แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 943 โต้วโต้วแย่งความโปรดปราน
ตอนที่ 943 โต้วโต้วแย่งความโปรดปราน
พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ฟางจั๋วหรานจึงเสนอให้ทั้งครอบครัวไปเล่นสเกตน้ำแข็งที่ทะเลสาบฉือชาไห่ ซึ่งครอบครัวไม่ได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันนานแล้ว
หลินม่ายตั้งใจจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน ทั้งสองจึงบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็ว
วันรุ่งขึ้นหลังรับประทานอาหารเช้า ทั้งครอบครัวก็ออกไปเล่นสเกตน้ำแข็งที่ทะเลสาบฉือชาไห่
วันนี้อากาศค่อนข้างดี แดดร่มลมตก ท้องฟ้าแจ่มใส
ทันทีที่ออกจากบ้าน ของบางสิ่งบนคอของโต้วโต้วก็ดึงดูดสายตาของหลินม่าย
เธอเดินเข้าไปใกล้และพบว่ามันคือจี้ทองคำที่ให้โต้วโต้วสวมในช่วงวันหยุดวันปีใหม่ ซึ่งส่องแสงระยิบระยับกลางแสงแดด
สีหน้าของเธอเคร่งขรึมทันใด “โต้วโต้ว แม่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ใส่จี้ทองนี้แค่สองวัน ทำไมวันนี้ถึงยังใส่อยู่อีก?”
โต้วโต้วยกมือเล็กของตัวเองเพื่อจับจี้ทองใส่ลงในคอเสื้อ ก่อนตอบกลับไปว่า “แม่ไม่ได้บอกให้หนูต้องถอด หนูเลยสวมมันต่อ”
หลินม่ายไม่พอใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “แม่ไม่ได้ขอให้ถอด ก็เพราะแม่ยุ่งทุกวันและลืมเรื่องนี้ไป แล้วลูกไม่คิดริเริ่มถอดมันคืนแม่หน่อยหรือไง? ที่ลูกสวมมันต่อ มันกลายเป็นความผิดของแม่เหรอ? หากแม่ลืมที่จะขอให้ถอดเรื่อย ๆ ลูกก็สวมมันต่อไปใช่ไหม?”
โต้วโต้วก้มหัวลงและไม่พูดอะไร
หลินม่ายพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถอดจี้ทองออกมา ห้ามสวมมันในช่วงปีใหม่และเทศกาลอีก ลูกจะสวมมันได้อีกครั้งก็ต่อเมื่ออายุสิบแปดแล้วเท่านั้น”
หนูน้อยสวมเสื้อผ้าหลายชั้นในฤดูหนาว จึงเป็นเรื่องยากสำหรับหล่อนที่จะถอดจี้ออกด้วยตัวเอง เสี่ยวเหวินจึงอาสาช่วยหล่อนถอดมันออกในที่สุด
ฟางจั๋วหรานเรียกแท็กซี่สองคันและพาทั้งครอบครัวไปยังทะเลสาบฉือชาไห่
ทะเลสาบฉือชาไห่ในฤดูหนาวนั้นสวยงามมาก หิมะจากวันวานยังไม่ละลายหายไป ต้นสนเขียวขจีบางส่วนมีหิมะสีขาวประปราย และมีน้ำแข็งย้อยปกคลุมด้วยสีเงิน ทำให้ทิวทัศน์โดยรวมสวยงามจับใจ
ข้อเสียคืออากาศหนาวเกินไป!
