แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 10 เหตุใดเจ้าใจดำเช่นนี้
ตอนที่ 10 เหตุใดเจ้าใจดำเช่นนี้
เจียงป่าวชิงไม่ได้เอะใจอะไร นางจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปที่ห้องของเจียงต้ายา แต่จะบอกว่าห้องของเจียงต้ายาคนเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะอันที่จริงเจียงเอ้อยาและเจียงเหมยฮัวก็พักอยู่ที่นี่เช่นกัน
แต่ตอนนี้ ภายในห้องมีเพียงเจียงต้ายาที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงอิฐ และไม่รู้เช่นกันว่าเจียงเอ้อยากับเจียงเหมยฮัวรู้เรื่องนี้ถึงได้เลี่ยงออกไป หรือนางบังเอิญมาตอนที่ทั้งสองคนไม่อยู่ในห้องพอดีกันแน่
“พี่ต้ายา” เจียงป่าวชิงเรียกเจียงต้ายาเบา ๆ
เจียงต้ายาเงยหน้าขึ้นมา
เจียงต้ายานั้นเกิดมาโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก หน้าตาก็ธรรมดาทั่วไป ไหนจะเพราะทำไร่ทำนามาเป็นเวลาหลายปี ผิวพรรณของนางจึงดำเล็กน้อย อาจเป็นเพราะมีความกดดันมากเกินไปหลังจากที่ตั้งครรภ์ นางถึงได้ดูซีดเซียวเช่นนั้น
เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง อยู่ ๆ เจียงต้ายาก็เผยสีหน้ากระตือรือร้นออกมา นางเดินไปจับมือของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงตกใจเล็กน้อย นางไม่ชอบใกล้ชิดกับคนอื่นจึงคิดจะดึงมือกลับอย่างไม่รู้ตัว ทว่าเมื่อนึกได้ว่าเจียงต้ายากำลังท้อง เจียงป่าวชิงจึงดิ้นรนเพียงเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเจียงต้ายาจับตัวนางไว้แน่น นางจึงทำได้เพียงอดกลั้นความรู้สึกไม่สบายนี้ไว้ในใจ
เจียงต้ายาทำการเชื่อมความสัมพันธ์กับเจียงป่าวชิงอย่างสนิทสนมทันที “ป่าวชิง เมื่อวานตอนที่ข้าได้ยินว่าเจ้าหายจากอาการป่วย สมองกลับมามีสติปัญญาดีแล้ว ข้าดีใจมาก คนในบ้านเฝ้าคอยให้เจ้าหายดีมาตั้งหลายปี ในที่สุดก็สมหวังเสียที”
หืม ? เฝ้าคอยให้หายดีมาตั้งหลายปีอย่างนั้นหรือ ?
เจียงป่าวชิงแสร้งยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณพี่ใหญ่มากจริง ๆ”
เจียงต้ายาแสร้งทำเป็นตีแขนเจียงป่าวชิงอย่างไม่พอใจ “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าจะขอบคุณไปทำไม ?”
เจียงป่าวชิงกลับแขวะนางในใจ ‘เหอะ! ใครเป็นครอบครัวเดียวกันกับเธอ เจียงป่าวชิงที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับพวกเธอคนนั้น นางตายอยู่ในแม่น้ำคราดที่เย็นยะเยือกไปตั้งนานแล้ว’
เจียงต้ายาคิดว่าเจียงป่าวชิงยอมรับในความดีของตัวเองแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยและคิดในใจว่า ‘คนปัญญาอ่อนยังไงก็ปัญญาอ่อนอยู่วันยังค่ำ ทำดีกับนางนิดหน่อยก็ได้แล้ว’
สีหน้าที่เจียงต้ายาแสดงต่อเจียงป่าวชิงดูสนิทสนมขึ้นเรื่อย ๆ นางเป็นพี่สาวคนโตในบ้าน ส่วนเรื่องแสดงความเป็นห่วงน้องชายและน้องสาวอย่างไรนั้น นางชำนาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เจียงต้ายาลูบหลังมือของเจียงป่าวชิงเล็กน้อย “ป่าวชิง เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่พูดคำพูดที่ห่างเหินกันจะดีกว่า”
เจียงป่าวชิงรู้สึกขำ นางพบว่าไม่ว่าจะตอนไหน ครอบครัวนี้ก็มักชอบพูดคำว่า ‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’ เสมอ
พวกเขาคิดว่านางเป็นเด็กปัญญาอ่อนที่โอ๋ง่ายอย่างนั้นหรือ ?
