แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 951 หญิงร้ายชายชั่วได้พบเจอกัน
ตอนที่ 951 หญิงร้ายชายชั่วได้พบเจอกัน
หลังจากตัดขาที่เน่าทิ้งแล้ว อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ตกอยู่ในสภาวะโศกเศร้าหลายวัน
แต่การนอนจมอยู่กับความโศกเศร้าที่สูญเสียขาไปไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เวลานี้เขาได้สติคืนกลับมาแล้ว
เวลานี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนยังมีเงินที่เหล่าผู้ใจบุญบริจาคให้อยู่ในมือ
เขารู้สึกมีความสุขไม่น้อย ด้วยเงินหลายพันหยวนนี้ หลังจากที่รักของเขากลับมา เขาจะมีเงินให้หล่อนได้อยู่อย่างสุขสบายและซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ใส่
แต่หลังจากที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากโรงพยาบาล เขาก็กลายเป็นคนไร้ที่อยู่
เจ้านายที่ดุด่าเขาอย่างไร้ปรานีเสมอมา อนุญาตให้เขาอยู่ในเพิงพักอาศัยเดิมได้อีกสองสามเดือน
พวกเขาจะรอจนกว่าอาการบาดเจ็บของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนดีขึ้น แล้วค่อยจากไปภายหลัง ตอนนี้ให้อยู่ที่นี่ก่อนพร้อมอาหารให้สามมื้อ
ได้เห็นว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีสภาพที่น่าสมเพชเพียงใด เหล่าคนงานก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือเขาในเรื่องต่าง ๆ
ทุกคนพยายามช่วยเหลือเขา ทั้งทำอาหาร พาเข้าห้องน้ำ และซักผ้าให้
ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาสูญเสียไปไม่ใช่แค่ครึ่งขา แต่เป็นขาทั้งท่อน ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความสุขมากที่ทุกคนดูแลเขาอย่างนี้ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกขอบคุณ
ในทุกวันเขามองเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ราวกับมองหัวขโมย กลัวว่าพวกเขาจะเข้ามาขโมยเงินหลายพันหยวนนี้ออกไป
และเป็นอย่างที่เขาว่ากันไว้ ยิ่งกังวลมากเท่าไร สิ่งเหล่านั้นก็ยิ่งจะเกิดขึ้น
เช้าวันนี้ เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือการสัมผัสเงินหลายพันหยวนที่ซุกซ่อนอยู่ในเป้ากางเกง
เหตุผลที่เขาซ่อนเงินไว้ในเป้ากางเกง เพราะมันคือจุดสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึกที่สุด
ตราบใดที่มีคนมาสัมผัสมัน เขาจะรู้สึกตัวทันที และเงินจะไม่ถูกขโมยไปแน่นอน
แต่ทันทีที่เขาสัมผัสเป้ากางเกง เขาก็พบว่ากางเกงของเขาเป้าขาด และเงินหลายพันหยวนได้หายไปแล้ว
เขารีบใช้ไม้เท้าค้ำยันเพื่อไปแจ้งตำรวจทันที
เงินหลายพันหยวนไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย และเป็นเงินของผู้พิการด้วย ตำรวจจะให้ความสำคัญกับมันแน่นอน ทำให้เวลานี้ตำรวจรีบรุดมาที่สถานที่ทำงานเพื่อตรวจสอบเรื่องราว
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนชี้ไปที่คนงานเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล ก่อนจะบอกว่าพวกเขาทั้งหมดคือผู้ต้องสงสัย
หากเป็นตำรวจพูดคำนี้ออกมา คนงานเหล่านั้นคงไม่ขุ่นเคืองเท่านี้
เพราะพวกเขาอาศัยอยู่กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน มันเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะได้
แต่กลับเป็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่คิดสงสัยพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกขุ่นเคืองจริง ๆ
หลังจากเห็นว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนพิการ คนงานทุกคนเริ่มที่จะหาอาหารเสริมและซื้อผลไม้มาฝากเขาเสมอ
อีกอย่าง ทุกคนทำงานด้วยกันเป็นปี และยังรู้จักกันดีด้วย แต่เขามักจะคิดเสมอว่าทุกคนอยากได้เงินของเขา ใครจะไปรู้?
ดังที่ทราบ ห้องเก็บของที่เขาหลับนอนเปิดเอาไว้ และบุคคลภายนอกสามารถเดินเข้าออกได้เสมอ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เพียงแค่คนงานเหล่านี้ที่น่าสงสัย แต่ควรจะสงสัยคนนอกที่เข้าออกด้วย
แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ต่างจากหมาบ้า เขากัดคนนั้นคนนี้ไม่ยอมปล่อย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีเจตนาร้ายกับพวกเขา
ในเมื่อโจรที่เข้ามาจากภายนอกเอาเงินไปแล้ว เขาจะไปตามหาคน ๆ นั้นจากไหนได้อีก?
