แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 924 ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
ตอนที่ 924 ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
ตอนที่ 924 ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
หลินม่ายนึกถึงผ้าแคชเมียร์และขนแกะชุดหนึ่งที่กำลังจะมาถึง
แม้ห้องเสื้อจิ่นซิ่วต้องการที่จะสร้างโรงงานทอผ้าเป็นของตัวเอง แต่เธอก็ไม่สามารถสร้างมันได้ในข้ามคืน ไม่ว่าจะเร่งแค่ไหนก็จำเป็นต้องใช้เวลากว่าหนึ่งเดือน
เป็นการดีหากจะส่งมอบผ้าแคชเมียร์และขนแกะให้กับเถ้าแก่เฉา ก่อนจะให้เขาเอาไปทอเป็นผ้าขนแกะคุณภาพสูง
ไม่จำเป็นต้องซื้อผ้าขนสัตว์ราคาสูงในตลาด และกำไรจากการผลิตเสื้อผ้าเองก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
แต่เวลานี้หลินม่ายกำลังมีปัญหา
ถ้าหากหลินม่ายต้องการเปิดโรงงานทอผ้าของตัวเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะร่วมการค้ากับเถ้าแก่เฉาในระยะยาว
หากเธอยอมร่วมมือกับเขาในคราวนี้ และในอนาคตหยุดความร่วมมือ มันจะทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกว่าเธอหลอกใช้เถ้าแก่เฉา
การบอกเล่าปากต่อปากของนักธุรกิจสำคัญมาก หากพูดแบบปากต่อปากกันไม่ดี จะไม่มีใครอยากทำธุรกิจร่วมกับคุณ
หลินม่ายพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “การร่วมมือกันห้องเสื้อจิ่นซิ่วต่อไปไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะคะ แต่เราจะร่วมการค้ากันในระยะสั้นเท่านั้น หากเป็นระยะยาวคงจะไม่ได้แล้ว นอกจากนี้จะต้องวางเงินมัดจำเพื่อรับประกันคุณภาพสินค้าด้วยค่ะ”
เถ้าแก่เฉาได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดท้อใจ
เขาคิดกับตนเองว่าหากเขากระทำให้ดีในระยะสั้น หลินม่ายก็ควรจะยอมใจอ่อนและกลับมาร่วมการค้ากับเขาอีกครั้ง
เพราะเธอบอกว่าเพียงไม่ต้องการร่วมมือกับเขาในระยะยาว นั่นหมายความว่าเธอไม่ไว้ใจเขาเท่านั้น
แล้วใครบอกให้เขาไปรับผ้าขนสัตว์และผ้าแคชเมียร์ที่เธอหาให้ แต่กลับผลิตไม่ตรงตามเงื่อนไข?
จึงไม่แปลกที่หลินม่ายจะไม่ไว้ใจเขาเช่นเดิม
เถ้าแก่เฉาตอบตกลงเงื่อนไขของหลินม่ายทันที
หลินม่ายขอให้เขาไปเซ็นสัญญากับเหรินเป่าจูซึ่งเป็นผู้อำนวยการห้องเสื้อจิ่นซิ่วที่เมืองเจียงเฉิง
เถ้าแก่เฉากล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง ก่อนจะกลับออกไปอย่างมีความสุข
เมื่อหลินม่ายกลับมาถึงบ้าน น้าถูก็เตรียมมื้อเย็นไว้รอแล้ว
หลินม่ายเพิ่มเนื้อจามรีทอดลงไปในเมนู
ในครอบครัวนี้ไม่มีใครเคยกินเนื้อจามรีเลย
เนื้อจามรีทอดกลายเป็นอาหารที่ทุกคนอยากลิ้มรสทันทีที่ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ
ตะเกียบของทุกคนต่างยื่นมาที่จานนี้
เนื้อที่หลินม่ายทำทั้งอร่อย นุ่ม หอมและถูกใจทุกคนภายในครอบครัวมาก
มีเพียงเสี่ยวมู่ตงเท่านั้นที่ตัวเล็กเกินไปจึงไม่สามารถเอื้อมถึงจานเนื้อนี้ได้
หลินม่ายตัดชิ้นเนื้อจามรีใส่ชามเล็กให้เขา และให้เขากินมันด้วยช้อนเล็กในมือ
เจ้าตัวเล็กกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากมื้อเย็นจบลงแล้ว หลินม่ายก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อโทรหาเหรินเป่าจู บอกกล่าวเรื่องที่จะเซ็นสัญญาระยะสั้นกับเถ้าแก่เฉา
ถ้าเถ้าแก่เฉาไปที่เมืองเจียงเฉิงเพื่อเซ็นสัญญา ก็ทำสัญญากับเขาได้เลย
เหรินเป่าจูถามอย่างกังวล “ไม่เซ็นได้ไหมคะ?”
