แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 957 ติดตามไปรับตัวเจ้าสาว
ตอนที่ 957 ติดตามไปรับตัวเจ้าสาว
ทุกคนแห่กันไปที่หน้าต่างอย่างตื่นเต้นเพื่อมองลงไปข้างล่าง
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานมองหน้ากัน จากนั้นรีบวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อมองลงไปเช่นกัน
เถาจืออวิ๋นกำลังนั่งซ้อนท้ายจักรยานของชายคนหนึ่งกลับมา
ท่ามกลางสายตาหลายคู่ เปลวไฟแห่งการซุบซิบนินทาพลันลุกโชน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในวันมงคลสมรส เจ้าสาวที่หายตัวไปถูกชายคนหนึ่งพากลับมา
ฟางจั๋วเยวี่ยวิ่งลงไปชั้นล่างทันที ขณะที่ทุกคนต่างก็หลีกทางให้เขาอย่างรวดเร็ว
หลินม่ายพร้อมครอบครัวของเธอ ครอบครัวของเถาจืออวิ๋น และเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็วิ่งตามออกไป
ก่อนจะวิ่งไปถึงตัวเถาจืออวิ๋น ฟางจั๋วเยวี่ยถามออกไปอย่างไม่รอช้า “ที่รัก เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคุณถึงหายตัวไปหลังจากทำผมเสร็จ แล้วทำไมถึงกลับมากับผู้ชายคนนี้?”
ขณะที่กล่าวคำเช่นนั้น เขาก็มองชายที่ขี่จักรยานมาส่งเถาจืออวิ๋นด้วยสายตาประกาศความเป็นปรปักษ์
เถาจืออวิ๋นเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟังอย่างเขินอาย
เพื่อเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุด หล่อนไปยังร้านตัดผมที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงเพื่อทำผมตั้งแต่เช้า
หลังจากทำผมเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน
อย่างไรก็ตามหล่อนถูกชายคนหนึ่งขี่จักรยานชนบนถนน ทำให้ฝ่ามือมีเลือดออกเล็กน้อย
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาพลันเห็นว่าฝ่ามือขวาของหล่อนถูกปิดด้วยผ้าก๊อซ
ฟางจั๋วเยวี่ยรู้สึกเป็นกังวล เขาจับมือของหล่อนพลางสำรวจ “ที่รัก เจ็บมากไหม?”
เถาจืออวิ๋นส่ายหัว “ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว แต่ก่อนหน้าเจ็บนิดหน่อยค่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยตะโกนใส่คนที่มาส่งเถาจืออวิ๋นกลับทันที “คุณขี่จักรยานช้าลงไม่ได้หรือไง?”
ชายคนนั้นก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เถาจืออวิ๋นจับมือฟางจั๋วเยวี่ย “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย”
หลังเกิดอุบัติเหตุ เถาจืออวิ๋นกำลังจะเดินต่อไป
แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนมีเลือดออกมาก ชายคนนั้นยืนกรานว่าจะพาหล่อนไปโรงพยาบาล ไม่ว่าเถาจืออวิ๋นจะปฏิเสธอย่างไรเขาก็ไม่ยอม
สุดท้ายทั้งสองคนจึงไปโรงพยาบาล เข้าคิวลงทะเบียน หาหมอ เย็บแผล… ใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้
ฟางจั๋วเยวี่ยรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อได้ยินว่าเถาจืออวิ๋นต้องเย็บแผลที่ฝ่ามือ เขาจึงหันไปตำหนิผู้ก่อเหตุอีกครั้ง
ในท้ายที่สุดหลินม่ายเป็นคนยัดถุงขนมงานแต่งให้ชายคนนั้นและปล่อยเขาไป เรื่องทั้งหมดจึงยุติลง
มิฉะนั้นด้วยบุคลิกของฟางจั๋วเยวี่ยที่หวงแหนคนรัก เขาคงด่าทอชายคนนั้นไม่หยุด
เถาจืออวิ๋นกลับไปยังห้องและเปลี่ยนชุดเป็นชุดแต่งงานสีแดงสด ก่อนจะเข้าไปในรถ
แขกเหรื่อขึ้นรถตู้และเดินทางไปยังเรือนหอด้วยกัน
ระหว่างทาง หวังเหวินฟางพุ่งตัวออกมาขวางกลางถนน
โชคดีที่คนขับเบรกทัน ทำให้ไม่เกิดเหตุสลดใจ
ถึงกระนั้นหวังเหวินฟางก็ตกใจจนล้มลงพื้น
ฟางจั๋วเยวี่ยลงจากรถอย่างหมดหนทาง มองหวังเหวินฟางที่เพิ่งลุกจากพื้นพลางกล่าวอย่างเศร้าใจ “แม่ครับ ปล่อยให้ผมมีความสุขในวันมงคลสมรสไม่ได้หรือยังไง?”
