แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 959 เปลี่ยนจากแต่งงานเป็นหมั้นหมาย
ตอนที่ 959 เปลี่ยนจากแต่งงานเป็นหมั้นหมาย
หลังจากที่รถแล่นออกมาได้สักระยะหนึ่ง หลี่หมิงเฉิงก็รู้สึกเสียใจที่โอนอ่อนไปตามคำของญาติมิตร เวลานี้เขานึกเสียใจกับการแต่งงานแล้ว
ภรรยาจากไปแล้ว สินสอดทองหมั้นมากมายล้วนเปล่าประโยชน์ เขาจะบอกกล่าวกับพ่อแม่อย่างไรเมื่อกลับไปถึงบ้าน?
เวลานี้เขาจึงกัดฟันกล่าวกับหลินม่าย “ม่ายจือ ขับรถกลับเถอะ”
หลินม่ายจอดรถข้างถนนก่อนจะถาม “อะไร? ไม่คิดจะเลิกกับว่านเสียนแล้วเหรอ?”
“ไม่… ไม่ใช่” ในใจหลี่หมิงเฉิงตอนนี้ชืดชากับว่านเสียนแล้ว
ก่อนจะแต่งงาน ตระกูลว่านยังขอเพิ่มสินสอด สิ่งนี้ทำให้หลี่หมิงเฉิงหมดอารมณ์แล้ว
จิตใจที่เคยสดชื่นเพราะงานแต่งงานก็เริ่มห่อเหี่ยวลงทุกที
เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องมอบสินสอดมากมายเช่นนั้น และเขาต้องการยุติเรื่องนี้
ก่อนแต่งงาน เขาพูดกับว่านเสียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าหยุดทำให้เขาลำบากใจเสียที เพราะครอบครัวของเขาไม่ได้มีเงินมากมายเช่นนั้น
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในวันแต่งงาน แม่ว่านนั่งลงก่อนจะกล่าวเพิ่มสินสอด ส่วนว่านเสียนก็ไม่ได้ต่อสู้เพื่อเขาเลย เวลานี้เขาหมดอารมณ์กับว่านเสียนแล้วจริง ๆ
หลี่หมิงเฉิงกล่าวเสียงแผ่ว “ฉันไม่อยากมอบสินสอดและเครื่องประดับทองทั้งหมดให้ว่านเสียนแล้ว ฉันจะทำยังไงถ้าไม่เอาสินสอดเหล่านั้นกลับคืน? เงินทองสิ่งของทั้งหมดจะสูญเปล่าน่ะสิ?”
หลี่หมิงเฉิงพยักหน้า “แน่ใจ”
“เรื่องนี้ง่ายมาก” หลินม่ายยังคงขับรถต่อไป “ก็แค่ไปเอาของทั้งหมดกลับคืน”
หลี่หมิงเฉิงอุทานอย่างประหลาดใจ “แล้ว… เราทวงสิ่งของที่ให้ไปแล้วกลับคืนได้ด้วยเหรอ?”
ในชนบท หากฝ่ายชายเป็นผู้กล่าวถอนหมั้น สินสอดที่ยกให้เจ้าสาวแล้วจะไม่สามารถเรียกร้องคืนจากอีกฝ่ายได้
มันเป็นการแต่งงานที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจถึงนาทีสุดท้าย รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถเรียกร้องสินสอดใด ๆ ที่มอบให้ตระกูลว่านกลับคืนได้อีก
หลินม่ายตอบ “แล้วทำไมจะเรียกคืนมาไม่ได้? ต่อให้นายเป็นคนขอยกเลิกงานแต่ง แต่ทั้งหมดก็เป็นการบีบบังคับจากตระกูลว่าน”
หลินม่ายกลอกตามองหลี่หมิงเฉิงจากกระจกมองหลัง “ไม่ว่านายจะมอบอะไรให้กับเจ้าสาว ทั้งข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับต่าง ๆ ทั้งหมดที่มอบให้ตระกูลว่านก็เพื่อการแต่งงาน แต่ตอนนี้แต่งงานกันไม่ได้แล้ว มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่จะขอสินสอดและข้าวของต่าง ๆ กลับคืน?”