เวลานี้การใส่ร้ายคนงานด้วยกันมันจึงง่ายกว่ามาก
โชคดีที่ตำรวจให้ความสำคัญกับหลักฐานมากกว่า แม้ว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะสงสัยเพื่อนร่วมงานทั้งหมดของเขาก็ตาม
แต่เมื่อไม่มีหลักฐานใด คดีนี้จึงไม่อาจคลี่คลายได้ และสรุปไปว่าไม่มีคนร้ายอยู่ในหมู่คนงานเหล่านี้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนโกรธจัดจนดุด่าว่าตำรวจสมรู้ร่วมคิดกับคนเหล่านี้ด้วย
เจ้านายและคนงานโกรธจนควันออกหู รู้สึกว่าพวกตนหลงผิดที่ช่วยเหลือหมาป่าตาขาวตัวนี้เอาไว้
เจ้านายจึงสั่งให้เหล่าคนงานโยนอู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากค่ายคนงานทันที
เขาไม่คิดจะเก็บคนเนรคุณไว้อีกต่อไป หากมีของหายขึ้นมาอีก อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคงจะคลุ้มคลั่งและโทษว่าเป็นฝีมือพวกเขาแน่
ทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงานช่วยกันโยนอู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากค่าย ในที่สุดข่าวที่เขาถูกขโมยเงินก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเรื่องฉาวที่เขาทำกับเพื่อนร่วมงานในพื้นที่แห่งนี้จึงไม่มีใครกล้าช่วยเหลือเขาอีก เพราะกลัวจะถูกเขาแว้งกัดภายหลัง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลายเป็นขอทานเร่ร่อน
เขาอาศัยความพิการของตัวเองในการขอเงินคนอื่นในทุก ๆ วัน
แต่มันก็เหมือนกับครั้งที่เขาเคยแสร้งทำตัวพิการแล้วขอทานก่อนหน้า
ไม่ว่าเขาจะได้รับเงินมากเท่าใด เขาก็ไม่สามารถเก็บมันไว้กับตัวได้ เงินเกือบทั้งหมดถูกขอทานตัวปลอมที่อายุน้อยกว่าและแข็งแรงกว่าขโมยไป
เงินบริจาคที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับไม่ได้ถูกใครขโมย แต่เป็นเหมาฉงนั่นเอง
แต่เหมาฉงไม่ใช่เพียงนักเลงทั่วไป เขาค่อนข้างมีความยุติธรรมในใจ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอู๋เสี่ยวเจี๋ยนต้องได้รับเงินบริจาคหลายพันหยวนนี้ด้วย มันควรเป็นของบุคคลที่ยากจนอย่างแท้จริงมากกว่า
นอกจากนี้เขายังได้รับอาหารสามมื้อจากเจ้านายฟรี ๆ และยังมีที่พัก อาหารเสริม ผลไม้ต่าง ๆ ที่เพื่อนร่วมงานยากจนกว่าซื้อให้
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่เอาเงินที่ได้รับไปบริจาค เขาจะเป็นคนทำมันเองด้วยการขโมยเงินจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนแล้วบริจาคโดยไม่ออกนามให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้พวกเขานำเงินเหล่านี้ไปใช้ในทางที่เหมาะที่ควรแทน
เขาไม่คิดมาก่อนว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะถูกเจ้านายและเพื่อนร่วมงานขับไล่ออกจากค่ายคนงานเพราะการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของตนเอง
สุดท้ายแล้ว ขยะเช่นนี้ไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือจากใคร
อีกไม่นานจะถึงวันปีใหม่แล้ว การขอทานของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนดีขึ้นเรื่อย ๆ
ในหนึ่งวันเขาได้รับเงินกว่าสี่สิบหรือห้าสิบหยวน
แต่อย่างไรก็ตาม เงินของเขาถูกขอทานสองสามคนฉกฉวยเอาไปก่อนที่เขาจะสัมผัสมันเสียอีก
การถูกปล้นเงินเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พวกมันกลับทุบตีอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างรุนแรงด้วย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกทุบตีกระทั่งมีสภาพน่าอนาถ จนต้องร้องไห้ด้วยความสมเพชชีวิตของตนเอง
เวลานี้เขากลายเป็นคนพิการ ถูกคนรังแก และต้องเร่ร่อนขออาหารไปทั่ว
เขารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิตนี้เต็มที ก่อนจะมาหยุดยืนริมชายหาดและคิดฆ่าตัวตาย
มีเพียงชีวิตหลังความตายเท่านั้นที่ไม่ต้องเจ็บปวด
แต่ทันทีที่เขาเดินมาถึงชายหาด เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่บนผืนทราย ไม่รู้ว่าหล่อนยังมีชีวิตหรือตายแล้ว
