แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 947 ขอความช่วยเหลือจากฟางจั๋วหราน
ตอนที่ 947 ขอความช่วยเหลือจากฟางจั๋วหราน
อีกไม่กี่วันต่อมาก็เป็นวันหยุดฤดูหนาวของหลินม่าย
และยังเป็นวันที่หุ้นตัวที่หลินเพ่ยขอให้นายท่านฉุยซื้อเป็นครั้งที่สามจะลดลงด้วย
เมื่อสองวันก่อน เหมาฉงโทรหาหลินม่ายและบอกว่านายท่านฉุยพาหลินเพ่ยไปฮ่องกง
หลินม่ายสั่งให้เหมาฉงจับตาดูหลินเพ่ยและนายท่านฉุย จากนั้นรายงานให้เธอทราบทันทีหากว่าเกิดปัญหา
เหมาฉงพูดตอบรับทางโทรศัพท์
ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวปีนี้ หลินม่ายวางแผนที่จะกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง ซึ่งฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋นจะจัดงานแต่งงาน
ทว่าผู้จัดการโม่ซึ่งดูแลโครงการในเมืองเจียงเฉิงได้โทรศัพท์มาบอกว่าสะพานได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามหัวหน้าที่เกี่ยวข้องของแผนกก่อสร้างเมืองปฏิเสธที่จะให้พวกเขาผ่านการตรวจสอบ
หากไม่ผ่านการตรวจสอบ ก็จะไม่ได้รับเงินโครงการ และไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับแรงงานได้
อีกสิบกว่าวันจะถึงวันปีใหม่จีน แรงงานเหล่านี้ทำงานห่างไกลบ้านตลอดทั้งปีและรอวันปีใหม่เพื่อกลับไปพักผ่อนอย่างมีความสุขกับครอบครัว เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
เดิมทีหลินม่ายวางแผนจะบินไปยังเมืองเจียงเฉิงตามลำพัง และบินกลับมาเมืองหลวงหลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว
แต่เมื่อเสี่ยวเหวินรู้ว่าเธอกำลังจะกลับไปเมืองเจียงเฉิง เขาก็เอ่ยขอตามกลับไปกับเธอเพื่อกวาดหลุมฝังศพของย่าด้วย
หลินม่ายเคยสัญญากับเสี่ยวเหวินว่าจะพาเขาไปเยี่ยมหลุมศพของคุณย่าในช่วงวันหยุดฤดูหนาวและฤดูร้อน
เธอลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว จึงตอบตกลงด้วยความรู้สึกผิด
เมื่อเห็นเสี่ยวเหวินอยากกลับไปที่เมืองเจียงเฉิง มู่ตงก็ลังเลที่จะแยกทางกับเขา จึงต้องการกลับไปเมืองเจียงเฉิงด้วยกัน
ส่วนโต้วโต้วยิ่งไม่ควรถูกมองข้าม หากไม่ให้หล่อนไปด้วย ก็กลัวว่าความสัมพันธ์ของหล่อนกับหลินม่ายจะห่างเหินยิ่งขึ้นไปอีก
ในท้ายที่สุด ฟางจั๋วหรานจึงถูกทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพังอีกครั้ง ขณะที่คนอื่น ๆ กลับไปยังเมืองเจียงเฉิง
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเจียงเฉิงในเวลาบ่ายสามโมง หลินม่ายก็ไม่ได้รีบไปยังบริษัท แต่พาเสี่ยวมู่ตงออกไปข้างนอกเพื่อให้เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
เธอพาเสี่ยวมู่ตงเดินไปรอบ ๆ สวนด้านหน้าและด้านหลังของวิลลาพลางบอกเขาว่า “นี่คือบ้านของลูกในเมืองเจียงเฉิง”
โต้วโต้วซึ่งกำลังเดินตามอยู่ข้างหลังพลันเม้มริมฝีปากเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ในไม่ช้าก็ถึงเวลาเข้านอนในตอนกลางคืน
หลินม่ายอุ้มลูกน้อยกลับไปเข้าห้องเพื่อนอนพักผ่อน โต้วโต้วเข้ามาดึงแขนเสื้อเธอและถามว่า “แม่คะ หนูขอนอนกับแม่และน้องชายได้ไหม”
หลินม่ายปฏิเสธไปทันที “ลูกโตแล้ว ต้องหัดนอนคนเดียว”
