แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 948 สอบถาม
ตอนที่ 948 สอบถาม
หลี่หมิงเฉิงและว่านเสียนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเป็นหลินม่าย พวกเขาก็รีบปล่อยมือออกจากกันทันที
หลี่หมิงเฉิงกระซิบบางอย่างกับว่านเสียน ว่านเสียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเดินผ่านหลินม่าย ว่านเสียนมองหลินม่ายด้วยสายตาอันซับซ้อน
แต่เมื่อเห็นหลินม่ายมองกลับด้วยสายตานิ่งเฉย หล่อนสะดุ้งตัวและรีบถอนสายตาออก ซึ่งเป็นอาการที่ดูไม่ชอบมาพากล
หลังจากว่านเสียนเดินจากไปไกล หลี่หมิงเฉิงก็เดินไปหาหลินม่ายและถามด้วยความประหลาดใจ “ม่ายจื่อ เธอตั้งใจมาหาฉันเหรอ?”
หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ใช่นายจะเป็นใครได้? ฉันรู้จักใครอื่นในชุมชนนี้อีกหรือไง?”
หลี่หมิงเฉิงยิ้มอย่างไร้เดียงสา “เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
หลินม่ายมองดูนาฬิกา “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว หาร้านเล็ก ๆ นั่งกินระหว่างคุยกันเถอะ”
หลี่หมิงเฉิงรู้ว่าหลินม่ายชอบกินอาหารอร่อย ดังนั้นเขาจึงชี้ไปด้านหน้าและพูดว่า “มีร้านอาหารที่คนเสฉวนมาเปิดข้างหน้านี้ อาหารจานเด่นของพวกเขาคือไส้หมูผัดแกง รสชาติดีมาก เราไปลองกินกันเถอะ”
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองก็มายังร้านอาหารเล็ก ๆ
ร้านอาหารนี้ไม่เพียงแค่ขายไส้หมูผัดแกงเท่านั้น แต่ยังมีเต้าหู้ผัดซอสพริกหม่าล่า เนื้อหมูผัดซ้ำ หมูกระเทียม และเป็ดรมชา
หลี่หมิงเฉิงรู้ว่าหลินม่ายไม่ชอบอาหารอุดมไขมัน ยกเว้นไส้หมูผัดแกง ซึ่งค่อนข้างเลี่ยน ส่วนอาหารอื่น ๆ ล้วนเป็นอาหารเบา
ไส้ใหญ่ของหมูเป็นส่วนผสมที่อร่อยเมื่อปรุงสุก แต่หากทำไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
ทว่าไส้หมูเสฉวนอร่อยมากจริง ๆ
ยกตัวอย่างไส้หมูผัดแกงจากร้านร้านอาหารเสฉวนเล็ก ๆ แห่งนี้มีสีเหลืองสดใส รสชาติกลมกล่อม นุ่มและอร่อย แม้มีไขมัน แต่ก็ไม่มันเยิ้ม ทั้งจานเต็มไปด้วยสีสันและมีกลิ่นหอม ถือเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับอาหารค่ำ
หลินม่ายกินไส้หมูผัดแกงสองคำกับข้าวสองคำ “บอกฉันหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายและเสี่ยวหม่าน?”
หลี่หมิงเฉิงตกตะลึง “ไม่มีอะไรหรอก เราเลิกกันไปนานแล้ว เสี่ยวหม่านไม่ได้บอกเธอเหรอ?”
ตอนนี้เป็นคราวของหลินม่ายที่ต้องตกตะลึง “นายสองคนเลิกกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เราเลิกกันเมื่อต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้”
“ใครเป็นคนเสนอให้เลิกกัน”
“ฉันเอง”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เธอคิดว่าเสี่ยวหมายเป็นฝ่ายขอเลิก แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหลี่หมิงเฉิง!
เธอถามอย่างจริงจัง “ทำไมนายถึงเลิกกับเสี่ยวหม่านล่ะ?”
หลี่หมิงเฉิงตักข้าวเข้าปากก่อนตอบว่า “ฉันบอกเหตุผลไม่ได้หรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเสี่ยวหม่านค่อนข้างลึกลับ เหมือนหล่อนไม่ได้มีใจให้ฉัน ฉันเลยเลิกกับหล่อน”
“ทำไมถึงคิดว่าเสี่ยวหม่านค่อนข้างลึกลับล่ะ ทำไมถึงคิดว่าเธอไม่ได้มีใจให้นายล่ะ?”
“หล่อนไม่ค่อยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฉันฟัง บอกแค่ว่าครอบครัวรักหล่อนมาก ฉันอยากไปเยี่ยมพ่อแม่ของหล่อนหลายครั้ง แต่หล่อนมักหาข้ออ้างไม่ให้ฉันไป หล่อนปิดกั้นตัวเองอย่างแน่นหนา หากไม่ใช่ทำตัวลึกลับหรือไม่ยอมเปิดใจให้ฉัน แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีก?”