หลี่หมิงเฉิงยังคงลังเล “แต่ฉันเป็นคนยกเลิกงานแต่งงาน แล้วถ้าตระกูลว่านไม่ยอมล่ะ?”
“การที่นายยกเลิกงานแต่งมันเป็นเพราะถูกตระกูลว่านบีบบังคับ ไม่ผิดที่จะขอสินสอดและข้าวของต่าง ๆ คืนกลับมา ถ้าตระกูลว่านยังไม่ยอม นายก็แค่ไปหาหัวหน้างานของว่านเสียนและให้เขาจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ให้ แต่ถ้าเขาไม่จัดการให้ นายก็แค่ฟ้องศาล! ไม่ว่ายังไงก็ได้รับของคืนอยู่แล้ว”
หลี่หมิงเฉิงไม่ได้คิดจะกลับไปรับเจ้าสาวสักนิด
เขากลับมาที่บ้านของตัวเองและเผชิญหน้ากับพ่อหลี่แม่หลี่ เมื่อทั้งสองไม่เห็นเจ้าสาวจึงกล่าวถามว่าเกิดอะไรขึ้น
หลี่หมิงเฉิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟังพร้อมก้มหน้ารับความผิด
หลังได้ยินหลี่หมิงเฉิงเล่าเรื่องราวแล้ว พ่อหลี่แม่หลี่เองก็ยังไม่เข้าใจนัก พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ลูกชายทำถูกต้องหรือไม่
แม่หลี่ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นว่า “แล้วฉันควรทำยังไงดี? แขกเหรื่อทั้งหมดถูกเชิญหมดแล้ว แต่กลับไม่มีงานแต่งงาน ทุกคนจะต้องกลับบ้าน คงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเรา! เงินจัดงานเลี้ยงแต่งงานที่จ่ายให้กับโรงแรมก็คงจะไม่ได้รับคืน เป็นความสูญเสียใหญ่หลวงเหลือเกิน”
โรงแรมข่ายเฉวียนเหมินเป็นโรงแรมเก่าแก่บริหารงานโดยรัฐบาล
แม้จะเป็นเดือนแรกของปี 1986 แต่โรงแรมข่ายเฉวียนเหมินก็ยังคงใช้กฏเกณฑ์เดิม
ไม่ว่าจะจองหรือจัดงานล่วงหน้า ล้วนต้องจ่ายเงินในคราวเดียว
จากคำขอของแม่ว่าน หลี่หมิงเฉิงได้จัดงานเลี้ยงระดับสูงเพื่อต้อนรับแขกกว่ายี่สิบคน และจ่ายเงินออกไปกว่าพันหยวน
แน่นอนว่าเขาจะไม่ได้รับเงินคืน และมันก็เป็นเงินจำนวนมาก
ญาติคนหนึ่งกล่าวเสนอขึ้นว่า “เรื่องนี้ง่ายจะตายไป หาผู้หญิงที่เต็มใจแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงในตอนนี้เดี๋ยวนี้สิ งานเลี้ยงจะได้ไม่สูญเปล่า และไม่มีใครหัวเราะเยาะเรื่องนี้หากข่าวแพร่ไปถึงชนบท”
หลินม่ายรู้สึกว่าวิธีการที่อีกฝ่ายเสนอโง่เขลาเกินไป
เพราะฝ่ายหญิงสาวที่มาเป็นเจ้าสาวตัวแทนจะกลายเป็นผู้เสียหายหนัก
แววตาของแม่หลี่เปล่งประกาย
บังเอิญว่าหล่อนมีหญิงสาวคนหนึ่งที่พอจะรู้จักอยู่
แม่สื่อในหมู่บ้านได้แนะนำผู้หญิงคนนี้ให้รู้จักกับหลี่หมิงเฉิงเมื่อปีที่แล้ว
แม้หลี่หมิงเฉิงจะไม่ได้ตกหลุมรักหล่อน แต่หญิงสาวที่ชื่อเซียวเยว่กลับตกหลุมรักหลี่หมิงเฉิงตั้งแต่แรกพบ
แม้หลี่หมิงเฉิงจะปฏิเสธหล่อน แต่หญิงสาวก็ยังคงถามข่าวคราวของหลี่หมิงเฉิงตลอดมา และไม่เคยลืมเขาเลย
แม่หลี่หันมาถามหลินม่าย “ถ้าเราขอเซียวเยว่แต่งงานตอนนี้ เซียวเยว่ต้องตอบตกลงแน่นอน เราควรลองดูไหม?”