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรีบใช้ไม้ค้ำเดินเข้าหา และอยากจะค้นทั่วร่างกายของผู้หญิงคนนั้นว่ามีเงินบ้างไหม
เขาพลิกตัวหญิงสาวขึ้นมาเพื่อจะรื้อค้นร่างกายของหล่อน แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลมากมายนั้นทำให้เขาแทบจะสิ้นสติ
เขาหวาดกลัวจนกระทั่งทรุดตัวลงกับพื้น และต้องใช้เวลากว่าหลายนาทีเพื่อสงบจิตใจก่อนจะยื่นมือคุ้ยเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นด้วยความหวาดกลัว
แต่จู่ ๆ หญิงที่หมดสติไปเนิ่นนานก็ลืมตาขึ้นจ้องมองเขาพร้อมกล่าวเรียกหาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เสี่ยวเจี๋ยน” ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนประหลาดใจมาก หญิงที่มีบาดแผลเต็มใบหน้าและร่างกายคนนี้คือหลินเพ่ยสุดที่รักของเขาเอง
แม้หล่อนจะไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นใคร แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็จดจำหลินเพ่ยได้ดี มากกระทั่งจดจำเสียงของหล่อนได้แม่นยำ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเจ็บปวดมาก หัวใจบีบรัดจนแทบจะแตกสลายในทันที เขากล่าวเรียกผู้หญิงคนนั้นเบา ๆ “เธอคือเพ่ยเพ่ยเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมองหน้าหล่อนก่อนจะมองทั้งร่างกายที่บอบช้ำ “เธอมาอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง?”
ความเกลียดชังเผยในแววตาของหลินเพ่ย หล่อนตะโกนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “เป็นนังหลินม่ายที่ทำเรื่องนี้! มันเป็นคนทำร้ายฉัน!”
จากนั้นหล่อนก็สร้างเรื่องโกหกว่าหลินม่ายข่มเหงตนเองอย่างไร
หล่อนหันมองอู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยแววตามุ่งมั่น “เสี่ยวเจี๋ยน คุณต้องช่วยล้างแค้นให้ฉันนะ!”
ในอดีต หลินเพ่ยต้องการให้หลินม่ายตายตกอย่างไร้ญาติ
แต่เวลานี้หล่อนยิ่งต้องการให้หลินม่ายตายตกอย่างทุกข์ทรมาน
หลินเพ่ยเชื่อว่าหากไม่ใช่เพราะเทปลึกลับนั่น จุดจบของหล่อนคงไม่น่าสมเพชขนาดนี้แน่
คนที่บันทึกเทปนั้นต้องเป็นคนของหลินม่ายแน่นอน
แต่หล่อนไม่สามารถฆ่าหลินม่ายได้ด้วยตนเองอีกแล้ว เวลานี้ทำได้เพียงร้องขอให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนผู้เป็นสุนัขรับใช้ของหล่อนทำงานแทน
แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับไม่แสดงความจงรักภักดีเช่นเคย
หลินเพ่ยนึกหงุดหงิดรำคาญอยู่ในใจ ทว่าสีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง
หล่อนจึงร้องถาม “เสี่ยวเจี๋ยน คุณไม่อยากช่วยฉันแล้วเหรอ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนทุบขากางเกงที่ว่างเปล่าของเขา
เวลานี้เองที่หลินเพ่ยเห็นว่าเขาไม่มีขา
หล่อนตื่นตระหนกจนอ้าปากกว้าง “ขาอีกข้างของคุณไปไหน?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเล่าทุกอย่างให้หล่อนฟัง
เมื่อเห็นว่าหลินเพ่ยเงียบไป เขาก็กลัวว่าหลินเพ่ยจะไม่ชอบตนแล้ว
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องกังวลหรอก ถึงฉันจะไม่มีขาแล้ว แต่ฉันก็สนับสนุนเธอได้”
หลินเพ่ยรู้ว่าเขาจะสนับสนุนหล่อนอย่างไร ก็คือการไปนั่งขอทาน
ในฐานะผู้หญิงแพศยา หล่อนมีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ชายเป็นอย่างดี และรู้วิธีที่จะยกย่องผู้ชายเพื่อให้อีกฝ่ายสร้างประโยชน์ให้ตน
หล่อนพยักหน้ารับ “อื้ม ฉันรู้ว่าเสี่ยวเจี๋ยนของฉันเก่งที่สุด!”
หลังจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินอย่างนั้น เขายิ่งพึงพอใจเป็นล้นพ้น
อย่างที่ทุกคนทราบดี หญิงชาเขียวมักมีถ้อยคำหวานคอยหว่านล้อมหัวใจชายหนุ่มให้รู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดเวลา
แล้วแบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหลือเกิน แต่ก็ถือว่ากรรมตามสนองที่ชาติก่อนเคยทำชั่วไว้กับม่ายจื่อล่ะนะ
ไหหม่า(海馬)