หวังเหวินฟางพูดอย่างเย็นชา “แกเอาเงินมาให้ฉัน 50,000 หยวน แล้วฉันจะหายตัวไปทันที!”
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบกลับด้วยสีหน้าหมองหม่น “ถ้าผมไม่ให้ล่ะ?”
หวังเหวินฟางเปิดถุงผ้าในมือและแสดงให้ฟางจั๋วเยวี่ยได้เห็น
พวกมันเป็นเงินกระดาษสำหรับให้คนตายใช้
หวังเหวินฟางกล่าว “ถ้าแกไม่ให้เงินฉัน 50,000 หยวน ฉันจะโปรยเงินกระดาษพวกนี้ในภัตตาคารที่แกจัดงานเลี้ยงแต่งงาน”
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบกลับด้วยความรำคาญเป็นครั้งแรก “แม่คงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้นหรอก”
ทันทีที่เขาพูดจบ เพื่อนเจ้าบ่าวสองคนก็ควบคุมตัวหวังเหวินฟางจากด้านหลังอย่างเงียบ ๆ
ขณะที่หวังเหวินฟางกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ ผ้าชิ้นหนึ่งก็ถูกยัดเข้าไปในปากของหล่อน
เพื่อนเจ้าบ่าวทั้งสองช่วยคนลากหล่อนขึ้นรถตู้และขับออกไป
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่ได้ลงจากรถ ทว่าเธอสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
ดูเหมือนว่าฟางจั๋วเยวี่ยเป็นกังวลว่าแม่ของเขาจะสร้างปัญหาในงานแต่งงาน เขาจึงได้เตรียมการไว้แล้ว
บ่าวสาวไปยังเรือนหอเพื่อดื่มชาให้กับฟางเว่ยกั๋ว จากนั้นจึงพาแขกไปยังโรงแรมเพื่อดื่มไวน์เฉลิมฉลองงานแต่งงาน
ภายในงานเลี้ยง แขกช่างพูดสองถึงสามคนพูดถึงบ้านตระกูลฟาง ภรรยาของหลานชายคนโตแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ส่วนลูกสะใภ้ของหลานชายคนเล็กก็แต่งงานเป็นครั้งที่สองเช่นกัน
ไม่รู้เลยว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางคิดอะไรอยู่ จึงยอมให้หลานชายคนโปรดทั้งสองแต่งงานกับหญิงม่าย
แขกที่ซุบซิบนินทาเรื่องนี้นั่งที่โต๊ะถัดจากคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
หลินม่ายกลัวอย่างยิ่งว่าคู่สามีภรรยาอาวุโสจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเหล่านี้
ทว่ผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้สนใจ
คุณย่าฟางบอกกับหลินม่ายว่า แขกที่พูดจาไม่ดีล้วนต้องการให้ลูกสาวแต่งงานเข้าตระกูลฟาง ทว่าคุณย่าฟางปฏิเสธ
กินองุ่นไม่เป็นก็หาว่าองุ่นเปรี้ยว คนพวกนี้จึงจงใจพูดความเท็จ
คุณย่าฟางยังบอกอีกด้วยว่า ถึงลูกสะใภ้ทั้งสองคนจะแต่งงานใหม่ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเขามีความสุข
หลังจากที่ฟางจั๋วเยวี่ยและเถาจืออวิ๋นแต่งงานวัน วันที่ 28 เดือนจันทรคติที่ 12 ก็เป็นงานแต่งงานระหว่างหลี่หมิงเฉิงและว่านเสียน
ก่อนถึงวันงานไม่กี่วัน หลี่หมิงเฉิงโทรหาหลินม่ายและถามด้วยความอายว่า หลินม่ายจะให้ยืมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้เขาใช้เป็นรถแต่งงานได้ไหม
