แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 893 ถอนรากถอนโคนวัชพืช
ตอนที่ 893 ถอนรากถอนโคนวัชพืช
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ฟางจั๋วหรานอ่านประวัติทางการแพทย์ ภาพเอกซเรย์ และรายการตรวจร่างกายทั้งหมดของพี่หลง
จากนั้นพวกเขาก็ไปที่ห้องพิเศษของพี่หลง และบอกเขาว่าพวกเขามีความมั่นใจ 80% ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้
แต่มีข้อแม้ว่าพี่หลงต้องช่วยพวกเขาพาหลินม่ายจากเงื้อมมือของพี่เฉียง
พี่หลงมองฟางจั๋วหรานอย่างนึกขบขัน “คุณไม่มั่นใจเต็ม 100% ว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของผมได้ แต่คุณกลับมาเจรจาข้อตกลงกับผม หากคุณทำการผ่าตัดล้มเหลว ผมควรจะลงโทษคุณอย่างไรดี?”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างใจเย็น “บอกลูกน้องของคุณให้ฆ่าผมได้เลย”
พี่หลงครุ่นคิดเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ตกลงเห็นด้วยกับเงื่อนไขของฟางจั๋วหราน
แม้ว่าเขาจะไม่เป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่กระสุนที่ฝังอยู่ในกระดูกคอของเขาทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และรู้สึกว่าการมีชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
ในเมื่อมีความหวังถึง 80% ที่จะเอามันออกได้โดยไม่มีอาการอัมพาตที่ขา ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงโชค
แม้จะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ แต่ก็เป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อน หากไม่ระมัดระวัง อาจเกิดข้อผิดพลาดจนส่งผลให้มีอาการอัมพาตที่ขาได้
เพื่อให้แน่ใจว่าอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดจะเพิ่มขึ้น ฟางจั๋วหรานวางแผนงีบหลับเพื่อพักผ่อน และฟื้นพลังก่อนที่จะทำการผ่าตัดให้กับพี่หลง
แม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องของหลินม่าย แต่ฟางจั๋วหรานก็ฝืนตัวเองให้หลับ
หลังจากการผ่าตัดสำเร็จเท่านั้น จึงจะสามารถช่วยเหลือหลินม่ายได้
เก้าโมงเช้าวันรุ่งขึ้น พี่หลงถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด
เฉินเฟิงและภรรยารีบวิ่งตามมาที่โรงพยาบาลด้วยท่าทางเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ขณะที่ฟางจั๋วหรานอยู่ในห้องผ่าตัดนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว
นอกห้องผ่าตัด ภรรยาของพี่หลงและลูกน้องมากมายกำลังนั่งเรียงแถวรอฟังข่าวการผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ
แม้ว่าพี่หลงจะมีอายุเพียงสี่สิบปีเศษ แต่เขามีภรรยาทั้งหมดห้าคน รวมถึงภรรยาตามกฎหมายและผู้หญิงนอกสมรส และยังมีลูกอีกมากกว่าหนึ่งโหล
ภรรยาและลูก ๆ ของเขานั่งเรียงกันเป็นแถว ฉากนี้ค่อนข้างน่าตื่นเต้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีลูกน้องอีกหลายสิบคน ยิ่งทำให้น่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก
พื้นที่ทั้งหมดภายนอกห้องผ่าตัดเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเคร่งขรึมและความตึงเครียด พยาบาลและแพทย์ต่างเดินผ่านไปอย่างเงียบ ๆ กลั้นหายใจและพยายามลดการแสดงตนให้มากที่สุด
ไม่มีใครกล้าผ่านบริเวณนี้เลย ยกเว้นฟ่านฉางคงและพรรคพวกของเขาที่นั่งตรงข้ามเหล่าภรรยาและลูก ๆ ของพี่หลง
ทันทีที่เคอจื่อฉิงมาถึง หล่อนก็ถามฟ่านฉางคงว่าฟางจั๋วหรานได้เข้าไปในห้องผ่าตัดนานแค่ไหนแล้ว
