แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 905 โทรศัพท์จากคุณยายหวัง
ตอนที่ 905 โทรศัพท์จากคุณยายหวัง
เมื่อเข้ามาในห้อง ฟางจั๋วเยวี่ยก็หยิบกระเป๋าที่อัดแน่นด้วยเอกสารออกจากกระเป๋าเดินทางและส่งให้กับหลินม่าย “นี่คือข้อมูลทั้งหมดของโรงงานทีวีเซิงซื่อ ในอนาคตโรงงานนี้จะถูกส่งให้กับพี่สะใภ้ของผม ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะครับ”
หลินม่ายเผยสีหน้าจริงจัง “นายยอมแพ้ก่อนจะไปปักกิ่งแล้วเหรอ? ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ยอมเอาของพวกนี้ออกจากเจียงเฉิงมาที่ปักกิ่งแน่”
ฟางจั๋วเยวี่ยยกยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ค่อยมีเวลาน่ะ อีกอย่างผมต้องการเดินทางไปทั่วโลก ผมไม่ค่อยได้เดินทางเลยตั้งแต่โตมา ดังนั้นโรงงานนี้ควรจะวางใจให้เป็นของพี่สะใภ้ดีกว่า”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ผ่าตัด พี่ชายของนายบอกว่ายิ่งผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งน้อยเท่านั้น อัตราความสำเร็จของการผ่าตัดก็จะสูงขึ้นด้วย และโอกาสฟื้นตัวก็จะมีมากขึ้นด้วยนะ โอกาสรอดก็สูงมาก ทำไมถึงไม่ลองเสี่ยงดู? นายจะมีอายุขัยจะยืนยาวขึ้น ไม่ใช่จบสิ้นแค่นี้!”
ฟางจั๋วเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวคำเบา “ผมไม่ได้อยากจะมีชีวิตยืนยาวหรอก อยากอยู่อีกสักสองสามปีก็พอ”
หลินม่ายได้ยินความคิดของเขาแล้วถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ไม่คิดรักชีวิตของตนเอง เธอจะไปปลุกความปรารถนาในใจเขาได้อย่างไร?
หวังเหวินฟางที่อยู่ด้านนอกถึงกับร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น
หล่อนกลัวว่าเสียงร้องไห้ของตัวเองจะดังเกินไป และทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยรู้ว่าตนแอบฟัง ทั้งหมดจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของหล่อนแน่นอน
เวลานี้หล่อนจึงปิดปากร้องไห้แล้ววิ่งไปที่ห้องของฟางเว่ยกั๋ว
ฟางเว่ยกั๋วอารมณ์เสียมากที่ฟางจั๋วเยวี่ยปฏิเสธที่จะเข้าผ่าตัด เขานั่งลงข้างหน้าต่างก่อนจะสูบบุหรี่ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เห็นว่าหวังเหวินฟางวิ่งเข้ามาพร้อมน้ำตานองหน้า ร่องรอยความเบื่อหน่ายยิ่งฉายชัดในแววตา แต่เขาก็ยังถามขึ้น “คุณเป็นอะไร?”
หวังเหวินฟางร้องไห้ก่อนจะบอกกล่าวทุกสิ่งที่ได้ยินกับฟางเว่ยกั๋ว
หล่อนเช็ดน้ำตาก่อนจะสะอื้นอย่างหนัก “ลูกชายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันควรจะทำยังไงดี?”
ใบหน้าของฟางเว่ยกั๋วเผยความเย็นชา “จั๋วเยวี่ยไม่อยากมีชีวิตอยู่ แล้วคุณจะมาร้องห่มร้องไห้ทำไม!”
หวังเหวินฟางกล่าวด้วยความโศกเศร้า “ฉันร้องไห้ทำไมน่ะเหรอ? เขาถึงกับเป็นมะเร็งตับเพราะดื่มกับลูกค้า และที่เขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างนี้ หลินม่ายไม่จำเป็นต้องถูกตำหนิหรือไง?! จั๋วเยวี่ยเป็นมะเร็งตับเพราะทำงานหนักเพื่อหล่อน!”
