แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 958 รีดไถอย่างหน้าด้านๆ
ตอนที่ 958 รีดไถอย่างหน้าด้านๆ
หลี่หมิงเฉิงอ้อนวาน “คุณป้าครับ ตอนนี้ผมไม่มีเงิน 3,000 หยวนจริง ๆ ให้อาเสียนเข้าไปนั่งในรถก่อน แล้วผมจะชดเชย 3,000 หยวนให้ในภายหลังเถอะ”
จากนั้นเขากำลังเอื้อมมือเพื่อเปิดประตูอีกครั้ง
แต่แม่ว่านจับประตูไว้แน่นหนาด้วยมือข้างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเปิด
หล่อนพูดอย่างไร้ความปรานี “อนาคตก็เป็นเรื่องอนาคต ถ้าวันนี้เธอไม่จ่ายค่าธรรมเนียม 3,000 หยวน ก็อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องแต่งงานกับหล่อน!”
แม้ว่าสมาชิกทุกคนในขบวนแห่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่การโต้เถียงกับแม่ยายในวันมงคลไม่ใช่เรื่องดีนัก
ทุกคนมองไปที่หลินม่ายอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้
หลินม่ายมองแม่ว่าน จากนั้นหันไปเห็นหลี่หมิงเฉิงมองมาที่เธออย่างมีความหวัง
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ที่นี่เลย
บางทีหากเธอไม่มาร่วมงาน แม่ว่านคงไม่เปิดปากร้องขอเงินครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอตัดสินใจและพูดกับหลี่หมิงเฉิงว่า “ถามเสี่ยวว่านสิ หรือว่าหล่อนจะไม่ขึ้นรถและเดินเท้าไปกับนาย”
หลี่หมิงเฉิงหันไปถามว่านเสียนอย่างรวดเร็ว “คุณจะเดินเท้ากลับบ้านกับผมไหม?”
ว่านเซียนตัวแข็ง และหลังจากนั้นครู่หนึ่งหล่อนก็บ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า “คุณก็รู้ว่าฉันแต่งงานได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต คุณ… จะให้ฉันมีศักดิ์ศรีบ้างไม่ได้เหรอ?”
หลี่หมิงเฉิงอธิบายอย่างจริงจัง “ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการให้คุณมีหน้ามีตา ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่รบกวนม่ายจื่อทั้งรถทั้งคนเพื่อมาสนับสนุนเราหรอก ผมก็คงไม่ซื้อเครื่องประดับทองให้คุณสามชิ้น และคงไม่จัดงานเลี้ยงงานแต่งงานที่โรงแรมอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผมทำไม่ได้จริง ๆ ผมไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว”
ว่านเสียนพยักพเยิดไปทางหลินม่ายด้วยสายตา “คุณยืมเงินจากเพื่อนก็ได้นี่”
ว่านเสียนไม่ยอมสบตาเขาพลางตอบคำเบา “ฉันจะเข้าไปในรถได้ยังไง ถ้าคุณไม่ให้เงินแม่ฉัน?”
เดิมทีหลินม่ายวางแผนที่จะยืนดูเฉย ๆ แต่เธอทนไม่ได้ที่เห็นแม่ลูกตระกูลว่านจ้องจะรีดไถเงินจากหลี่หมิงเฉิงเหมือนเขาเป็นแกะอ้วน เธอจึงพูดออกมา
“เธอเอาแต่พูดเรื่องศักดิ์ศรี แต่ประเด็นที่แท้จริงคือใครกันแน่ที่ไม่ให้เกียรติเธอ แม่ของเธอต่างหากที่ไม่ให้เกียรติเธอเลย ถ้าแม่ของเธอไม่ขอค่าธรรมเนียมขึ้นรถ เธอก็คงขึ้นรถและออกไปได้อย่างราบรื่นไปนานแล้ว แทนที่จะขอร้องแม่ตัวเองหยุดขอค่าธรรมเนียมขึ้นรถ เธอกลับยืนกรานให้หลี่หมิงเฉิงจ่ายเงินให้ได้ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอและแม่กำลังเล่นละครตบตา พยายามขูดรีดเงินทุกหยวนจากหลี่หมิงเฉิงกันล่ะ?”
แม่ว่านพูดด้วยความขุ่นเคือง “อย่ามาพูดไร้สาระ การขอค่าธรรมเนียมขึ้นรถเป็นความคิดของฉัน อาเสียนแค่พูดแทนฉันด้วยความกตัญญู”
เพื่อนของหลี่หมิงเฉิงพูดคำอย่างขวานผ่าซาก “หมิงเฉิง ผู้หญิงคนนี้สนใจแต่เรื่องการกตัญญูต่อครอบครัวหล่อน ไม่เคยคำนึงถึงความเป็นความตายของนายเลย ถ้าหล่อนไม่ยอมแต่งก็ไม่เป็นไร เราค่อยจัดงานแต่งใหม่ก็ได้”
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มขบวนแห่ของเจ้าบ่าวทั้งหมด
ทุกคนล้วนแนะนำหลี่หมิงเฉิงว่าอย่าแต่งงานกับว่านเสียนเลย
ผู้หญิงประเภทนี้ แม้หลังแต่งงานก็ยังต้องการมอบเงินเดือนทั้งหมดให้ครอบครัวตัวเอง เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจลงหลักปักฐานอย่างสงบสุขกับสามี
เมื่อหลี่หมิงเฉิงแต่งงานกับว่าเสียนแล้ว แม่ยายของเขาจะปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับตู้ถอนเงินสดอย่างแน่นอน และว่านเสียนจะคอยเข้าข้างครอบครัวตัวเองเสมอ
มันคงไม่เป็นไรหากหลี่หมิงเฉิงจะใช้ชีวิตอย่างลำบากเพียงลำพัง แต่ที่น่ากลัวคือพ่อแม่ชราของเขาอาจต้องยอมอดมื้อกินมื้อเพื่อนำเงินไปให้แม่ยายของเขา
ทุกคนแนะนำให้เขาหยุดการขาดทุนก่อนจะสายเกินไป
หลี่หมิงเฉิงตาสว่างทันทีจากคำพูดของเพื่อนๆ
เขาถามว่านเสียนอีกครั้ง “คุณยังต้องการให้ผมจ่ายค่าธรรมเนียมขึ้นรถ 3,000 หยวนอีกหรือเปล่า?”