หลินม่ายเองไม่สนับสนุนให้ทำอย่างนั้น เธอตอบกลับด้วยถ้อยคำที่รื่นหู “การแต่งงานเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แม้ฝ่ายหญิงจะยินยอม แต่หลี่หมิงเฉิงเองก็ต้องยินยอมด้วยนะคะ”
เธอคิดในใจว่าหลี่หมิงเฉิงไม่ได้ชื่นชอบเซียวเยว่ เขาจะปฏิเสธแน่นอน ดังนั้นแม่หลี่ไม่ควรตำหนิลูกชายตัวเอง
แต่หลี่หมิงเฉิงเองก็รู้สึกประทับใจเซียวเยว่เล็กน้อย เวลานี้เขาหันมาพยักหน้าให้กับแม่หลี่เพื่อยืนยันว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น
เขาตระหนักได้แล้วว่าเขาเลือกภรรยาเองไม่เก่ง การให้พ่อแม่เลือกให้คงจะเหมาะสมกว่า
แต่หลินม่ายกลับประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหลี่หมิงเฉิงจะยอมแพ้ต่อว่านเสียนง่ายดายเช่นนี้
แต่ไม่เป็นไรที่จะหมดรัก ว่านเสียนเป็นหญิงที่สนใจแต่ครอบครัวของตัวเองเท่านั้น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่สมควรที่จะแต่งงานด้วย
เวลานี้หลี่หมิงเฉิงกล่าวอย่างกังวล “ถึงผมจะยอมแต่งงานกับเซียวเยว่ แต่ปัญหาก็คือหล่อนอยู่ในชนบท เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับหล่อนวันนี้”
แม่หลี่ตอบกลับ “เสี่ยวเซียวเข้ามาทำงานในเมืองเจียงเฉิงตั้งแต่เดือนที่แล้ว ไม่ได้อยู่ในชนบท”
เวลานี้เพื่อน ๆ ของหลี่หมิงเฉิงต่างโห่ร้องอย่างยินดี พวกเขาบอกกล่าวว่านี่คือคู่แท้ที่สวรรค์บันดาลมาให้ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาทำงานในเมืองเจียงเฉิงเมื่อเดือนที่แล้วได้อย่างไรเล่า?
เวลานี้หลี่หมิงเฉิงก็เออออตามพ่อแม่และเพื่อนสนิท เขามุ่งหน้าตรงไปที่หอพักของเซียวเยว่และขอหล่อนแต่งงานทันที
คนทั้งกลุ่มที่อยู่หน้าห้องทำให้หญิงสาวถึงกับตื่นตระหนก และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลี่หมิงเฉิงเป็นชายสัตย์ซื่อ เขาบอกกล่าวเหตุผลที่เขาขอหล่อนแต่งงานกะทันหัน และยอมให้หญิงสาวเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด
เซียวเยว่ไม่สนใจว่าหลี่หมิงเฉิงจะขอแต่งงานกะทันหันอย่างนี้
แต่หล่อนยังมีความกังวลใจอยู่ กลัวว่าหลี่หมิงเฉิงจะปฏิบัติกับหล่อนอย่างดีหรือไม่ในอนาคต
หลี่หมิงเฉิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าฉันบอกว่าฉันจะปฏิบัติกับเธออย่างดี เธอคงไม่เชื่อ อย่างนั้นฉันจะให้บัตรเงินเดือนกับเธอ เธอจะได้มั่นใจในตัวฉันไง”
เซียวเยว่ไม่ตอบตกลงในทันที หล่อนไปที่บ้านของน้ากับน้าสะใภ้ในเมืองเจียงเฉิงเพื่อขอคำปรึกษา
แน่นอนว่าทั้งน้าชายและน้าสะใภ้คัดค้านอย่างหนัก เพราะคิดว่าการแต่งงานในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่มักง่ายไปหน่อย และชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่มั่นคงมาก