ฟางเว่ยกั๋วเห็นวิธีการที่อีกฝ่ายโยนความผิด ใบหน้าของเขายิ่งบิดเบี้ยว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า
“มันไม่ใช่เพราะคุณทำตัวเป็นไม้ไล่นกยวนยาง*เหรอ? จั๋วเยวี่ยเลยโศกเศร้าและสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง จากนั้นเขาเลยทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยไวน์พวกนั้นไม่ใช่เหรอ? เขาจะป่วยเป็นมะเร็งตับได้ยังไงถ้าเขาไม่ถูกจับแยกออกจากคนรัก? ต้นเหตุทั้งหมดคือคุณคนเดียว แต่ยังคิดโยนความผิดพวกนี้ให้กับม่ายจื่อ จั๋วเยวี่ยสละชีวิตของตัวเองเพื่อม่ายจื่อตั้งแต่เมื่อไหร่? โรงงานผลิตทีวีก็เป็นของเขา และม่ายจื่อก็เพิ่งลงทุนให้”
(* แยกสามีภรรยาหรือคู่รักที่รักใคร่กันดีให้ออกห่างจากกัน)
หวังเหวินฟางคิดโต้เถียงเพื่อปกป้องตัวเอง ทว่าริมฝีปากของหล่อนกลับไม่อาจขยับได้ดั่งใจนึก
เมื่อครุ่นคิดสักครู่ หล่อนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “แล้ว… ฉันควรทำยังไง? ฉันทนมองจั๋วเยวี่ยไม่รักษาตัวไม่ได้หรอกนะ”
ฟางเว่ยกั๋วอัดควันบุหรี่เข้าอีกหลายครั้ง “ให้ใครสักคนที่โน้มน้าวใจเขาได้มาพูดคุย บางทีเจ้าลูกชายอาจจะยอมใจอ่อนเพื่อรักษาอาการป่วยของเขา”
หวังเหวินฟางเงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตานองหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า “ใครกันล่ะจะเกลี้ยกล่อมจั๋วเยวี่ยได้?”
ฟางเว่ยกั๋วหรี่ตามองด้วยความเย็นชา “จนตอนนี้คุณยังไม่รู้อีกเหรอว่าใครคือคนโปรดของลูกชาย? นอกเหนือจากจั๋วหรานแล้ว คุณคิดว่าใครอีกที่สามารถบอกกล่าวให้ลูกชายเข้าผ่าตัดได้?”
หวังเหวินฟางถามออกมาด้วยความลังเล “คุณจะให้ฉันเรียกเสี่ยวเถามาโน้มน้าวจิตใจของจั๋วเยวี่ยเหรอ?”
“ไม่ยินดีงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของฟางเว่ยกั๋วยิ่งเย็นชา “ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับเสี่ยวเถาอีกงั้นเหรอ? อยากให้จั๋วเยวี่ยรักษาตัวจริงไหม?”
หวังเหวินฟางเริ่มกระสับกระส่าย “ฉันเคยขัดขวางไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันมาก่อน ถ้าเสี่ยวเถาได้อยู่กับจั๋วเยวี่ยจริง ๆ หล่อนจะโกรธฉันไหม?”
ฟางเว่ยกั๋วเห็นว่าฟางจั๋วเยวี่ยเป็นมะเร็งตับกำลังจะตาย แต่หวังเหวินฟางกลับเป็นกังวลเรื่องของตัวเอง สิ่งนี้ทำเขาหงุดหงิดมาก
เขาหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะพูดว่า “ถ้าคุณทำอย่างนั้นจริง ๆ ก็สมควรแล้วที่จะถูกกระทำบ้าง!” จากนั้นเขาเดินออกจากห้องพร้อมลงไปด้านล่าง
หวังเหวินฟางเดินตามมาอย่างรวดเร็ว และหยุดยืนที่ห้องนั่งเล่น
ในห้องนั่งเล่น หลินม่ายกับคุณปู่ฟางกำลังพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด
ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้น ทั้งคู่ก็หันมองฟางเว่ยกั๋วด้วยความสงสัย
ฟางเว่ยกั๋วนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว เขาหันไปหาคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก่อนจะพูดว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางถามพร้อมกัน “อะไร?”