หลังจากคิดเรื่องนี้ เธอจึงเสริมต่อว่า “เมื่อไหร่ที่น้องชายของลูกอายุสามขวบ เขาก็ต้องนอนคนเดียวเหมือนกัน”
โต้วโต้วผิดหวังมาก
หลังจากรับประทานอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพาเด็ก ๆ ทั้งสามกลับไปที่เมืองซื่อเหม่ย เพื่อเป็นการสะดวกสำหรับเสี่ยวเหวินในการเยี่ยนหลุมศพคุณย่าของเขา ขณะปล่อยให้โต้วโต้วและเสี่ยวมู่ตงเที่ยวเล่นในชนบท
หลินม่ายไปที่สำนักงานใหญ่และถามผู้จัดการโม่อย่างละเอียดว่าทำไมหัวหน้าที่เกี่ยวข้องถึงปฏิเสธที่จะให้โครงการก่อสร้างของเราผ่านการตรวจสอบ และเหตุผลนั้นคืออะไร
เป็นเพราะไม่มีซองแดง หรือสะพานที่สร้างขึ้นมีปัญหาด้านคุณภาพ หรือว่าด้วยเหตุผลอื่นบางอย่าง
ผู้จัดการโม่ส่ายหัวพลางถอนหายใจ “ไม่ใช่ครับ มันเป็นเพราะความขัดแย้งระหว่างผู้นำของพวกเขา ในเวลานั้นการประมูลของเราประสบความสำเร็จและหัวหน้าหลัวเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนหัวหน้าผางที่รับผิดชอบการตรวจสอบถือเป็นคู่แข่งของหัวหน้าหลัว ตอนนี้พวกเขากำลังแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ทำให้ทั้งสองยิ่งไม่ลงรอยกัน หัวหน้าผางต้องการให้ตัวเองชนะ ดังนั้นเขาจึงจงใจทำให้พวกเราลำบากและขัดขวางไม่ให้เราผ่านการตรวจสอบ ความตั้งใจของเขาในการทำเช่นนี้คือ การสร้างมลทินให้กับงานที่หัวหน้าหลัวรับผิดชอบ การเลือกทีมก่อสร้างที่ไม่มีประสบการณ์ของเราส่งผลให้โครงการของรัฐบาลมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน จึงส่งผลต่อการแข่งขันของหัวหน้าหลัวในตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี”
เขาพูดอย่างเศร้าใจ “พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง แต่เรากลายเป็นเหยื่อที่โดนลูกหลง ช่างเป็นหายนะจริง ๆ หากยังดำเนินการล่าช้าและขาดการตรวจสอบ อาจถูกมองว่าเราก่อสร้างสะพานไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนดและกลายเป็นผิดสัญญา การรับเงินโครงการจะยิ่งยากขึ้น”
หลินม่ายถาม “คุณไม่ได้ขอให้หัวหน้าหลัวแก้ไขปัญหานี้หรือ? เราจำเป็นต้องกล่าวโทษเขา!”
ผู้จัดการโม่พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ทำไมผมจะไม่ขอล่ะครับ? แต่หัวหน้าหลัวเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ และขอให้เรารายงานเรื่องนี้ต่อนายกเทศมนตรี นี่ไม่ต่างจากการที่เขาใช้เราเป็นบันไดเหยียบขึ้นที่สูงหรอกเหรอ? เราทำให้หัวหน้าผังขุ่นเคืองถึงแก่นเพราะเห็นแก่เขา ตอนนี้เขากำลังใช้การเสียสละของเราเป็นบันไดเพื่อไต่ระดับให้สูงขึ้น”
หลินม่ายนิ่งขรึม “ในเย็นก่อน รอจนกว่าฉันจะพบกับผู้อำนวยการหลิวก่อนค่อยตัดสินใจทำอะไร”
ผู้อำนวยการหลิวที่เธอพูดถึงก็คือพ่อของหลิวเสวี่ย
หลินม่ายไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อสร้อยข้อมือทองคำสำหรับทารก ก่อนตรงไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการหลิว
เมื่อผู้อำนวยการหลิวเห็นเธอ เขาก็คาดเดาได้ว่าเหตุใดเธอถึงมาที่นี่
เขารินชาให้เธอด้วยตัวเอง
หลินม่ายรับถ้วยชาและวางลงบนโต๊ะกาแฟ หยิบสร้อยข้อมือทองคำสำหรับเด็กคู่หนึ่งออกมาจากกระเป๋าของและมอบให้แก่ผู้อำนวยการหลิว