อย่างไรก็ตาม เซียวเยว่ประทับใจในตัวหลี่หมิงเฉิง และต้องการแต่งงานกับเขาเสมอมา
ลุงของเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรกลับไปที่หมู่บ้าน และขอสายพ่อแม่ของเซียวเยว่
หลังจากพ่อแม่ของเซียวเยว่รับฟังแล้ว พวกเขาคัดค้านทันที
เซียวเยว่ทะเลาะกับพ่อแม่ทางโทรศัพท์อยู่นาน
สุดท้ายพ่อแม่ของเซียวเยว่จึงยินยอมเพราะไม่อาจขัดใจลูกสาวได้ แต่วันนี้ไม่สามารถแต่งงานทันที คงทำได้เพียงหมั้นหมายไว้ก่อน
เซียวเยว่เองคิดว่าการสร้างความสัมพันธ์และหมั้นหมายกับหลี่หมิงเฉิงไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี
พ่อเซียวและแม่เซียวโล่งใจทันทีเมื่อลูกสาวตอบตกลง
กำหนดการของพวกเขาคือหมั้นหมายไว้ก่อน หลังจากคบหากันไปสักระยะแล้วเห็นนิสัยใจคอของหลี่หมิงเฉิงแล้ว จึงค่อยแต่งงานกันภายหลัง
สุดท้ายแล้วพวกเขายังไม่เชื่อถือหลี่หมิงเฉิง และต้องการให้ลูกสาวของตนเองเห็นธาตุแท้ของหลี่หมิงเฉิงเพื่อยกเลิกการแต่งงานภายหลัง
เวลานี้งานเลี้ยงแต่งงานของครอบครัวหลี่หมิงเฉิงจึงกลายเป็นงานเลี้ยงหมั้นหมาย
แต่มันก็มีปัญหาเกิดขึ้นอีกแม้จะเปลี่ยนงานเลี้ยงสมรสเป็นงานเลี้ยงหมั้น
ของขวัญ สินสอดทองหมั้นทั้งหมดที่มอบให้ตระกูลว่านไปหมดสิ้นแล้ว ทั้งยังมีเสื้อผ้ามากมายที่ซื้อให้กับว่านเสียนด้วย พ่อแม่หลี่ทุกข์ใจมากจนไม่อาจกินดื่มในงานเลี้ยงได้ อีกทั้งพวกเขาไม่สนใจจะต้อนรับแขกด้วยซ้ำ
หลี่หมิงเฉิงบอกพวกเขาถึงสิ่งที่หลินม่ายแนะนำให้ทวงคืนทุกสิ่งจากตระกูลว่าน เวลานี้ความโศกเศร้าบนใบหน้าของพวกเขาจึงผ่อนคลายลง
หลังจากงานเลี้ยงฉลองการหมั้นของหลี่หมิงเฉิงจบ หลินม่ายก็กลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เวลานี้เธอพบหนิวลี่ลี่ที่ห่างหายไปนานนั่งอยู่ในห้องรับแขก
หลินม่ายทักทายด้วยความประหลาดใจ “มาได้ยังไงคะ?”
หลิวลี่ลี่เผยสีหน้าแดงก่ำก่อนจะบอกว่าตนกำลังจะแต่งงานในวันที่หกของปีใหม่นี้ และมาส่งคำเชิญให้กับหลินม่ายด้วยตัวเอง
ในวันที่ 29 ของเดือนจันทรคติที่ 12 หลินม่ายพาครอบครัวของเธอกลับเมืองหลวงเพื่อฉลองปีใหม่ และในวันที่ 6 ของปีใหม่ เธอจะเดินทางไปที่เมืองเจียงเฉิงเพื่อร่วมงานแต่งงานของหลิวลี่ลี่ตามลำพัง
หนิวลี่ลี่ได้แต่งงานกับชายอายุมากกว่าที่ดูเข้ากันได้ดี ซึ่งเขาเพิ่งกลับมาจากการเรียนต่อในต่างประเทศ
ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาดี และสายตาที่เขามองหนิวลี่ลี่เต็มไปด้วความรักใคร่
หลินม่ายร่วมแสดงความยินดีกับหนิวลี่ลี่
และเวลานี้เธออวยพรให้ทั้งสองคนครองรักกันอย่างมีความสุข
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดีที่มีคนมาแต่งงานด้วยในทันที กู้สถานการณ์ได้อย่างหวุดหวิด
ยินดีกับลี่ลี่ด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)