ว่านเสียนตอบกลับอย่างลังเล แม้จะไม่ได้ขอให้เขามอบเงิน 3,000 หยวนอย่างชัดเจนก็ตาม
ความหมายโดยนัยในถ้อยคำของหล่อนล้วนเอนเอียงไปทางฝ่ายผู้เป็นแม่
หล่อนเอาแต่พูดถึงการที่คนหนึ่งเชิดหน้าเพื่อแต่งงานกับลูกสาว แต่กลับก้มหัวเพื่อแต่งภรรยา แม่ของหล่อนกำลังขอเงินเขาอยู่ ครอบครัวของเขาไม่ใช่ว่าไม่มีเงินจ่าย แล้วทำไมเขาถึงตระหนี่เช่นนี้?
หลี่หมิงเฉิงไม่อยากให้การแต่งงานนี้จบลงก่อนที่จะเริ่มต้นเลยสักนิด
เขาพยายามอธิบายกับว่านเสียนว่า เพื่อแต่งงานกับหล่อน เขาและพ่อแม่ใช้เงินเก็บทั้งหมด
ตอนนี้เพื่อมารับตัวหล่อน เขาต้องยืมเงินหลินม่ายเพื่อจ่ายค่าเปิดประตู 3,000 หยวน ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นหนี้ 3,000 หยวนแล้ว
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ว่านเสียนเม้มปากแน่นและไม่พูดอะไร
แม่ว่านกลอกตาและพูดอย่างดูแคลน “ครอบครัวไหนมาสู่ขอลูกสะใภ้และจะไม่เป็นหนี้บ้าง?”
หลี่หมิงเฉิงไม่สนใจหล่อน และรอคำตอบของว่านเสียนเท่านั้น
แต่หลังจากรอครึ่งชั่วโมง ว่านเสียนก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
หลี่หมิงเฉิงรู้สึกท้อแท้ ดึงช่อดอกไม้ของเจ้าบ่าวออกจากอกเสื้อโยนลงพื้น ก่อนหันไปพูดกับทุกคนอย่างหดหู่ว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”
จากนั้นเขาก็ขึ้นรถไป
แม่ว่านตะโกนขึ้นด้วยความกระวนกระวาย “เสี่ยวหลี่ คิดจะหนีไปทันทีที่พูดเลยหรือยังไง นี่หมายความว่าอย่างไรที่ทิ้งอาเสียนของเราไว้ข้างหลัง?”
หลี่หมิงเฉิงกล่าวคำเย็นชา “ผมไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อ ในเมื่อผมไม่มีเงินจ่าย ผมก็แต่งงานกับว่านเสียนไม่ได้ เช่นนั้นคุณก็หาครอบครัวร่ำรวยอื่นให้หล่อนแต่งเถอะ”
เพื่อนบ้านหลายคนในละแวกนั้นได้ยินคำพูดของหลี่หมิงเฉิง พวกเขาพลันก้มหน้าหัวเราะไม่หยุด
ว่านเสียนมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในท้องถิ่น ถือเป็นพรจากพระเจ้าแล้วที่หล่อนสามารถแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงได้
ให้หล่อนไปแต่งงานกับชายจากครอบครัวร่ำรวยคนอื่น ใครจะอยากได้หล่อนมาเป็นภรรยา?
โดยไม่คำนึงถึงความอับอาย ว่านเสียนรีบสาวเท้าเข้าไปจับเสื้อของชายหนุ่มแน่นและขอร้องไม่ให้เขาจากหล่อนไป
หล่อนยังบอกด้วยว่า ถ้าเขาจากไป นั่นหมายความชายหนุ่มไม่เคยรักหล่อนเลย ทุกสิ่งที่เขาพูดกับหล่อนก่อนหน้านี้ล้วนเป็นแค่คำลวงหลอก
หลี่หมิงเฉิงถามกลับ “แล้วคุณเคยรักผมบ้างหรือเปล่า? หากคุณรักผมจริง คุณจะไม่เข้าข้างพ่อแม่เพื่อเอาเปรียบผมและพ่อแม่ของผมแบบนี้ ดูเหมือนว่าเราคงไม่ได้รักกันมากพอ ดังนั้นลืมการแต่งงานครั้งนี้ซะเถอะ โชคดีแล้วที่เรายังไม่ได้จดทะเบียนสมรส”
สิ้นเสียง เขาก็ผลักว่านเสียนออก จากนั้นขบวนแห่ฝ่ายเจ้าบ่าวและหลินม่ายก็ขับรถออกไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สมจ้า โลภมากนักก็เป็นม่ายขันหมากต่อหน้าชาวบ้านทั้งบางไปเถอะ
ไหหม่า(海馬)