หลินม่ายถามอย่างสับสน “ทำไมล่ะ?”
“วันนี้ผู้จัดการจากโรงงานปักกิ่งยินดีจะขายผ้าคุณภาพสูงจำนวนหนึ่งให้กับเราในราคามิตรภาพ ฉันเห็นว่าตัวอย่างที่เขาเอามาให้ดูคือคุณภาพก็นับว่าใช้ได้เลยค่ะ เพราะเนื้อผ้ามีคุณภาพสูงมากและราคายังดีมากด้วย เราจึงไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับเถ้าแก่เฉา”
หล่อนรู้สึกเกลียดชังเถ้าแก่เฉาอยู่แล้ว และถ้าอีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์ หล่อนก็ไม่ต้องการร่วมงานกับเขาอีก
ในใจของหลินม่ายเต้นรัว เธอถามว่า “ผู้อำนวยการโรงงานที่ติดต่อเธอไป เป็นผู้อำนวยการโรงงานฝ้ายแห่งชาติหมายเลข 3 ในเมืองหลวงหรือเปล่าคะ?”
เหรินเป่าจูตกใจก่อนจะถามต่อว่า “คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
“เขามาหาฉันเหมือนกัน แต่ฉันปฏิเสธ ไม่คิดว่าเขาจะไปหาเธอด้วย”
เหรินเป่าจูรีบถาม “ทำไมถึงปฏิเสธเขาล่ะคะ?”
หลินม่ายตอบกลับว่า “ฉันรู้สึกว่าเขาโกหกน่ะ”
เหรินเป่าจูหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบอยู่อีกฝั่งของปลายสาย “โชคดีที่วันนี้คุณโทรหาฉันก่อน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันคงตอบตกลงเซ็นสัญญากับเขาแล้ว คงจะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว”
หลินม่ายไม่คิดว่าผู้อำนวยการฉีจะมุ่งไปที่ร้านของเหรินเป่าจูเพื่อขายผ้าของตัวเอง
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนขี้โกง
ผ้าราคาถูกขนาดนี้ และสวยขนาดนี้ แต่ทำไมถึงขายไม่ออก? จนต้องมาขายให้กับเธอ
หลินม่ายรู้สึกว่าเรื่องนี้สมควรจบได้แล้ว
ไม่กี่วันต่อมา ผู้อำนวยการฉีมาพบเธออีกครั้ง
เมื่อได้พบกับหลินม่าย เขาถามว่าต้องการผ้าแคชเมียร์ที่โรงงานของเขาไหม? ถ้าหากไม่ต้องการ เขาจะนำมันไปขายให้คนอื่นแล้ว
หลินม่ายตอบกลับ “ไม่ค่ะ ขายให้คนอื่นได้เลย”
และนับตั้งแต่วันนั้น ผู้อำนวยการฉีก็ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าหลินม่ายอีกเลย
เฉาชุนไฉและห้องเสื้อจิ่นซิ่วร่วมมือกันอีกครั้ง และผ้าที่ผลิตออกมาทั้งหมดก็ตรงตามมาตราฐาน
นับตั้งแต่เปิดตัวผ้าแคชเมียร์และผ้าขนสัตว์ ยอดขายของห้องเสื้อจิ่นซิ่วที่ลดลงกลับมาพุ่งกระฉูดขึ้นอีกครั้ง
ต่อมา หลินม่ายได้ยินว่าผ้าแคชเมียร์ราคาเท่ากะหล่ำปลีของผู้อำนวยการฉีทั้งหมดถูกซื้อโดยห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
และจู่ ๆ ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าก็เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูร้อน ไลน์อัพอันน่าตระการตาปรากฏสู่สาธารณะชน
พวกเขากระหน่ำซื้อโฆษณาในช่วงไพร์มไทม์ และจัดแสดงการเดินแบบโดยนางแบบระดับประเทศ…
หลินม่ายเคยเห็นเสื้อผ้าทั้งหมดของห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าแล้ว
อีกทั้งนักธุรกิจใหญ่ในเมืองหลวงต่างก็เข้าร่วม รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เป็นเรื่องปกติมากที่เสื้อผ้าแบรนด์ใหม่จะเปิดตัวในตลาด