โชคดีที่ทั้งครอบครัวสวมเสื้อผ้าหลายชั้น จึงไม่รู้สึกหนาวมากนัก
ทั้งครอบครัวตรงไปที่ลานสเกต
ลานสเกตนั้นเรียบง่ายมาก เป็นแค่ลานน้ำแข็งผืนกว้างผืนหนึ่ง
ฟางจั๋วรานซื้อตั๋วสำหรับทั้งครอบครัว เช่ารองเท้าสเกต และพาทุกคนไปเล่นสเกตด้วยกัน
แม้ว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะอายุมากแล้ว ทว่าเมื่อย้อนกลับไปสมัยยังเป็นนักเรียน พวกเขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและเคยสัมผัสกับอุปกรณ์ทันสมัยเกือบทุกประเภท ดังนั้นพวกเขาจึงรู้วิธีเล่นสเกตด้วย
ดาบชั้นดีไม่เคยเก่า คู่สามีภรรยาสูงอายุจับมือกันและไถลออกไปอย่างมั่นคง
สำหรับหลินม่ายและฟางจั๋วหราน พวกเขาต่างก็มีทักษะการเล่นเล่นสเกตอยู่แล้ว เวลานี้พวกเขาจึงช่วยกันสอนเด็กน้อยทั้งสาม
เสี่ยวเหวินเป็นเด็กผู้ชายและเรียนรู้ที่จะเล่นสเกตได้ในไม่ช้า
หลังจากเรียนรู้แล้ว เขาไถลไปด้านหน้าช้า ๆ ด้วยตัวเองในตอนแรก แล้วจึงเพิ่มความเร็วขึ้น
บางครั้งเขาเดินไปรอบ ๆ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพลางบอกให้ทั้งสองช้าลงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
หลังจากอายุเพิ่มขึ้นมากแล้ว การล้มลงกระแทกพื้นนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย
ส่วนโต้วโต้วนั้นขาดทักษะทางด้านกีฬา เนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยเล่นกีฬา
ฟางจั๋วหรานและภรรยาพยายามสอนอยู่นาน แต่หล่อนก็ยังไม่สามารถทำได้
เสี่ยวมู่ตงอยากหัดเล่นสเกตเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่พยายามเข้าไปหาพ่อแม่ โต้วโต้วจะขอให้เขายืนห่าง ๆ เสมอ “น้องเรียนรู้ได้หลังจากที่พี่สาวเรียนรู้แล้วเท่านั้นนะ”
ดวงตาของฟางจั๋วหรานเย็นชาเล็กน้อย
เมื่อหล่อนพูดแบบนี้เป็นครั้งที่สี่ เสี่ยวเหวินก็กระโดดเข้ามาจับมือโต้วโต้วและพาเดินจากไป “ฉันจะสอนเธอเล่นสเกตเอง”
“ฉันอยากให้พ่อแม่สอนฉันเล่นสเกต ฉันไม่อยากให้นายสอน”
โต้วโต้วอยากจะปลีกห่างจากเสี่ยวเหวิน แต่เขาจับมือหล่อนไว้แน่นจนไม่อาจหลุดพ้นได้เลย
เสี่ยวเหวินลากหล่อนไปจนสุดลานสเกต แล้วจึงหยุดลง
เขาพูดกับโต้วโต้วอย่างจริงจัง “เธอเป็นพี่สาว ทำไมไม่รู้จักหลีกทางให้กับน้องชายล่ะ ไม่เพียงแค่ไม่รู้จักหลีกทางให้ แต่ยังพยายามแข่งขันกับน้องชายเพื่อให้คุณอาทั้งสองสนใจอีกด้วย เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
โต้วโต้วตอบกลับด้วยความเสียใจ “ฉันแค่อยากใกล้ชิดกับพ่อแม่เท่านั้นเอง”
เสี่ยวเหวินไม่พอใจเล็กน้อย “แล้วน้องชายเธอไม่ต้องการหรือไง? ดูสิ่งที่เธอคิดเข้า! อย่าเห็นแก่ตัวนักเลย ลองคิดดูสิ คุณอาทั้งสองรวมถึงคุณปู่และคุณย่าทำดีกับเราขนาดไหน มันไม่ได้น้อยไปกว่าน้องชายเลย ถ้าไม่ใช่เพราะอาหญิงรับเลี้ยงเรามา เราจะได้มีชีวิตที่สุขสบายแบบนี้เหรอ ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย”