หลินม่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามไปว่า “นายแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่เพราะว่านเสียน ที่ทำให้นายเลิกกับเสี่ยวหม่าน? ฉันเห็นนายกับว่านเสียนอยู่ด้วยกันเมื่อกี้”
“ไม่ใช่นะ!” หลี่หมิงเฉิงส่ายหัวอย่างหนัก “ว่านเสียนกับฉันเพิ่งเดทกันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนฉันกับเสี่ยวหม่านเลิกกันมานานกว่าครึ่งปี”
หลินม่ายสงสัย “ทำไมนายถึงไปคบกับว่านเสียนได้ล่ะ?”
หลี่หมิงเฉิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
ในช่วงวันปีใหม่ปีนี้ หลี่หมิงเฉิงกลับมายังบ้านเกิดหลังเทศกาลและกำลังกลับเข้าเมือง ณ สถานีรถไฟ เขาเห็นว่านเสียนพี่สาวของว่านฮุ่ยถูกชายร่างใหญ่สองคนจับเป็นตัวประกัน
โดยไม่ต้องคิดสิ่งใดมาก เขาตะโกนขึ้นว่ามีผู้ค้ามนุษย์ ทำให้ชายร่างใหญ่สองคนกลัว ก่อนที่เขาจะเข้าไปช่วยเหลือว่านเสียน
ครอบครัวของว่านเสียนรู้สึกขอบคุณเขามากและมักจะเชิญเขาไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน
ขณะที่ว่าเสียนมักแวะมาที่บ้านของเขาเพื่อทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร และอื่นๆ หลังจากพบเจอกันบ่อยขึ้น ทั้งสองจึงตกหลุมรักกัน
หลี่หมิงเฉิงพูดโอ้อวดเล็กน้อย “วันนี้เธอว่างไหม ถ้าเธอว่าง คืนนี้ก็มาบ้านฉันเพื่อกินอาหารเย็นและดูฝีมือการทำอาหารของฉัน ฉันไม่อยากจะโม้ แต่ฉันทำอาหารเสฉวนได้ดีเลย”
หลินม่ายขัดเขา “หยุดเลย นายไม่ได้บอกเองเหรอว่าว่านเสียนมักมาทำอาหารให้นายเสมอ? ไม่ใช่ว่านเสียนเหรอที่มีทักษะการทำอาหารดีขึ้น ทำไมถึงกลายเป็นนายไปได้ล่ะ?”
หลี่หมิงเฉิงเกาหัวและพูดอย่างเขินอาย “ฉันไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นทำความสะอาดและทำอาหารให้ฉันตลอดหรอก”
“แล้วทุกครั้งที่ว่านเสียนมาทำอาหารที่บ้านนาย หล่อนซื้อวัตถุดิบมาด้วยไหม?”
หลี่หมิงเฉิงตอบด้วยรอยยิ้ม “หล่อนเป็นแค่นักเรียน จะมีเงินได้อย่างไร? สภาพครอบครัวของหล่อนไม่ดี ไม่มีเงินซื้อวัตถุดิบมาหรอก ฉันเป็นคนซื้อมันทั้งหมดเอง”
หลินม่ายเริ่มเข้าใจหลังได้ยินเขาบอกว่าว่านเสียนมาทำอาหารให้หลี่หมิงเฉิงกิน
ในความจริง หลี่หมิงเฉิงเป็นคนทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ส่วนว่านเสียนแค่แวะมากินและดื่ม
เกรงว่าทุกครั้งที่หลี่หมิงเฉิงไปยังบ้านของว่านเสียนเพื่อรับประทานอาหารเย็น เขาคงซื้อของขวัญติดมือไปมากมาย
ไม่อย่างนั้นว่านเสียนจะชวนเขาไปรับประทานอาหารเย็นได้อย่างไร?
หลินม่านพลันรู้สึกปวดหัว หลี่หมิงเฉิงไม่ได้เติบโตขึ้นเลย นอกเหนือจากอายุที่เพิ่มขึ้น สติปัญญาของเขายังเหมือนเดิม ซึ่งถูกคนอื่นลวงหลอกได้ง่ายดาย
เธอถามด้วยสีหน้าจริงจัง “นายไม่กลัวว่าว่านเสียนจะโกหกเหรอ?”