หลินม่ายตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
หลี่หมิงเฉิงไม่ใช่คนที่ชอบความฟุ้งเฟ้อ เขาสามารถซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ตัวเองได้
ในยุคสมัยนี้การใช้มอเตอร์ไซค์เป็นรถงานแต่งถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับเขามันเป็นเรื่องเจ๋งมากแล้วที่จะขี่รถมอเตอร์ไซค์มารับตัวเจ้าสาว และคงไม่คิดมายืมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของเธอ
หลินม่ายถามเสียงห้วน “มันเป็นความคิดของนายหรือว่าว่านเสียนที่ต้องการยืมรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของฉัน?”
“ไม่ใช่ทั้งนั้น มันเป็นความคิดของแม่ยาย”
หลินม่ายก่นด่าในใจ แม่ว่านช่างพยายามอย่างสุดความสามารถเหลือเกิน ที่จะยัดเยียดความคิดตัวเองใส่หัวลูกเขย
แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นวันแห่งความสุขของหลี่หมิงเฉิง หลินม่ายจึงตอบตกลง แต่เธอต้องเป็นคนขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์เอง
ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์หรือรถโรลส์รอยซ์ของหลินม่าย พวกมันล้วนเป็นรถหรูที่อยู่ในเมืองหลวง
แต่เพื่อหลี่หมิงเฉิง เธอจึงจัดการให้เป็นพิเศษและจัดหาคนขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปยังเมืองเจียงเฉิงข้ามวันข้ามคืน
ในวันแต่งงานของหลี่หมิงเฉิง หลินม่ายขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปยังเรือนหอของหลี่หมิงเฉิงก่อนเวลา
ในระหว่างการระดมทุนของบริษัทครั้งล่าสุดสำหรับที่อยู่อาศัย พนักงานทุกคนมีสิทธิ์ยื่นขอที่อยู่อาศัย
ที่อยู่อาศัยที่ได้รับทุนสนับสนุนร่วมกันของบริษัทมีราคาต่ำกว่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ขายโดยว่านทงกรุ๊ปถึง 20 เปอร์เซ็นต์
หลินม่ายคิดว่าหลี่หมิงเฉิงไม่ใช่คนฉลาด และมีศักยภาพเพียงเล็กน้อยในการทำเงินก้อนใหญ่ในอนาคต หลังจากเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง เธอก็โน้มน้าวให้เขาซื้อห้องชุดแบบสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นได้
ด้วยวิธีนี้เขาจึงมีบ้านสามหลังในเมืองเจียงเฉิง หนึ่งหลังสำหรับประกอบอาชีพอิสระ ส่วนอีกสองหลังสำหรับให้เช่า
ในอนาคตต่อให้ไม่ร่ำรวยมากเหมือนวัยเด็ก แต่ก็จะไม่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้
เรือนหอที่เขาใช้คือบ้านสามห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นที่ได้รับทุนสนับสนุนร่วมกัน
หลี่หมิงเฉิงเตรียมผ้าไหมสีแดงไว้แล้ว
ทันทีที่หลินม่ายมาถึง เขาขอให้เธอเข้าไปนั่งรอด้านในบ้าน ส่วนเขากับเพื่อนอีกสองถึงสามคนช่วยกันผูกรถเบนซ์ของเธอด้วยผ้าไหมสีแดง
