องชุด
ขวัญกำลังใจของพวกเขาอ่อนแอเกินไปในตอนนี้ และพวกเขาต้องการเธออย่างเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจของตัวเอง
เดิมทีลูกน้องของเฉินเฟิงได้รับความไว้วางใจจากเฉินเฟิงให้รับใช้หลินม่าย
หลังจากหลินม่ายมอบห้องชุดให้แต่ละคน พวกเขาจะภักดีต่อเธอมากขึ้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มาแบบเว่อร์วังอลังการสมฐานะประธานบริษัทมาก
คนจีนนี่บ้าซื้อบ้านกันจริงๆ ไปที่ไหนก็ต้องซื้อบ้านเอาไว้เป็นทรัพย์สิน
ไหหม่า(海馬)