แต่ปัญหาก็คือ เมื่อห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าเปิดตัวสู่สาธารณะชน พวกเขาตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับห้องเสื้อจิ่นซิ่วทันที
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของพวกเขาเหมือนกันกับห้องเสื้อจิ่นซิ่ว และสไตล์การออกแบบก็ยังใกล้เคียงกับห้องเสื้อจิ่นซิ่วมากด้วย
แล้วหากห้องเสื้อจิ่นซิ่วเปิดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าก็จะทำตามอย่างรวดเร็ว และโปรโมชั่นของพวกเขาก็ดุเดือดยิ่งกว่าห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
สุดท้ายแล้วห้องเสื้อจิ่นซิ่วก็ค่อนข้างยืนหยัดอย่างมั่นคงในตลาดภายในประเทศมานาน และยังคงเป็นแบรนด์ชั้นนำของธุรกิจเสื้อผ้า
แต่ผลกระทบจากห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าที่มีต่อห้องเสื้อจิ่นซิ่วนั้นไม่เล็กน้อยเลย
หลินม่ายส่งใครบางคนไปตรวจสอบรายละเอียดของผู้นำห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า
พบว่าเป็นหลานสาวของชายชราคนหนึ่งที่เป็นทหารผ่านศึกพลีชีพในสนามรบ หลังจากเรียนออกแบบแฟชั่นในประเทศเกาะนานหลายปี หล่อนจึงกลับมาเปิดบริษัทห้องเสื้อด้วยการกู้เงิน
ว่ากันว่าหลานสาวคนนี้แซ่อวี่ ชื่อเต็มของเธอคืออวี่กั๋วหง นี่คือชื่อที่คุณปู่ผู้พลีชีพตั้งให้หล่อน
แม้ชื่อจะดูเรียบง่าย แต่มันก็มีความหมายที่ดี
แต่อวี่กั๋วหงไปอยู่ต่างประเทศ และซึมซับวัฒนธรรมประเทศเกาะในเวลาไม่กี่ปี
หล่อนละทิ้งคำสอนของปู่ที่ให้ไว้ก่อนเสียชีวิต และเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่ว่าโยมิ อาซากุสะ
อาซากุสะเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงในประเทศเกาะ ซึ่งมีวัดเซ็นโซจิตั้งอยู่
แผ่นดินใหญ่มีความบาดหมางกับประเทศเกาะ และจนถึงตอนนี้ประเทศเกาะก็ไม่เคยออกมาขอโทษสักครั้ง และยังไม่กระตือรือร้นที่จะทำด้วย หากมีโอกาสเมื่อใด พวกเขาจะใช้โอกาสนั้นลอบกัดแผ่นดินใหญ่ทันที
บุตรหลานของผู้พลีชีพกลับถูกวัฒนธรรมของชาวเกาะกลืนหาย หลินม่ายถึงกับเกลียดชังขึ้นมา
เธอไม่รู้เลยว่าปู่ของโยมิ อาซากุสะจะนอนตายตาหลับหรือไม่
เวลานี้หลินม่ายรู้สึกรังเกียจโยมิ อาซากุสะมาก
มีการออกคำสั่งภายในห้องเสื้อจิ่นซิ่วจากระดับสูงสุดจนถึงล่างสุด “ล้มห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า อย่าให้มีที่ยืนในวงการของเรา!”
มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หากจะชื่นชมชาวต่างชาติ เพราะท้ายที่สุดแล้วอุดมการณ์ของทุกคนล้วนแตกต่างกัน
แต่หลินม่ายรับไม่ได้กับการมองคนที่อวยประเทศเกาะมีความเป็นอยู่ที่ดี
สุดท้ายแล้ววันเวลาผ่านไปไม่กี่ทศวรรษ เหตุการณ์นองเลือดยังชัดเจนอยู่
ผู้คนฝ่ายนั้นบุกบ้านของเราเพื่อเผา ฆ่า และปล้นสะดม แต่เรากลับบูชาคนเหล่านั้นอย่างสมยอม? หรือว่าลืมสี่อักษรที่เขียนว่าไร้ยางอายไปแล้วหรือ?