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันอยู่ห่างไกลถึงเมืองหลวง ตอนที่หลานชายผู้อำนวยการหลิวเกิดและมีการฉลองครบ 1 เดือน ฉันเลยไม่สามารถมาร่วมในโอกาสอันดีนั้น การกระทำเล็กน้อยนั้นอาจดูไม่ให้เกียรติ ฉันหวังว่าผู้อำนวยการหลิวจะเข้าใจ”
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่ได้อยู่ในเมืองเจียงเฉิง แต่เสิ่นเสี่ยวผิงยังคงรักษาความสัมพันธ์ต่าง ๆ กับผู้คน รวมถึงการนำของขวัญมาให้
ถึงแม้หลินม่ายจะไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีตอนที่หลานชายของผู้อำนวยการหลิวเกิด แต่เสิ่นเสี่ยวผิงก็นำซองแดงปึกใหญ่มาให้เขาเป็นการส่วนตัวเพื่อแสดงความยินดี
ตอนนี้หลินม่ายมอบสร้อยข้อมือทองคำแก่ทารกอีกครั้ง ผู้อำนวยการหลิวจึงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
ดังนั้นเมื่อหลินม่ายขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีทำลายสถานการณ์ระหว่างผู้นำทั้งสองที่เกี่ยวพันกับโครงการสะพาน ผู้อำนวยการหลิวจึงแนะนำให้เป็นอย่างดี
เขาบอกหลินม่ายว่า หัวหน้าผางและหัวหน้าหลัวต่างก็มีความสามารถ ทั้งคู่มีอายุเพียงสี่สิบต้น ๆ เท่านั้น
อายุเพียงเท่านี้ถือว่าเด็กมากในฐานะหัวหน้า พวกเขาเป็นเป้าหมายหลักในการฝึกอบรมจากเบื้องบน อนาคตของพวกเขาจะไร้ขีดจำกัด และหลินม่ายก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาขุ่นเคืองได้
เขาแนะนำว่าหลินม่ายควรเข้าหาหัวหน้าทั้งสองฝ่ายและขอร้องพวกเขา ใครจะรู้ บางทีหนึ่งในพวกเขาอาจยอมอ่อนข้อให้
ไม่ว่าฝ่ายไหนยอมอ่อนข้อก็ย่อมเป็นผลดีต่อเธอ
หลินม่ายวางแผนที่จะไปเยี่ยมหัวหน้าหลัวก่อน
ผู้อำนวยการหลิวบอกความลับเล็กน้อยหลินม่าย
หัวหน้าหลัวเป็นโรคริดสีดวงทวารอย่างรุนแรง
หลังผ่าตัดริดสีดวง เขาไม่สามารถควบคุมอุจจาระและปัสสาวะได้
ตอนนี้เขาต้องใช้แผ่นอนามัยเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง และยังคงใช้มันทุกวัน
แผ่นอนามัยต้องเปลี่ยนทุกชั่วโมงซึ่งลำบากและส่งผลต่อการทำงาน
หากสามีของหลินม่ายสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากของหัวหน้าหลัวได้ บางทีหัวหน้าหลัวอาจยอมเข้ามาช่วยเธอแก้ปัญหาเกี่ยวกับสะพานแห่งนี้อย่างแน่นอน
หลินม่ายกำลังลุกขึ้นและจากไป แต่เธอฉุกคิดบางอย่างได้และถามไปว่า “ในเมืองเจียงเฉิงไม่มีหมอที่สามารถแก้ปัญหาให้กับหัวหน้าหลัวได้เลยเหรอคะ?”
ผู้อำนวยการหลิวลดเสียงลง “ผมได้ยินมาว่าหัวหน้าหลัวเคยพบศัลยแพทย์หลายคน และทุกคนบอกว่าเหมือนกันว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้ การที่หัวหน้าหลัวไม่สามารถอั้นอุจจาระและปัสสาวะนั้นเกิดจากความล้มเหลวของการผ่าตัด การผ่าตัดเพื่อแก้ไขนั้นเป็นเรื่องยาก ศัลยแพทย์เหล่านั้นไม่แน่ใจว่าจะทำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าดำเนินผ่าตัดให้เขา”
หลินม่ายต่อสายหาฟางจั๋วหรานในตอนกลางคืน หลังจากเล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของหัวหน้าหลัว เธอถามด้วยความงงงวย “การผ่าตัดริดสีดวงทวารควรเป็นการผ่าตัดเล็กน้อย ทำไมถึงล้มเหลวได้?”
“แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กน้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว” ฟางจั๋วหรานกล่าว “ผมจะขอลางานในวันพรุ่งนี้ เพื่อดูว่าผมสามารถผ่าตัดแก้ไขปัญหาหนักใจของหัวหน้าหลัวได้ไหม”
หลินม่ายไม่เต็มใจนัก “อย่าทำการผ่าตัดเคสนี้เลย มันน่าขยะแขยงเกินไป ฉันจะหาวิธีอื่นในการแก้ปัญหา”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “ในสายตาของผม ไม่มีการผ่าตัดไหนที่น่าขยะแขยงหรอก”
วันรุ่งขึ้น ฟางจั๋วหรานเดินทางมาถึงเมืองเจียงเฉิง
หลินม่ายพาเขามาพบกับหัวหน้าหลัว และเพื่อไม่ให้หัวหน้าหลัวลำบากใจ เธอจึงไม่กล้าอยู่ต่อและปล่อยให้ชายสองคนพูดคุยเกี่ยวกับโรคริดสีดวงทวาร
หัวหน้าหลัวต้องการแก้ปัญหาหนักใจนี้มาเนิ่นนาน แต่ไม่มีหมอคนไหนกล้าผ่าตัดเขา
ฟางจั๋วหรานกล่าวว่าเขาจะตรวจสอบดูว่าจะสามารถผ่าตัดแก้ไขได้หรือไม่ นั่นทำให้หัวหน้าหลัวกระตือรือร้นมาก
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของฟางจั๋วหรานมาก่อน จึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในทันที
หลังจากไปโรงพยาบาลเพื่อให้ฟางจั๋วหรานตรวจร่างกาย ฟางจั๋วหรานก็กล่าวว่าเขามั่นใจมากว่าสามารถผ่าตัดแก้ไขปัญหานี้ให้เขาได้
ในคืนนั้น ฟางจั๋วหรานใช้อุปกรณ์ของโรงพยาบาลผู่จี้ เพื่อทำการผ่าตัดแก้ไขปัญหาของหัวหน้าหลัว
วันรุ่งขึ้นหลังจากการผ่าตัดสำเร็จ ฟางจั๋วหรานบินกลับไปยังเมืองหลวง
สามวันต่อมา หัวหน้าหลัวออกจากโรงพยาบาล เขาไม่มีปัญหาอุจจาระและปัสสาวะเล็ดราดอีกต่อไป
หัวหน้าหลัวมีควาสุขมาก แต่เมื่อหลินม่ายมาขอร้อง เขากลับลังเลเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่ต้องการช่วยเหลือ
หลินม่ายโกรธมาก
เมื่อผู้อำนวยการหลิวถามว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง หลินม่ายก็อดไม่ได้ที่จะบ่นไปเล็กน้อย
ผู้อำนวยการหลิวกล่าว “หัวหน้าหลัวไม่ได้โลภเงินหรือรับสินบน แต่เขาชอบได้รับเชิญไปรับประทานอาหารเย็น คุณไม่ได้เชิญเขาไปรับประทานอาหารเย็น และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะช่วยก็ได้?”
หลินม่ายรีบจัดการเชิญหัวหน้าหลัวไปรับประทานอาหารเย็น และโทรหาเสี่ยวหม่านเพื่อชักชวนเขาดื่ม
ภายใต้การโน้มน้าวใจของเสี่ยวหม่านและคำป้อยอมากมาย ในที่สุดหัวหน้าหลัวก็ยอมอ่อนข้อและตกลงที่จะช่วยหลินม่ายแก้ไขปัญหาโครงการสะพาน
ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังหัวหน้าหลัวและหัวหน้าผางตกลงกันอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในอีกสองถึงสามวันต่อมา ตามคำแนะนำของหัวหน้าหลัว หลินม่ายให้ผู้จัดการโม่ส่งมอบการตรวจสอบโครงการอีกครั้ง
ครั้งนี้โครงการผ่านการยอมรับอย่างง่ายดาย และได้รับเงินค่าก่อสร้างอย่างรวดเร็ว ในที่สุดแรงงานทั้งหมดก็ได้รับเงินที่หามาอย่างยากลำบาก
หลินม่ายยังแจกจ่ายกล่องแอปเปิลและกล่องส้มให้กับแรงงานแต่ละคน เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่
แม้ว่ากล่องผลไม้สองกล่องจะมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ความเอื้อเฟื้อและน้ำใจของเธอนั้นหนักหนา
กลุ่มแรงงานล้วนดีใจมาก หิ้วผลไม้ 2 กล่องกลับบ้านเกิดอย่างมีความสุข
ครั้งนี้เธอสามารถรับเงินโครงการได้อย่างราบรื่น แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะมีส่วนร่วมมาก แต่เสี่ยวหม่านเองก็มีส่วนช่วยเหลือมากเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะคำชักชวนและเยินยออันยอดเยี่ยมของหล่อนในมื้อค่ำ หัวหน้าจิ้งจอกเฒ่าหลัวก็คงไม่ยอมออกมาแก้ปัญหานี้
ประเทศจีนมีวัฒนธรรมการดื่มที่โต๊ะอาหาร
เมื่ออยู่ที่โต๊ะอาหาร หากปล่อยให้อีกฝ่ายดื่มจนพอใจ จะทำให้ได้ผลลัพธ์สองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว
แต่ไม่ใช่กรณีที่ดินของเศรษฐีหลี่ การซื้อกิจการและควบรวมกิจการที่สร้างความฮือฮาอย่างมากในฮ่องกง ไม่ได้ทำระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำและดื่มด่ำกับสุราไม่ใช่เหรอ?