หลี่หมิงเฉิงโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้ยังไง? พ่อแม่ของเราได้พบกันแล้ว ฉันกับว่านเสียนจะแต่งงานกันในสิ้นปีนี้ ใครจะใช้ทั้งชีวิตหลอกลวงคนอื่นล่ะ”
หลินม่ายตกตะลึง
ว่านเสียนเต็มใจที่จะแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิง ซึ่งทำให้เธองุนงง
แม้ว่าว่านเสียนจะเป็นเพียงนักศึกษาที่ศึกษาทางไกล แต่หล่อนก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่
ในยุคนี้มีนักศึกษาที่ศึกษาทางไกลไม่มากนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มอบหมายงานให้ แต่ตราบใดที่พวกเขามีผลการเรียนดีเยี่ยม หน่วยงานของรัฐหลายแห่งจะรีบช่วงชิงบุคคลสำคัญ
ว่านเสียนเป็นนักศึกษาที่ศึกษาทางไกลผู้มีผลการเรียนดีเยี่ยม
นักศึกษาที่ศึกษาทางไกลจะจบการศึกษาภายใน 3 ปี ว่านเสียนจะสามารถเริ่มงานได้ในเดือนกันยายนปีนี้
ใกล้จะถึงกลางเดือนมกราคมแล้ว กล่าวคือยังมีเวลาอีกแปดเดือนกว่าที่ว่านเสียนจะสามารถหาเงินได้
หากไม่ใช่เพราะหล่อนกำลังจะกลายเป็นแม่ไก่ทองคำสามารถออกไข่ได้ แม่ว่านคงไม่ยอมให้หล่อนแต่งงาน
แม้ว่าหล่อนจะถูกขอแต่งงาน พวกเขาก็จะพิจารณาจับคู่เธอกับชายหนุ่มจากในเมืองเท่านั้น ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมให้ว่านเสียนแต่งงานกับคนอย่างหลี่หมิงเฉิงที่ไม่มีทะเบียนบ้านในเมือง
ทุกวันนี้ การลงทะเบียนครัวเรือนในเมืองและชนบทมีความแตกต่างกันอย่างมาก สวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐบาลเอื้อประโยชน์แก่ชาวเมือง ในขณะที่ผู้ที่มีทะเบียนบ้านในชนบทมักจะได้รับสิทธิพิเศษน้อยกว่า
เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจะต้องมีปีศาจ
หลินม่ายโกหกว่าเขาว่าอิ่มแล้ว และขอตัวกลับไปก่อน
หลี่หมิงเฉิงมองไส้หมูผัดแกงและเต้าหู้ผัดซอสพริกหม่าล่าที่ยังไม่ได้ลองชิม ก่อนจะขอให้ทางร้านแพ็คกลับบ้านให้อย่างมีความสุข
เขาหันไปพูดกับหลินม่ายว่า “เสียนเสียนชอบกินสองจานนี้มากที่สุด ไม่สิ ต้องบอกว่าตราบใดที่เป็นอาหารเสฉวน หล่อนชอบพวกมันมาก”
หลินม่ายพูดประชดประชัน “นายก็เลยฝึกทำอาหารเสฉวนสินะ”
หลี่หมิงเฉิงไม่ได้รู้ว่านี่คือคำเหน็บแนม คิดว่าเธอกำลังชมเขาเท่านั้น เขาจึงเผยยิ้มอย่างมีความสุข
นับตั้งแต่ฟางจั๋วเยวี่ยเปิดตัวเครื่องผลิตถ้วยและชามแบบใช้แล้วทิ้ง ท้องถนนก็เต็มไปด้วยถ้วยและชามแบบใช้แล้วทิ้ง
ร้านอาหารรีบเก็บของที่เหลือในชามทันทีและส่งมอบให้กับหลี่หมิงเฉิง
เพื่อนสนิทสองคนกล่าวลาและแยกย้ายกันที่ประตูร้าน หลินม่ายไปยังโรงงานอาหารรสชาติพิเศษติ่งเซียงเพื่อตามหาโจวฉายอวิ๋น
โจวฉายอวิ๋นกำลังตรวจสอบโรงงาน เพื่อดูว่ามีคนงานที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยหรือไม่
ใครก็ตามที่ไม่ทำตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัย แม้ว่าจะจับได้เพียงครั้งเดียวจะถูกไล่ออกทันที
การจัดการอาหารของหลินม่ายค่อนข้างเข้มงวด เนื่องจากอาหารเกี่ยวข้องกับสุขภาพของผู้บริโภค
โจวฉายอวิ๋นได้รับรายงานจากลูกน้องว่าหลินม่ายอยู่ที่นี่ และรออยู่ในห้องทำงานของหล่อน
หล่อนจึงหยุดเดินตรวจตราและไปที่สำนักงานทันที
ทั้งสองดีใจมากที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง
โจวฉายอวิ๋นชงนมผงให้หลินม่ายหนึ่งแก้ว
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก
โจวฉายอวิ๋นเป็นคนมัธยัสถ์เสมอ ดังนั้นเธอจึงซื้อนมผงและวางไว้ในที่ทำงาน แต่เธอยังซื้อมันเป็นพิเศษสำหรับแขกที่มาเยี่ยมด้วยหรือ?