“ราวหนึ่งชั่วโมงแล้วครับ” ฟ่านฉางคงถูมือด้วยความกังวล ก่อนมองไปทางห้องผ่าตัด “แต่มันผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ศาสตราจารย์ฟางกลับยังไม่ออกมา”
เฉินเฟิงเหลือบมองภรรยาและลูก ๆ ของพี่หลงรวมถึงเหล่าลูกน้องด้วยสีหน้าหนักใจ
เขาทำการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หากการผ่าตัดของฟางจั๋วหรานล้มเหลว เขาจะใช้บุญคุณที่พี่หลงมีต่อเขาเพื่อช่วยชีวิตหลินม่าย
เพราะเขารู้ว่าฟางจั๋วหรานก็มีความคิดแบบเดียวกัน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเป็นพิเศษ แต่ละนาทีรู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์
หลังผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
ลูกน้องของพี่หลง ภรรยา และลูก ๆ ของเขาต่างพากันวิ่งไปรุมล้อมหมอ พยาบาล และพี่หลง
ก่อนที่ทุกคนจะเห็นว่าพี่หลงหลับตานอนอยู่บนเตียงเงียบงัน โดยไม่มีการตอบสนองใด ๆ
ไม่มีผืนผ้าขาวคลุมทับ นั่นพิสูจน์ว่าเขายังไม่ตาย ทว่าไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่แน่ชัด
เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนก็หันไปถามฟางจั๋วหรานในทันที ว่าตอนนี้พี่หลงเป็นอย่างไรบ้าง
เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากของฟางจั๋วหราน เขาถอดหน้ากากออกและพูดอย่างใจเย็น “การผ่าตัดประสบความสำเร็จ พี่หลงจะไม่เป็นอัมพาตครับ”
ทุกคนส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
แต่รองหัวหน้ายินดีได้ไม่นาน ก่อนถามขึ้นว่า “เมื่อไหร่เขาจะฟื้นตัวเต็มที่?”
ฟางจั๋วหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “อย่างน้อยครึ่งปีครับ”
“งั้นก็รออีกครึ่งปีก่อน คุณค่อยออกจากฮ่องกง” รองหัวหน้าพูด
ฟางจั๋วหรานยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดสิ่งใด
เขามั่นใจว่าเมื่อพี่หลงตื่นขึ้น เขาจะต้องคืนอิสรภาพให้กับฟางจั๋วหรานแน่นอน
ฟ่านฉางคงถามฟางจั๋วหราน “คุณบอกว่ามันจะเป็นการผ่าตัดหนึ่งชั่วโมง แต่ทำไมถึงใช้เวลาถึงสองชั่วโมงล่ะ?”
ฟางจั๋วหรานอธิบาย “ตำแหน่งที่กระสุนเข้าไปฝังมันผ่ายากมาก ยากกว่าที่คุณเห็นในภาพยนตร์ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง”
เฉินเฟิงรู้สึกยินดีอยู่ในใจ ขอบคุณทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมของศาสตราจารย์ฟาง มิฉะนั้นการผ่าตัดคงจะล้มเหลวไปพร้อมกับชีวิตที่ดับสูญ
การผ่าตัดเสร็จสิ้นในช่วงเช้า และพี่หลงก็ตื่นขึ้นในตอนบ่าย
หลังจากตื่นขึ้นมา เขาพบว่าไม่มีอาการปวดกระดูกสันหลังส่วนคออีกต่อไป
ต่อมาเขาพบว่ามีอุปกรณ์ป้องกันหลังการผ่าตัดที่คอ
ถัดจากนั้นเขาก็พบว่ามือและเท้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ซึ่งพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เป็นอัมพาต
พี่หลงมีความสุขอย่างมาก เรียกรองหัวหน้าเข้ามาและขอให้เขาพาฟ่านฉานคงนำเงินค่าไถ่ไปให้พี่เฉียงเดี๋ยวนี้
รองหัวหน้าลังเลและพูดว่า “จะไม่รอให้พ้นช่วงอันตรายแล้วค่อยช่วยหลินม่ายหรือครับ? ระยะห้าถึงหกวันนี้ยังถือว่าอันตรายอยู่”
พี่หลงโบกมือ “ฉันรู้จักร่างกายของตัวเองดี ฉันไม่เป็นไร”
รองหัวหน้าออกจากวอร์ดและตะโกนใส่ฟ่านฉางคง “ฉันจะไปจัดการเรื่องอาเฉียงกับประธานของนายเอง ฉางคง มากับฉันพร้อมกับค่าไถ่”
ฟางจั๋วหราน เฉินเฟิง และภรรยาของเขาพูดพร้อมกัน “ผม/ฉันจะไปด้วย!”