นับตั้งแต่หลินม่ายออกคำสั่งให้จัดการกับห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่า บริษัทของหล่อนก็ต้องพบเจอจุดจบที่น่าเศร้า
ท้ายที่สุดแล้วห้องเสื้อจิ่นซิ่วยืนหยัดในวงการมานานหลายปี และสินทรัพย์ก็เริ่มมั่นคงแล้ว
สำหรับเรื่องกิจกรรมการซื้อขาย ห้องเสื้อจิ่นซิ่วก็ดำเนินการได้อย่างไม่เดือดร้อน
นอกจากนี้เถาจืออวิ๋นไม่ได้เรียนแฟชั่นในอิตาลี่โดยเปล่าประโยชน์
หล่อนคือนักออกแบบแฟชั่นที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ และการศึกษาต่อในประเทศอิตาลี่ได้เปิดโลกกว้างให้กับหล่อนโดยสมบูรณ์ เวลานี้แฟชั่นของหล่อนถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น
ทุกครั้งที่เปิดตัวเสื้อผ้า พวกเขาสร้างความประหลาดใจใหม่อยู่เสมอ
และมันไม่ใช่สไตล์การออกแบบที่โยมิ อาซากุสะจะสามารถแข่งขันได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เถาจืออวิ๋นได้รับรางวัลดีไซน์เนอร์หน้าใหม่
รางวัลดีไซน์เนอร์หน้าใหม่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “สุดยอดการแข่งขันในอุตสาหกรรมแฟชั่น”
ซึ่งการแข่งขันนี้ก่อตั้งโดยยักษ์ใหญ่ของวงการแฟชั่นในประเทศฝรั่งเศส มีนักออกแบบส่วนใหญ่ที่อายุต่ำกว่า 40 ปีจากทั่วโลกเข้าร่วม
ผู้สมัครจะต้องเปิดตัวและขายคอลเลกชันเสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่สามารถใส่ได้ทุกเพศอย่างน้อยสองฤดูกาล
ใบประกาศบัณฑิตจะถูกมอบให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในปัจจุบัน
เถาจืออวิ๋นเป็นนักออกแบบแฟชั่นชาวเอเชียคนแรกที่คว้าถึงสองรางวัล
ด้วยทั้งสองรางวัลนี้ หล่อนจึงกลายเป็นมีชื่อเสียงในแวดวงอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และยังสร้างความประทับใจให้กับชาวต่างชาติที่มีต่อห้องเสื้อจิ่นซิ่วอีกด้วย
ห้องเสื้อจิ่นซิ่วใช้โอกาสนี้ในการพลิกโฉมเสื้อผ้าระดับล่างถึงกลาง ให้ขยับระดับขึ้นไปสู่เสื้อผ้าหรูหราสง่างามในตลาดต่างประเทศด้วย
ทุนและชื่อเสียงของห้องเสื้อจิ่นซิ่วค่อนข้างแข็งแกร่ง และยังมีบริษัทในฮ่องกงช่วยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งแผนการตลาดที่เหนือชั้นของหลินม่ายในความทรงจำของชีวิตที่แล้ว… สิ่งเหล่านี้บดขยี้ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่าในทุกทิศทาง
มันไม่ต่างจากเกมตีตัวตุ่น ตราบใดที่ห้องเสื้อชุนอิงเฉี่ยนเฉ่ากล้าที่จะโผล่ศีรษะออกมา ห้องเสื้อจิ่นซิ่วจะใช้ค้อนทุบให้พวกเขากลับไปอยู่ในรู
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คู่แข่งนี่แบคใหญ่เหมือนกันนะ ถึงมาตีเสมอห้องเสื้อจิ่นซิ่วได้ทั้งที่ชั่วโมงบินไม่สูงมาก
ตอนนี้แปลไปด้วยกลั้นใจไปด้วยเลยล่ะค่ะ เนื้อหามันค่อนข้างจะชาตินิยม กลัวจะใช้ภาษารุนแรงเกินไปเหลือเกิน แต่เข้าใจนะคะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เจ็บปวดมากขนาดไหนสำหรับคนในสังคมเขา ขนาดผ่านไปเกือบร้อยปียังแค้นไม่ลืม
ไหหม่า(海馬)