โต้วโต้วที่ถูกต่อว่าพลันรู้สึกไม่พอใจ หล่อนต้องการไปหาคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารเหมือนเด็กน้อย
แต่เสี่ยวเหวินกลัวว่าหล่อนจะแข่งขันกับเสี่ยวมู่ตงอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงใช้ข้ออ้างในการสอนสเกตและควบคุมหล่อนอย่างเข้มงวด
โต้วโต้วไปไหนไม่ได้ นอกจากต้องอยู่เคียงข้างเขา
เมื่อไม่มีโต้วโต้ว หลินม่ายและสามีจับมือเสี่ยวมู่ตงและพาเด็กน้อยไถลไปรอบ ๆ ซึ่งทำให้เด็กน้อยมีความสุขจนหยุดหัวเราะไม่ได้
ครอบครัวเล่นจนถึงบ่ายสามโมงก่อนจะกลับบ้านอย่างหมดแรง
น้าถูออกมาเปิดประตูให้
ทันทีที่ประตูลานเปิด ทุกคนเห็นรถสีน้ำเงินเข้มและรถตู้สีขาวจอดอยู่ที่ลาน
ทุกคนแปลกใจมาก จึงเดินวนรอบรถสองคันนั้น
หลินม่ายมองโลโก้ของรถสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งปรากฏว่ามันเป็นรถโรลส์รอยซ์รุ่นล่าสุด!
คุณปู่ฟางหันศีรษะไปถามหลินม่ายและฟางจั๋วหราน “พวกเธอคนไหนซื้อรถสองคันนี้?”
ฟางจั๋วหรานตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมซื้อมาเองครับ”
เขาชี้ไปยังรถโรลส์รอยซ์สีน้ำเงินเข้มและพูดว่า “รถคันนั้นผมซื้อให้ม่านจื่อ”
จากนั้นเขาชี้ไปทางรถตู้เก้าที่นั่งพร้อมพูดว่า “ส่วนคันนั้นผมซื้อให้ตัวเอง
ในอนาคตเวลาพวกเราออกไปข้างนอก เราจะใช้รถตู้คันนี้ ทุกคนจะได้มีที่นั่งเพียงพอและไม่แออัด”
เสี่ยวมู่ตงยังพูดเป็นประโยคไม่ได้ เขาเปล่งเสียงออกไปได้พยางค์เดียว
เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข “รถๆๆๆ!”
ฟางจั๋วหรานลูบหัวน้อย ๆ ของเขาอย่างรักใคร่
โต้วโต้วเอนตัวไป “พ่อคะ หนูอยากถูกลูบหัวเหมือนกัน”
ฟางจั๋วหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเธอ
โต้วโต้ววิ่งไปหาหลินม่ายอีกครั้ง “แม่คะ ลูบหัวหนูหน่อย”
หลินม่ายลูบศีรษะของเธอด้วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสียวมู่ตงรีบวิ่งไปหาหลินม่าย เงยหน้าขึ้นพูด “หม่าม้า ลูบๆ”
หลินม่ายยิ้มรับและลูบหัวของเขา ซึ่งทำให้คนตัวเล็กหัวเราะอย่างมีความสุข
หลินม่ายโบกมือให้เสี่ยวเหวิน “มานี่สิ ให้พวกอาลูบหัวเธอด้วย”
เสี่ยวหวินเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ปล่อยให้หลินม่ายและฟางจั๋วหรานลูบหัวเขา ซึ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
เขาไม่มีญาติที่ใกล้ชิดอีกต่อไป แต่อาทั้งสองมอบความอบอุ่นแก่เขาเหมือนกับญาติจริง ๆ
ฟางจั๋วหรานเห็นว่าหลินม่ายไม่ประหลาดใจเมื่อได้รับของขวัญชิ้นใหม่ เขากระซิบข้างหูเธอด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “ทำไมล่ะ? หรือว่าคุณไม่ชอบมัน?”