เมื่อหลี่หมิงเฉิงแต่งงาน ญาติของเขาเกือบทั้งหมดจากชนบทล้วนเดินทางมาร่วมงาน ซึ่งมีป้าของเขาราวเจ็ดถึงแปดคนนั่งอยู่เต็มห้องนั่งเล่น
ทุกคนรู้จักหลินม่าย เมื่อพวกหล่อนเห็นหลินม่ายเดินเข้ามา ทุกคนจึงทักทายเธออย่างอบอุ่น
พ่อหลี่แม่หลี่แสดงท่าทางกระตือรือร้นยิ่งกว่า ขอบคุณหลินม่ายที่ช่วยเหลือลูกชายพวกเขาตั้งหลักในเมืองเจียงเฉิงได้
แม้ว่าหลินม่ายจะกินอาหารเช้ามาแล้ว แม่หลี่ก็เติมเหล้าหวานพร้อมไข่ลวกให้เธอดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
ในขณะที่ดื่มเหล้าหวาน หลินม่ายฟังการสนทนาของครอบครัว
ญาติคนหนึ่งถามแม่หลี่ว่าหล่อนจ่ายสินสอดเท่าใดสำหรับการแต่งงานกับลูกสะใภ้ในเมือง
แม่หลี่ชูมือขึ้น “5,000 หยวน”
เมืองเจียงเฉิงไม่ใช่เมืองที่ให้ความสำคัญกับของหมั้น เช่นเดียวกับชนบทรอบ ๆ
ในความทรงจำของชีวิตที่แล้วของเธอ ก่อนปี 1980 แทบไม่มีการพูดถึงสินสอดทองหมั้นของเจ้าสาวเลย
เมื่อถึงฤกษ์แต่งงาน เพียงซื้อผ้าให้เจ้าสาวตัดเย็บเสื้อผ้าก็เพียงพอแล้ว
แม้หลายทศวรรษต่อมา เมืองอื่น ๆ มักจะใช้เงินหลายแสนหยวนเป็นสินสอดทองหมั้น
ในบรรดาหญิงสาวในเมืองเจียงเฉิงที่เธอรู้จักยอมรับสินสอดเพียงหนึ่งแสนหยวน แต่เรือนหอก็เป็นสิ่งสำคัญ
อย่างไรก็ตามเมื่อครอบครัวของเจ้าสาวจัดหาสินเดิม ก็มักจัดหาบ้านและรถด้วยเช่นกัน
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการปฏิรูปและการเปิดประเทศ ผู้คนทั่วไปจึงร่ำรวยขึ้น สินสอดทองหมั้นจึงกลายเป็นที่นิยม
แต่โดยปกติสินสอดทองหมั้นมักเป็นเงินไม่กี่ร้อยหยวนพร้อมเครื่องประดับทองคำสำหรับเจ้าสาว
สินสอดจำนวน 5,000 หยวนค่อนข้างน่าประหลาดใจ จนญาติหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง
อย่างไรก็ตามมีญาติบางคนที่คิดว่ามันไม่ใช่การสูญเสีย
พวกเขาเชื่อว่าหลังจากที่ว่านเสียนมีงานทำ เงินสินสอด 5,000 หยวนจะได้รับคืนภายในเจ็ดหรือแปดปี
หลังจากที่แม่หลี่ได้ยินดังนี้ สีหน้าของหล่อนก็บิดเบี้ยวทันใด “เสี่ยวว่านได้เงินจากการทำงาน แต่มันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับครอบครัวหลี่ของเรา”
ทุกคนตกตะลึงและถามด้วยความสับสน “ทำไมมันถึงจะไม่เกี่ยวกับตระกูลหลี่ล่ะ? หล่อนเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลี่นี่นา”
แม่หลี่ตอบ “เงินทั้งหมดที่เธอได้รับจะมอบให้กับครอบครัวของหล่อน นี่คือสิ่งที่หล่อนขอทำข้อตกลงกับเราก่อนแต่งงาน”
ทันใดนั้นพลันเกิดความโกลาหลและถกเถียงกันในห้อง
ญาติบางส่วนกล่าวว่า “หล่อนจะให้เงินเดือนทั้งหมดกับครอบครัวตัวเองได้ยังไงหลังจากแต่งงานแล้ว เธอเองก็เหลือเกิน ทำไมถึงซื่อขนาดที่ยอมทำตามคำขอไร้เหตุผลแบบนั้นได้”
แม่หลี่ผายมือออก “ในที่สุดลูกชายก็ได้คู่ครอง เกรงว่าถ้าไม่ตอบตกลง แล่วฉันจะทำยังไงหากเจ้าสาวไม่ยอมแต่งงานกับลูกชายของฉัน?”