ฟางเว่ยกั๋วหันมองหลินม่าย “ผมอยากขอให้ม่ายจื่อช่วยบอกให้เสี่ยวเถามาเกลี้ยกล่อมให้จั๋วเยวี่ยเข้ารับการผ่าตัด ผมเชื่อว่าตราบใดที่เสี่ยวเถายอมออกมาพูดด้วยตัวเอง จั๋วเยวี่ยจะยอมเข้ารับการผ่าตัดอย่างเชื่อฟังแน่นอน”
คุณย่าฟางหันมองหลินม่าย “ม่ายจื่อลองวิธีนี้แล้ว มันไร้ประโยชน์น่ะ”
ฟางเว่ยกั๋วประหลาดใจก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเถาไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย ไปลองตอนไหนเหรอ? หรือว่าเธอโทรหาเสี่ยวเถาแล้วถูกปฏิเสธ?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ฉันยังไม่ได้โทรหาเสี่ยวเถาเลยค่ะ ฉันแค่ถามจั๋วเยวี่ยว่าอยากโทรหาเสี่ยวเถาเพื่อพูดคุยกันสักหน่อยไหม จั๋วเยวี่ยโกรธมาก เขาบอกว่าไม่ต้องการให้ใครมาเห็นใจหรือสมเพชเขา แล้วเขาก็ยังบอกอีกว่าถ้าฉันโทรหาเสี่ยวเถา เขาจะหนีออกจากบ้าน”
ฟางเว่ยกั๋วถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ตอนบ่าย ฟางจั๋วหรานเลิกงาน หลังจากรับประทานมื้อเย็นแล้วฟางจั๋วเยวี่ยก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อพักผ่อน คุณย่าฟางและคนอื่น ๆ ยังพูดเรื่องที่ฟางจั๋วเยวี่ยปฏิเสธจะเข้ารับการผ่าตัดกับฟางจั๋วหรานอีกครั้ง
ทุกคนยกเว้นหลินม่ายเห็นตรงกันแล้วว่าฟางจั๋วเยวี่ยกลายเป็นคนไม่รักชีวิตตัวเอง เพียงเพราะถูกหวังเหวินฟางทำตัวเป็นไม้ตีนกยวนยาง
แม้หลินม่ายจะคิดอย่างนั้นด้วย แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกไป
เพราะเรื่องที่ฟางจั๋วเยวี่ยกำลังทรมานจากโรคมะเร็งตับ ควรจะตำหนิเธอด้วย จะไปโทษเพียงหวังเหวินฟางได้อย่างไร!
ปกติแล้ว ปมใดใครผูก ผู้นั้นจำต้องแก้เอง ตราบใดที่เถาจืออวิ๋นมาโน้มน้าวด้วยตัวเอง ฟางจั๋วเยวี่ยอาจจะมีกำลังใจในการมีชีวิตต่ออีกครั้งก็ได้
ทว่าเวลานี้ฟางจั๋วเยวี่ยกลับไม่ต้องการพบเจอเถาจืออวิ๋น เรื่องราวเลยยุ่งยากขึ้นมาทันที
ฟางจั๋วหรานครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะพูดกับหลินม่ายว่า “ลองโทรหาเสี่ยวเถาดูดีไหม? เราก็แค่แอบโทร บางทีจั๋วเยวี่ยอาจจะปากไม่ตรงกับใจ และเขาอาจจะยอมปฏิบัติตามแต่โดยดีหากได้พบเจอเสี่ยวเถา”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางกล่าวกระตุ้นให้หลินม่ายโทรหาเถาจืออวิ๋น
หลินม่ายพยักหน้ารับ เธอยืนขึ้นและจะขึ้นไปโทรหาเถาจืออวิ๋นข้างบน
ทว่าหวังเหวินฟางรีบหยุดเธอไว้อย่างรวดเร็ว “อย่าเรียกนังจิ้งจอกนั่นมานะ ถ้าหล่อนมาแล้วทำให้จั๋วเยวี่ยรำคาญแล้วหนีออกจากบ้านล่ะ?”
คุณย่าฟางเผยสีหน้าเข้มงวด “เธอเรียกใครว่านังจิ้งจอก? จืออวิ๋นดีกว่าเธอหลายเท่า! เธอนั่นแหละนังจิ้งจอก!”
หวังเหวินฟางสงสัยว่าหญิงชราคิดใช้โอกาสนี้เพื่อรื้อฟื้นอดีตของฟางเว่ยกั๋วที่เคยเกลี้ยกล่อมตน ใบหน้าพลันแดงก่ำขึ้นมา
ฟางจั๋วหรานหันมองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา “หรือคุณมีวิธีที่ดีกว่านี้ล่ะครับ?”