แน่นอนว่านี่เป็นภูมิปัญญาของเศรษฐีหลี่คนนั้น แต่วัฒนธรรมโต๊ะอาหารก็ช่วยได้มากเช่นกัน
เมื่อนึกถึงเศรษฐีหลี่ หลินม่ายก็นึกถึงการกระทำอันเลวร้ายของเขาในการกักตุนที่ดินในแผ่นดินใหญ่และโกงแผ่นดินใหญ่อย่างไร้ความปรานี
เธอจำได้ว่าในชีวิตที่แล้ว เศรษฐีหลี่ได้เข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนแผ่นดินใหญ่ในปี 1990
ก่อนที่เศรษฐีหลี่จะเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บนแผ่นดินใหญ่ เธอต้องให้คุณปู่ฟางรายงานต่อเบื้องบน และปล่อยให้เบื้องบนปรับปรุงการจัดการที่ดิน เพื่อไม่ให้เศรษฐีหลี่ฉวยโอกาสจากช่องโหว่
เสี่ยวหม่านมีส่วนร่วมอย่างมากในครั้งนี้ หลินม่ายจึงตัดสินใจให้รางวัลหล่อนด้วยอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กที่มีหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น
แต่เสี่ยวหม่านไม่ได้ต้องการบ้าน หล่อนต้องการเงินสด
หลินม่ายจัดการให้ตามต้องการ โดยแปลงอพาร์ตเมนต์นต์ขนาดเล็กที่มีหนึ่งห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นเป็นเงินสด ก่อนมอบให้เสี่ยวหม่าน
อย่างไรก็ตามเธอนึกสงสัยว่าการเตรียมงานแต่งงานของหล่อนกับหลี่หมิงเฉิงเป็นอย่างไรบ้าง
เสี่ยวหม่านสัญญากับเธอว่าหล่อนจะแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงในสิ้นปีนี้
เสี่ยวหม่านพูดตะกุกตะกักโดยบอกว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวกำลังเลือกวันมงคล
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนจะถึงวันปีใหม่ แต่กลับยังเลือกวันมงคลไม่ได้อีกเหรอ?
หลินม่ายรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเธอจึงเดินทางไปหาหลี่หมิงเฉิงโดยเฉพาะ เพื่อถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเสี่ยวหม่าน
แม้ว่าหลี่หมิงเฉิงและเถาจืออวิ๋นจะได้รับอพาร์ตเมนต์สองห้องนอนบนถนนชิงเหนียนจากหลินม่ายเหมือนกัน
แต่เขาต้องการใช้มันเป็นห้องหอ ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจไปอยู่ก่อน
เขายังคงอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอนที่เขาซื้อในย่านโรงงานเครื่องกล
หลินม่ายจึงไปที่ย่านโรงงานเครื่องกลเพื่อตามหาเขา
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปใกล้กับย่านโรงงานเครื่องกล เธอเห็นหลี่หมิงเฉิงและว่านเสียนเดินจับมือกันออกจากชุมชน
หลินม่ายตกตะลึงทันใด นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!
เธอจงใจตะโกนเสียงดัง “หมิงเฉิง!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่าทางงานแต่งจะล่มแล้วคู่นี้ อยู่ดีๆ หมิงเฉิงไปคบกับว่านเสียนซะงั้น
ไหหม่า(海馬)