“ฉันชอบค่ะ” หลินม่ายยิ้มให้เขาอย่างสดใส ก่อนจูงมือเขาไปทางสวนหลังบ้าน “ฉันมีของขวัญให้คุณด้วยเหมือนกัน”
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ เดินตามอย่างใกล้ชิด ขณะสงสัยว่าหลินม่ายให้ของขวัญอะไรกับฟางจั๋วหราน
เมื่อเดินไปถึงหลังบ้านก็เห็นรถใหม่เอี่ยมสองคันจอดอยู่ คันหนึ่งเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนอีกคันเป็นแลนด์โรเวอร์
หลินม่ายชี้ไปยังรถแลนด์โรเวอร์และถามฟางจั๋วหราน “ฉันซื้อคันนี้ให้ คุณชอบมันไหม?”
“แน่นอนว่าผมชอบมัน!” ฟางจั๋วหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลินม่ายพูดด้วยความเสียใจ “ฉันต้องการมอบให้คุณในวันปีใหม่ แต่มีปัญหากับการจัดส่งในฮ่องกง มันจึงเพิ่งมาถึงบ้านวันนี้”
กว่าที่รถสองคันจะเดินทางมาถึงบ้านในวันนี้ นั่นเป็นเพราะเธอกระตุ้นฟ่านฉางคงหลายครั้ง
ฟางจั๋วหรานยังกล่าวอีกว่า “ที่จริงผมวางแผนจะทำให้คุณประหลาดใจวันปีใหม่เหมือนกัน แต่รถที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาเกิดปัญหากับศุลกากร ทำให้สินค้าเพิ่งมาถึงวันนี้”
เขามองเธออย่างอ่อนโยน “รถของเราต่างก็เจอปัญหา อย่างกับว่ามันเป็นโชคชะตาเลยไม่ใช่หรือ?”
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ทั้งคู่เข้าใจว่าเมื่อคืนพวกเขาพลาดจะเซอร์ไพรซ์อีกฝ่าย จึงตั้งใจว่าจะพาทั้งครอบครัวไปเล่นสเกตน้ำแข็งในวันนี้
หลินม่ายซื้อรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้รถโรลส์รอยซ์กับฟางจั๋วหรานไว้ขับไปทำงาน แล้วขึงค่อยขับรถตู้เมื่อพาครอบครัวออกไปเที่ยวเล่น
แต่ฟางจั๋วหรานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด โดยบอกว่าเธอเป็นประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ควรจะขับรถหรู ส่วนเขาเป็นแค่หมอธรรมดา ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญว่าเขาจะขับรถประเภทไหน
ไม่มีชายใดที่ไม่รักรถหรู หลินม่ายเข้าใจว่าฟางจั๋วหรานต้องการมอบสิ่งที่สุดที่สุดให้กับเธอเสมอ
หลังจากดูข่าวทางโทรทัศน์ ทั้งคู่ก็พาเสี่ยวมู่ตงกลับไปยังห้องนอน
ฟางจั๋วหรานถามหลินม่าย “คุณคิดว่าโต้วโต้วพยายามแข่งขันกับตงตงเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
หลินม่ายนั่งบนเตียงขณะเล่นบล็อกตัวต่อกับเสี่ยวมู่ตง
เธอตอบกลับไปว่า “คุณกำลังหมายถึงเรื่องที่ลานสเกตสินะ ตอนนั้นฉันอยากจะดุโต้วโต้วมาก แต่เมื่อคิดว่าหล่อนเป็นลูกบุญธรรม การดุไปอาจทำให้หล่อนอ่อนไหว ฉันจึงยังไม่พูดอะไรในตอนนั้น”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างจริงจัง “เพียงเพราะโต้วโต้วเป็นลูกบุญธรรมก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรองรับอารมณ์ของหล่อนเสมอไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป วันหนึ่งที่เราไม่ทนที่จะรองรับอารมณ์ของโต้วโต้วอีกแล้ว มันจะทำให้หล่อนโกรธเคือง”
หลินม่ายพยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไปพูดกับโต้วโต้วเอง”
สิ้นเสียง เธอเดินออกจากห้องและเดินไปยังปีกตะวันออกบ้าน
มีสามห้องในปีกตะวันออกนี้ ซึ่งเป็นห้องของเสี่ยวเหวินและโต้วโต้วอาศัยอยู่
หลินม่ายเคาะประตูและถามโต้วโต้วด้วยรอยยิ้ม “ลูกกำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ?”