หวังเหวินฟางกลายเป็นพูดไม่ออก
หลินม่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันจะส่งคนติดตามจั๋วเยวี่ยไว้ ถ้าหากเขาหนีออกจากบ้าน คนที่ติดตามจะสามารถแจ้งข่าวกับเราได้โดยเร็ว และพวกเราจะสามารถตามเขากลับมาได้ค่ะ”
หวังเหวินฟางจึงพยักหน้าและยอมให้เถาจืออวิ๋นมาโน้มน้าวฟางจั๋วเยวี่ย
หล่อนเหลือบมองฟางจั๋วหรานก่อนจะลอบมองหลินม่าย
ฟางจั๋วหรานเป็นลูกเลี้ยงของหล่อน และหลินม่ายคือลูกสะใภ้ที่หล่อนเกลียดชัง
ทว่าลูกสะใภ้ที่หล่อนเกลียดคนนี้กลับปฏิบัติกับหล่อนดีกว่าลูกเลี้ยงเสียอีก!
หวังเหวินฟางรู้สึกประทับใจในตัวหลินม่ายขึ้นมาก
แต่ความรู้สึกของหลินม่ายที่มีต่อหล่อนไม่เคยเปลี่ยนไป เธอเพียงกล่าวกับหวังเหวินฟางด้วยความอ่อนโยน เพียงเพราะต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นคงและอย่าเข้ามาขัดขวางเถาจืออวิ๋นที่จะมาโน้มน้าวฟางจั๋วเยวี่ย
หลินม่ายไปที่ห้องของตนเองก่อนจะเริ่มโทรหาเถาจืออวิ๋น
เธอบอกเถาจืออวิ๋นทั้งหมดเกี่ยวกับสถานการณ์ของฟางจั๋วเยวี่ย และคำขอร้องจากคนในครอบครัว
หลินม่ายกล่าวขอโทษ “พี่เลิกกับน้องสามีฉันแล้ว แต่เรากลับมาขอให้พี่มาเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้ารับการผ่าตัด คำขอนี้ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ยังไงฉันต้องขอโทษด้วยนะ”
เถาจืออวิ๋นตอบตกลงอย่างง่ายดาย แต่หล่อนต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะออกเดินทางมาประเทศจีน
เพราะหล่อนต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อรับปริญญาบัตรก่อน อีกทั้งในสัปดาห์นี้ยังมีการแข่งขันแฟชั่นครั้งสำคัญให้เข้าร่วมด้วย เมื่อจบเรื่องนี้ หล่อนจึงจะบินกลับประเทศจีนทันที
ถึงน้องสามีของหล่อนะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด แต่เถาจืออวิ๋นก็ยังมีเรื่องต้องทำ และหลินม่ายก็ไม่กล้าที่จะเร่งรัด
ทันทีที่วางสาย เธอลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่เธอจะนั่งลงดี ๆ ทั้งคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างแย่งกันถาม “จืออวิ๋นยินดีหรือไม่?”
หลินม่ายพยักหน้า “เสี่ยวเถาไม่พูดอะไรเลยค่ะ หล่อนตอบตกลงทันที”
ใบหน้าของคุณย่าฟางเผยรอยยิ้ม “จืออวิ๋นเป็นเด็กดีจริง ๆ”
ฟางเว่ยกั๋วถามต่อว่า “แล้วเสี่ยวเถาจะมาถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่เหรอ?”
“อีกหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของหวังเหวินฟางถึงกับแปรเปลี่ยน กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ “ทำไมไม่มาเสียตั้งแต่พรุ่งนี้เลยล่ะ ต้องรออะไรตั้งหนึ่งสัปดาห์?”
หลินม่ายอธิบาย
หวังเหวินฟางเม้มปากด้วยความเย้ยหยัน “เป็นเพราะคนแซ่เถาไม่ได้รักจั๋วเยวี่ยมากพอ จั๋วเยวี่ยกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย แต่หล่อนก็ยังมีอารมณ์ที่จะรอใบรับรอง และยังเข้าร่วมการแข่งขันแฟชั่นก่อนจะเดนิทางกลับด้วย!”
คุณปู่ฟางรังเกียจหวังเหวินฟางมากจนตัวสั่น อีกฝ่ายเอาแต่เหน็บแนมคนอื่นแต่ไม่เคยสำรวจตนเอง เขาจึงกล่าวออกไปด้วยความขุ่นเคือง “เพราะเธอทำตัวเป็นไม้ตีนกยวนยางอยู่นั่นแหละ เวลานี้เสี่ยวเถายินยอมที่จะมาโดยลืมความคับข้องใจก่อนหน้า แต่เธอก็ยังพูดจาพล่อยไปเรื่อย ใครจะมาช้ามาเร็วแล้วมันยังไง!”