หลินม่ายไม่ได้คิดจะถามเรื่องพวกนี้ ก่อนถามโจวฉายอวิ๋นว่า “พี่รู้หรือเปล่าว่าหลี่หมิงเฉิงและว่านเสียนกำลังคบหากันอยู่?”
“รู้สิ ฉันรู้ด้วยว่าพวกเขาจะแต่งงานกันในสิ้นปีนี้ มีอะไรหรือเปล่า?” โจวฉายอวิ๋นเทน้ำใส่แก้วของตัวเอง
“พี่ไม่สงสัยเหรอกว่า มันเป็นเรื่องแปลกมากที่ว่านเสียนจะเต็มใจยอมแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงน่ะ?”
“มันน่าสงสัยตรงไหนกัน? ด้วยสถานการณ์ของว่านเสียน ถ้าหล่อนไม่แต่งงานกับหลี่หมิงเฉิง หล่อนจะหาคนที่ดีกว่านี้ได้อีกเหรอ?” โจวฉายอวิ๋นยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
หลินม่ายเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ข้อมูลมากมาย จึงถามไปว่า “แล้วสถานการณ์ของว่านเสียนที่ว่าคืออะไร?”
โจวฉายอวิ๋นลดเสียงลง “ฉันได้ยินมาว่าหล่อนแอบมีความสัมพันธ์ชายหญิงกับเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียน และโดนแม่ของเพื่อนร่วมชั้นด่าว่า ผู้ปกครองคนนั้นด่าด้วยถ้อยคำอย่างรุนแรง บอกว่าว่านเสียนอย่าคิดว่าการนอนกับลูกชายจะทำให้หล่อนสามารถแต่งงานเข้ามาในครอบครัวของพวกเขาได้ แล้วยังบอกกับแม่ว่านและว่านเสียนว่าอย่าคิดจะเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ ว่านเสียนได้กลายเป็นผู้หญิงชื่อเสียงฉาวโฉ่ในด้านนี้ การได้พบกับหลี่หมิงเฉิงนับว่าเป็นเรื่องโชคดีมาก”
หลินม่ายเป็นผู้หญิงที่มีความคิดก้าวหน้าและค่อนข้างเปิดกว้าง
มันไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงที่นอนกับผู้ชายนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี บางครั้งเพียงเพราะผู้หญิงเหล่านั้นมีความรัก
ผู้หญิงหลายคนใช้ร่างกายเพื่อเอาใจกัน เพราะรักกันมากเกินไปจนไม่รู้จะรักตัวเองอย่างไร
หลินม่ายอาจไม่มองผู้หญิงแบบนั้นด้วยคำดูถูก แต่หลายคนมอง
โดยเฉพาะชาวชนบท พวกเขารักศักดิ์ศรีและให้ความสำคัญกับความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิงเป็นอย่างมาก
หลินม่ายถามอย่างงุนงง “ก็ถ้าว่านเสียนมีชื่อเสียงไม่ดี ทำไมพ่อแม่ของหมิงเฉิงจึงอยากได้หล่อนเป็นลูกสะใภ้ล่ะ?”
“หมิงเฉิงปิดซ่อนเรื่องนี้ไว้จากพ่อแม่ของเขา ผู้อาวุโสทั้งสองจึงไม่รู้ และฉันไม่กล้าบอกพวกเขาเหมือนกัน เพราะกลัวว่าหมิงเฉิงและว่านเสียนจะไม่พอใจ”
หลินม่ายพูดไม่ออกหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และถามโจวฉายอวิ๋นว่าหล่อนพอใจที่เห็นว่านเสียนและหลี่หมิงเฉิงอยู่ด้วยกันหรือไม่
โจวฉายอวิ๋นครุ่นคิดเพียงครู่ก็ตอบว่า “การแต่งงานเป็นสิ่งที่คนนอกไม่มีวันเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ เช่นเดียวกับการสวมรองเท้า มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่ามันใส่สบายหรือเปล่า”
ได้รับฟังเช่นนี้ หลินม่ายก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นเธอจึงล้มเลิกแผนการที่จะแยกทางหลี่หมิงเฉิงและว่านเสียนออกจากกัน
บางทีคู่หนุ่มสาวอาจจะครองรักกันดีหลังจากแต่งงานก็ได้?
หลินม่ายกำลังจะดื่มนมในมือ และคิดว่าจะขอตัวหลังจากนั้น
ทันทีที่เธอหยิบแก้วขึ้นมา เธอเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถุงนมผงในมือ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อืม ก็เหมาะสมกันแล้ว ผช.ทึ่มแบบหมิงเฉิงไม่สมกับผญ.แบบเสี่ยวหม่านหรอก
ไหหม่า(海馬)