โต้วโต้วเงยหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม “หนูกำลังวาดรูปค่ะ”
หลินม่ายเดินเข้าไปดู ภาพวาดของโต้วโต้วนั้นเกี่ยวกับลานสเกตวันนี้ เป็นฉากที่เธอและสามีดึงเสี่ยวมู่ตงไปเล่นสเกตด้วยกัน ซึ่งเป็นภาพวาดที่ดูดีมาก
แต่โต้วโต้วแทนที่เสี่ยวมู่ตงในภาพวาดด้วยตัวหล่อนเอง
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย
โต้วโต้วมองจากด้านข้าง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หล่อนก็กล่าวคำเบา “หนูอยากเป็นเหมือนกับน้องชายที่ถูกพ่อกับแม่อุ้มไปเล่นสเกต!”
หลินม่ายนั่งลงบนเตียงใหญ่ของโต้วโต้วด้วยสีหน้าจริงจัง “โต้วโต้ว ลูกกำลังแข่งขันกับน้องชายเพื่อเรียกร้องความโปรดปรานหรือเปล่า?”
โต้วโต้วส่ายหัวด้วยความตื่นตระหนก “หนูไม่ได้ทำนะคะ! หนูแค่อิจฉาน้องชายที่รับความรักมากมายจากพ่อและแม่”
หลินม่ายถามว่า “ลูกคิดว่าพ่อกับแม่ให้ความรักลูกน้อยลงหรือ?”
โต้วโต้วก้มศีรษะลง “หนูเคยได้รับมากมาย แต่ตอนนี้มีน้องชายเข้ามา มันก็น้อยลงมาก”
“น้อยลงยังไง? ไหนบอกแม่หน่อย”
โต้วโต้วพูดเสียงเศร้า “ตอนที่พ่อแม่กลับมา สิ่งแรกที่ถามหาคือน้องชาย ถามเขาว่ากินอะไรหรือยัง ถามเขาว่าอึฉี่หรือยัง กระทั่งเล่นแต่กับเขา แต่สิ่งที่พ่อแม่ถามหนูอย่างมากที่สุดคือทำการบ้านเสร็จหรือยัง”
“น้องชายยังเด็ก เขาเลยสมควรได้รับการดูแลและความรักแบบพิเศษ ลองไปถามเพื่อนร่วมชั้นของลูกสิว่า น้องชายหรือน้องสาวของพวกเขาได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษจากผู้ปกครองด้วยหรือเปล่า”
โต้วโต้วก้มหน้าและไม่พูดอะไร
หลินม่ายพูดต่อ “ลูกจำได้ไหมว่าเคยพูดอะไรตอนที่น้องชายยังไม่เกิด? ลูกบอกว่าจะรักและดูแลน้องชายอย่างนี้ สัญญานี้ลืมไปแล้วหรือ?”