ทันทีที่พูดจบ เฉินเฟิงหันมองเคอจื่อฉิง “คุณเป็นผู้หญิง จะไปด้วยทำไม?”
เคอจื่อฉิงกำหมัดแน่น “แน่นอนว่าฉันจะช่วยต่อสู้ในกรณีฉุกเฉิน!”
เฉินเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่คัดค้านอีกต่อไป
ไม่ใช่เพราะว่าหล่อนจะช่วยพวกเขาต่อสู้ในกรณีฉุกเฉิน
ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยความสามารถของเคอจื่อฉิง แต่เขากลัวว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลินม่าย หล่อนอาจตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน
แต่หากมีหล่อนอยู่ในสายตา เขาจะสบายใจมากขึ้น
ในท้ายที่สุด คนกลุ่มใหญ่พร้อมเงินค่าไถ่ติดตามรองหัวหน้าไปยังสถานที่ขอพี่เฉียงเพื่อทำการเจรจา
รองหัวหน้าพร้อมกับพรรคพวกประมาณร้อยคนปรากฏตัวต่อหน้าอาเฉียง เขากระแทกกล่องใส่เงินสดสิบล้านต่อหน้าเขาและเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกัน
อาเฉียงทำได้เพียงปล่อยตัวหลินม่ายอย่างเชื่อฟัง
แม้อาเฉียงจะไม่สนใจกฎของโลกใต้ดิน แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อหน้ารองหัวหน้าคนนี้ได้เนื่องจากอิทธิพลและความแข็งแกร่งของเขา
ลูกน้องอาเฉียงนำตัวหลินม่ายออกมา ฟางจั๋วหรานรีบวิ่งไปรับเธอในทันที
เขาไม่พูดอะไรและไม่ถามอะไร เพียงแค่สำรวจร่างกายหลินม่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นแขนและขาที่อยู่นอกเสื้อผ้าไม่มีร่องรอยฟกช้ำ เขาพลันโล่งใจและรีบพาเธอไปที่ด้านข้างของรองหัวหน้า
การทำธุรกรรมระหว่างทั้งสองฝ่ายจบลง และทุกคนก็แยกย้ายกันไป
จู่ ๆ พี่เฉียงก็หันหน้าไปทางฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ ก่อนใช้มือของเขาทำท่าเหมือนปืน และยกขึ้นยิงหัว
เขากัดฟันและพูดว่า “พวกแกนี่มันร้ายจริง ๆ ถึงกับกล้าเอาคนของพี่หลงมาทวงตัวประกัน!”
ฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ ล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากกลับมา พวกเขาตระหนักว่าอาเฉียงอาจยังคงคุกคามความปลอดภัยของหลินม่าย
ต่อให้หลินม่ายไม่มาที่ฮ่องกงในอนาคต แต่อาเฉียงยังคงเป็นภัยคุกคามต่อฟ่านฉางคงและคนอื่น ๆ
อาเฉียงอยู่ในโลกมืด ส่วนพวกเขาอยู่ในที่สว่าง
หากอาเฉียงต้องการลักพาตัวคนใดคนหนึ่งอีก มันอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน
แทนที่จะปล่อยไว้แบบนั้น จึงเป็นการดีกว่าที่จะถอนรากถอนโคนเสียให้สิ้น
คืนนั้น เฉินเฟิงและฟางจั๋วหรานพาลูกน้องราวสามคนแอบเข้าไปในห้องนอนของอาเฉียงโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ทำให้อีกฝ่ายหมดสติและพาเขาขึ้นเรือ แล่นออกไปจนถึงน่านน้ำของฮ่องกงที่รู้จักกันดีว่าเป็นดงฉลาม
จากนั้นไม่นาน อาเฉียงก็กลับมาได้สติ
เมื่อเห็นเฉินเฟิงและคนอื่น ๆ ยืนอยู่บนเรือ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงด้วยความตกใจ
เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ “พวกแกต้องการอะไร?”