ญาติคนหนึ่งกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยากที่จะหาคางคกสองขาในโลกนี้ แต่ว่าทั่วทุกหนแห่งล้วนมีหญิงสาวที่มีสองขา ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแต่งงาน ก็แค่เปลี่ยนเจ้าสาวไม่ได้หรือไง?”
แม่หลี่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “หมิงเฉิงของเราชอบเสี่ยวว่านมาก และเขาคงไม่ยอมเปลี่ยนไปแต่งงานกับหญิงอื่น!”
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
หลี่หมิงเฉิงและสหายไม่กี่คนของเขาผูกรถแต่งงานเสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ทันทีที่ถึงฤกษ์งามยามดี หลินม่ายขับรถแต่งงานพาเจ้าบ่าวไปที่บ้านตระกูลว่านพร้อมขบวนญาติพี่น้องของเจ้าบ่าว
ในละแวกบ้านไม่บ่อยนักที่จะเห็นใครใช้รถเล็กมารับเจ้าสาว เพียงใช้รถตู้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้วสำหรับขบวนแห่
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของหลินม่าย ตามมาด้วยรถตู้ห้าแถว ทำให้เพื่อนบ้านในละแวกตกตะลึง
ทุกคนยืนดูอยู่ไม่ไกลและพากันกระซิบกระซาบ
บางคนบอกว่าว่านเสียนโชคดีมาก ชื่อเสียงของหล่อนค่อนข้างแย่ แต่กลับยังสามารถแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยได้
คนอื่น ๆ บอกว่าสิ่งที่ว่านเสียนกำลังมองหาไม่ใช่คนร่ำรวย แต่เป็นเพียงชายในชนบทที่ทำงานให้กับว่านทงกรุ๊ปด้านการขนส่ง
ชายคนนั้นพูดอย่างประชดประชัน “ตอนนี้ว่านทงกรุ๊ปทำกำไรได้ดี และรายได้จากการขนส่งก็สูงมาก หากวันใดที่ว่านทงกรุ๊ปล่มสลาย ว่านเสียนจะต้องเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว”
หลินม่ายถึงกับพูดไม่ออก
เธอเคยทำให้ชายคนนี้ขุ่นเคืองหรืออย่างไร เขาถึงสาปแช่งธุรกิจของเธอให้ล่มสลาย
หลินม่ายลงจากรถและเดินตามขบวนแห่ไปยังหน้าประตูบ้านตระกูลว่าน ซองแดงทั้งหมดถูกยัดเข้าไป ทว่าประตูก็ยังไม่ยอมเปิดออก
คนที่มารับเจ้าสาวต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ทุกคนขอให้หลี่หมิงเฉิงถามแม่ยายโดยตรงว่า ต้องการเท่าใดจึงจะยอมเปิดประตู
แม่ว่านนั่งบนพื้นและขึ้นราคา โดยบอกว่าต้องจ่ายหล่อน 3,000 หยวนสำหรับการเปิดประตู
สีหน้าหลี่หมิงเฉิงหม่นหมองราวกับก้นหม้ออย่างรวดเร็ว