โต้วโต้วก้มศีรษะลงต่ำลงอีก และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ได้ลืมค่ะ”
หลินม่ายให้เหตุผลกับหล่อนอย่างอดทนว่า “ลูกเป็นพี่สาว ก่อนที่น้องชายคนเล็กจะเกิดมา ลูกได้รับความรักจากครอบครัวของเราเป็นเวลาหลายปี ไม่ว่าตอนนี้น้องชายจะเป็นที่โปรดปรานขนาดไหน ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะได้รับความโปรดปรานอยู่คนเดียว พ่อแม่ยังแบ่งปันความรักให้ลูกและเสี่ยวเหวินด้วย บอกแม่สิ ลูกจะแข่งขันกับน้องชายเพื่อแย่งความสนใจไปทำไม? เมื่อน้องชายอายุเท่าลูก พ่อแม่คงจะไม่ไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนตอนนี้แล้ว เมื่อเด็กโตขึ้น พวกเขาล้วนต้องการเป็นอิสระ และลูกก็เช่นกัน”
โต้วโต้วพยักหน้าเล็กน้อย
เพื่อดับความเย็นชาในหัวใจของเธอ หลินม่ายกลับไปที่ห้องของเธอซึ่งอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
เสี่ยวมู่ตงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน ขณะที่อ่านหนังสือการ์ตูนกับเขา
ฟางจั๋วหรานเงยหน้าขึ้นถามหลินม่าย “เป็นอย่างไรบ้าง? โต้วโต้วยอมฟังไหม?”
หลินม่ายคิดครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ก่อนกล่าวเสริมอย่างสงสัยว่า “โต้วโต้วเคยเป็นคนมีเหตุผลมากก่อนหน้านี้ แล้วหล่อนกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “บางทีนิสัยที่แท้จริงของโต้วโต้วอาจเป็นอย่างที่เราเห็นในตอนนี้ หล่อนเคยเป็นคนประพฤติดีและมีเหตุผลเพราะเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว หล่อนเลยมีความสุขที่ได้ทำตัวดีและได้รับความรักเสมอ แต่พอมีเสี่ยวมู่ตงเพิ่มเข้ามาในครอบครัว มันคงทำให้หล่อนรู้สึกอึดอัด คิดว่าความรักที่เคยเป็นของหล่อนกลับถูกเสี่ยวมู่ตงพรากไปหมดแล้ว ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าในงานเลี้ยงวันเกิดของเสี่ยวมู่ตง บางคนล้อหล่อนว่าถูกรับเลี้ยง หล่อนเลยรู้สึกไม่มั่นคงมากขึ้นและต้องการแย่งชิงความโปรดปราน”
หลินม่ายปวดหัวขึ้นมาทันที “น่าปวดหัวจังเลยค่ะ คุณจะสั่งสอนหล่อนเรื่องนี้ยังไงคะ?”
ฟางจั๋วหรานตอบ “ทำให้ดีที่สุด และปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม ถ้าเราสอนหล่อนได้ก็สอน ถ้าทำไม่ได้ก็ปล่อยไป”
เขาถามอีกครั้ง “ถ้าเราสอนโต้วโต้วไม่ได้ คุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
“งั้นก็เลี้ยงหล่อนจนอายุสิบแปดปี แล้วปล่อยให้เป็นอิสระ”
“แล้วถ้าหล่อนเสียคนก่อนที่จะอายุสิบแปดปี คุณจะทำยังไง?”
หลินม่ายคิดอย่างจริงจังอยู่พักหนึ่ง “ตราบใดที่เธอไม่ทำตัวเลวร้ายเกินไป ฉันจะยังเลี้ยงดูหล่อนจนกว่าจะอายุสิบแปด หากมันย่ำแย่นัก ก็คงต้องตัดความสัมพันธ์แม่ลูกกับหล่อนซะ บริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และส่งหล่อนไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
เธอแตะมือฟางจั๋วหราน “อย่ากังวลเลยค่ะ ฉันจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนไป๋ซวงอีก”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลี้ยงลูกหลายคนนี่ก็น่าปวดหัวเหมือนกันนะ เคยมีคนบอกว่าถ้าอยากให้พี่น้องรักกัน ต้องให้ความรักกับคนพี่อย่าให้น้อยกว่าน้อง แล้วเดี๋ยวคนพี่จะส่งต่อความรักนั้นไปให้น้องเอง
หวังว่าโต้วโต้วจะไม่เป็นเหมือนไป๋ซวงแล้วกันนะ
ไหหม่า(海馬)