เฉินเฟิงเตะศีรษะของเขาเต็มแรงจนล้มลงกระแทกพื้น ทำให้ใบหน้าของอาเฉียงเต็มไปด้วยเลือด
แต่คำพูดของเขากลับฟังดูอ่อนโยน “อย่าใจร้อนไปเลย เดี๋ยวแกก็รู้เองว่าเราต้องการอะไร”
สิ้นเสียง เขาก็โบกมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นลูกน้องที่มาด้วยกันก็มัดมือและเท้าของอาเฉียง
อาเฉียงตกใจกลัวจนดิ้นทุรนทุรายและร้องขอความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามในทะเลที่เงียบสงบในตอนกลางคืนซึ่งไม่มีแม้แต่วิญญาณให้เห็น ต่อให้เขาตะโกนดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้
ฟางจั๋วหรานหยิบมีดผ่าตัดออกมา กดศีรษะอาเฉียงลงและบังคับให้พิงขอบเรือ
จากนั้นเขาใช้มีดผ่าตัดกรีดลงที่คออีกฝ่ายแผ่วเบา เป็นเหตุให้หลอดเลือดแดงถูกตัดขาดกระทั่งเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดลงทะเล แต่ไม่มีสักหยดที่เปื้อนเรือ
ร่างกายอาเฉียงอ่อนแรงลงทันที เขาทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักเหมือนสำลักน้ำ ดวงตาฉายความตื่นตระหนกอย่างเหลือล้น
ลูกน้องคนหนึ่งของเฉินเฟิงผลักเขาลงทะเลไปอย่างง่ายดาย
ไม่ไกลกันนัก บางสิ่งก็แหวกว่ายตรงมา ทำให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่สาดกระเซ็น
ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าเป็นฉลามที่ได้กลิ่นคาวเลือด
พวกเขาจึงขับเรือออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟางจั๋วหรานมองย้อนกลับไปและเห็นว่าทะเลบริเวณที่อาเฉียงถูกโยนลงไปกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ดูเหมือนว่าฉลามหลายตัวกำลังรุมทึ้งกัดกินบางอย่าง
ฟางจั๋วหรานโยนมีดผ่าตัดในมือลงทะเล
แม้จะแน่ใจว่าอาเฉียงถูกฉลามกินไปแล้ว และมันจะไม่สาวมาถึงตัวพวกเขา
และถึงแม้อาเฉียงจะไม่ถูกฉลามกิน กระทั่งร่างของเขาถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งและถูกพบ ทว่าเขาก็ไม่ได้เกรงกลัว
อาเฉียงทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย และยังกล้าโจมตีแม้กระทั่งคนร่ำรวย
เมื่อตำรวจจับเขา เขามีท่าทางแข็งกร้าวกับตำรวจ ทำให้ตำรวจทั้งเกลียดและกลัวเขา
อาเฉียงตายแล้ว ตำรวจจะไม่ออกตามหาฆาตกรที่ฆ่าเขา แต่จะปรบมือให้เท่านั้น
จากนั้นพวกเขาคงรีบปิดคดีโดยอ้างว่าอีกฝ่ายมีศัตรูมากมาย และไม่อาจรู้ได้ว่าใครคือผู้ร้ายตัวจริง
แต่ฟางจั๋วหรานระมัดระวังอยู่เสมอ และจะไม่มีวันทิ้งเบาะแสใด ๆ ในการก่ออาชญากรรม ดังนั้นเขาจึงทิ้งมีดผ่าตัดที่ใช้ลงทะเล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมอเริ่มน่ากลัวแล้วแฮะ เผยด้านมืดออกมาแล้ว ใครมาแตะต้องม่ายจื่อ พี่เชือดทิ้งไม่เลี้ยงอะ
ไหหม่า(海馬)