ใบหน้าของหวังเหวินฟางแดงขึ้นอีกครั้ง
อดีตพ่อแม่สามีไม่คิดช่วยเหลือเธอแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดุเธอต่อหน้าคนรักของฟางจั๋วหราน
เพราะคุณปู่ฟางโกรธจัด บรรยากาศกลายเป็นเงียบงันทันที
เวลานี้โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นดังขึ้น ทุกคนตื่นตระหนกพร้อมเพรียง
ทั้งหลินม่ายและหวังเหวินฟางนั่งอยู่ใกล้โทรศัพท์
คนหนึ่งนั่งทางฝั่งซ้าย คนหนึ่งนั่งทางฝั่งขวา
หวังเหวินฟางเป็นแขก และไม่ต้องรับโทรศัพท์
หลินม่ายหยิบโทรศัพท์ก่อนจะกล่าวรับ “สวัสดีค่ะ ฉันหลินม่าย”
ปลายสายเงียบไปสักครู่ก่อนจะมีเสียงหญิงชราแหบแห้งดังขึ้นมา “ขอสายหวังเหวินฟางหน่อย”
แม้หลินม่ายจะมีความทรงจำที่ดี แต่เธอก็ไม่สามารถจดจำทุกสิ่งได้
เธอรู้สึกว่าเสียงนี้ช่างดูคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใคร
แต่เมื่อเสียงนั้นบอกกล่าวว่าขอสายหวังเหวินฟาง หลินม่ายก็ดูเบอร์โทรศัพท์ทันที และพบว่าเป็นเสียงของคุณยายหวัง
คุณยายหวังต้องการพูดคุยกับหวังเหวินฟางอย่างเร่งด่วนกระมัง ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรเข้ามาที่บ้านอย่างนี้
หรือว่านางอาจจะเป็นห่วงอาการของฟางจั๋วเยวี่ย? เพราะอย่างไรฟางจั๋วเยวี่ยก็เป็นหลานชายของนางด้วย
หลินม่ายส่งโทรศัพท์ให้หวังเหวินฟาง “คุณยายของจั๋วเยวี่ยต้องการคุยกับคุณค่ะ”
หวังเหวินฟางรับสายด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเอามือปิดปากแล้วถามเสียงแผ่ว “แม่คะ โทรมาทำไมคะมีอะไรหรือเปล่า?”
อาจเพราะคุณยายหวังที่อยู่อีกฝั่งก็ลดเสียงลงด้วย หลินม่ายที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยสายตายอดเยี่ยมและหูฉับไวก็ยังไม่ได้ยิน
แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของคุณยายหวังแล้ว หวังเหวินฟางกล่าวออกอย่างไม่อดกลั้น “แม่ก็บอกให้เขาพูดกับคนพวกนั้นสิคะ หลังจากฉันกลับไปแล้วฉันจะไปแก้ไขปัญหาให้ ตอนนี้ให้พวกเขาออกไปก่อน”
คุณยายหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่”
หวังเหวินฟางคิดสักครู่ก่อนจะตอบว่า “ครึ่งเดือนค่ะ”
หลินม่าย คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ ถึงกับสับสน
แม้จะไม่รู้ว่าคุณยายหวังอีกฝั่งจะพูดอะไร แต่เมื่อฟังจากสิ่งที่หวังเหวินฟางพูดแล้ว ทั้งแม่และลูกสาวคู่นี้ไม่ได้พูดถึงอาการป่วยของฟางจั๋วเยวี่ยแน่นอน
ดูเหมือนว่าสองแม่ลูกคู่นี้กำลังมีปัญหา
แต่หลินม่ายและคนอื่น ๆ ไม่สนใจ แน่นอนว่าไม่มีใครคิดสนใจเรื่องของหล่อน
เวลานี้หวังเหวินฟางยิ่งอับอายมาก ภาวนาในใจว่าขออย่ามีใครสนใจเรื่องของหล่อนเลย
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องมันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าคุณแม่ไม่แยกคู่รักให้เลิกกัน
บ้านหวังมีปัญหาอะไรหนอ อยากรู้เลย
ไหหม่า(海馬)