เพื่อที่จะได้แต่งงานกับว่านเสียน เขาได้ใช้เงินออมของเขาและพ่อแม่ทั้งหมดแล้ว
อย่าว่าแต่การขอให้เขาควักเงิน 3,000 หยวนเลย แม้แต่ 300 หยวนเขาก็ไม่มี
กลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวและญาติพี่น้องต้องการช่วยเหลือให้เขายืมเงิน ทว่าทุกคนระดมทุนได้กว่าพันหยวนเท่านั้น
ในท้ายที่สุดหลินม่ายต้องควักเงิน 3,000 หยวนและให้หลี่หมิงเฉิงยืม
แม่ว่านยังคงรักษาคำพูด หลังได้รับเงิน 3,000 หยวนมา หล่อนจึงยอมเปิดประตูบ้านให้
ว่านเสียนเชิดศีรษะสูง สวมชุดกระโปรงสีแดงอยู่ข้างใต้ สวมทับด้วยเสื้อโค้ตผ้าแคชเมียร์สีแดงเข้มด้านนอก และมีช่อดอกไม้เจ้าสาวติดไว้ที่หน้าอก
ดวงตาของหลี่หมิงเฉิงสำรวจไปยังหูและนิ้วมือของว่าเสียนถึงสองครั้ง
หล่อนใส่ต่างหูมุกปลอมและสวมแหวนเงินบนนิ้วมือ
สีหน้าของหลี่หมิงเฉิงหมองลงทันใด เขาถามว่านเสียนเสียงเบา “เครื่องประดับทองที่ผมซื้อให้คุณอยู่ที่ไหน?”
เขาซื้อเครื่องประดับทองคำสามชิ้นให้ว่านสียน ต่างหูทองคำ แหวนทองคำ และสร้อยคอทองคำ แต่ตอนนี้เขากลับไม่เห็นเครื่องประดับเหล่านั้นเลย
ว่านเสียนตอบกลับด้วยความลังเล “แม่ของฉันเก็บพวกมันไว้ให้”
หลังรับฟังถ้อยคำ เขาก็ได้รู้ว่าเครื่องประดับทองคำสามชิ้นที่ซื้อให้เธอถูกแม่ว่านยึดเอาไป
เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นเสียงเบา “ทำไมคุณถึงให้ทุกอย่างกับแม่ของคุณล่ะ?”
ว่านเสียนก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
เมื่อเดินมาถึงด้านข้างรถแต่งงาน หลี่หมิงเฉิงเปิดประตูด้านหลังและส่งสัญญาณให้ว่านเสียนเข้าไปนั่งในรถ
แม่ว่านสาวเท้าก้าวออกมาด้านหน้าและปิดประตูรถที่หลี่หมิงเฉิงเพิ่งเปิด
“จะให้ขึ้นรถง่าย ๆ ไม่ได้หรอก เธอต้องจ่ายอย่างน้อย 3,000 หยวนสำหรับค่าธรรมเนียมขึ้นรถ”
กลุ่มขบวนแห่ของเจ้าบ่าวล้วนตกตะลึง
เจ้าบ่าวเพิ่งจ่ายค่าเปิดประตูบ้าน 3,000 หยวน แล้วตอนนี้ยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมขึ้นรถอีก 3,000 หยวน นี่เป็นการกระทำที่น่าเกลียดเกินไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขูดรีดขายลูกสาวกินขนาดนี้ ไม่ต้องแต่งก็ได้มั้ง หมิงเฉิงหาเจ้าสาวคนใหม่เถอะ
ไหหม่า(海馬)