เมื่อมองไปที่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา การกระทำของคนในครอบครัวตระกูลเจียง มีการกระทำใดบ้างที่สามารถพูดได้ว่าเป็น ‘ครอบครัวเดียวกัน’
“ป่าวชิง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นลูกสาวคนเล็กที่ดีมาก ตั้งแต่เล็กเจ้าก็รู้จักเก็บดอกไม้จากข้างนอกมาให้ข้ากับเอ้อยา…” เจียงต้ายาบีบน้ำตาออกมาสองหยด บนใบหน้าคล้ำเผยสีหน้าซาบซึ้งใจออกมาให้เห็น “ข้าหวังดีกับเจ้า เจ้าตั้งใจฟังคำพูดต่อไปให้ดีล่ะ”
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่ หลังจากนั้นนางก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา หึ ๆ เจียงต้ายาคนนี้คิดว่านางไม่รู้จริง ๆ หรือว่าดอกไม้ป่าที่ป่าวชิงเด็ดกลับมานั้น เจียงต้ายากับเจียงเอ้อยารังเกียจว่าเป็นดอกไม้จากคนปัญญาอ่อน ทั้งยังโยนลงไปในคอกหมูอีกต่างหาก
แล้วตอนนี้ยังมีหน้าเอาเรื่องนี้ออกมาพูดอีก ช่างไม่รู้จักละอายใจเลยจริง ๆ
เจียงต้ายาดึงเจียงป่าวชิงให้มานั่งลงที่ข้างเตียงอิฐด้วยกัน
เจียงป่าวชิงกังวลถึงเด็กที่อยู่ในท้องของเจียงต้ายาจึงได้แต่จำยอมทำตามที่นางบอก ไม่ว่าผู้ใหญ่จะทำเรื่องเลวร้ายอย่างไร เด็กมักจะบริสุทธิ์เสมอ
“ป่าวชิง ข้าจะพูดคำที่มาจากใจให้เจ้าฟัง” เจียงต้ายาในเวลานี้ดูเหมือนพี่สาวที่มีจิตใจดี “เรื่องการแต่งงาน ดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้หรอก เจ้าดูอย่างเฉจื่อเจิ้งสิ ถึงแม้ว่าเขาจะน่าเกลียดไปสักหน่อย แต่เขาเป็นคนที่มีฝีไม้ลายมือดี ข้าได้ยินมาว่าฝีมือด้านงานช่างไม้ของเฉจื่อเจิ้งนั้นเป็นที่ได้รับความนิยมที่ชีหลี่โวมากนะ ชายหนุ่มหลายคนก็ยังสู้ฝีมือเขาไม่ได้เลย ถ้าเจ้าแต่งงานกับเขา ต่อไปชีวิตของเจ้ากับลูกก็จะมีความมั่นคง กินดีอยู่ดีไม่แพ้ตอนอยู่ที่บ้านเลย”
เจียงป่าวชิงก้มหน้า
คนที่สามารถพูดให้คนที่โดนขายเป็นคนที่แต่งงานได้ต้องเป็นคนแบบไหนกัน เหตุใดคนในครอบครัวนี้ถึงได้หน้าด้านเช่นนี้!
เจียงป่าวชิงก้มหน้าลง นางพันนิ้วตัวเองเล่น จากนั้นก็พูดขึ้นช้า ๆ “เฉจื่อเจิ้งนั้นอายุสี่สิบปีแล้ว อายุมากกว่าท่านอาตั้งหลายปี”
เจียงต้ายาเห็นเจียงป่าวชิงเหมือนจะคลายตัวลงเล็กน้อย นางก็คิดว่าข้อแก้ต่างของตนเองเกิดผลแล้วจึงตบเตียงและพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ไอ้หยา! น้องสาวของข้า เจ้าไม่รู้อะไรเลยหรืออย่างไร ? ผู้ชายต้องอายุเยอะสิดี ถึงจะรู้จักรักและทะนุถนอมเมียยังไงล่ะ”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นช้า ๆ “เขาจะดีเหมือนที่พี่พูดจริง ๆ หรือเจ้าคะ ?”
เจียงต้ายาพยักหน้าด้วยจิตใจที่เบิกบาน “ดีสิ ดีมากเลย หลังจากที่เจ้าแต่งออกไปแล้ว เจ้าก็จะรู้เอง”
อยู่ ๆ เจียงป่าวชิงก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาโตที่สดใสของเธอมองเจียงต้ายา และรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหลือง
เจียงต้ายาตกใจอย่างกะทันหัน นางเกือบเหงื่อตกเพราะรอยยิ้มประหลาดที่ทาบทาบนใบหน้าของเจียงป่าวชิงแล้ว
เจียงป่าวชิงตบมือดังฉาดและพูดขึ้นอย่างดีใจ “อื้ม ในเมื่อเป็นการแต่งงานที่ดีขนาดนั้น เช่นนั้นให้พี่เอ้อยาแต่งออกไปสิเจ้าคะ พี่เอ้อยาอายุมากกว่าข้าตั้งปีหนึ่งนะ”
เจียงต้ายาแทบหายใจไม่ออกเพราะคำพูดประโยคนี้ของเจียงป่าวชิง นางไม่คิดเลยว่าเจ้าคนปัญญาอ่อนคนนี้จะหลอกล่อได้ยากขนาดนี้
เจียงป่าวชิงลุกขึ้นยืน จากนั้นนางก็ปัดกางเกงที่เต็มไปด้วยรอยปะ “ถ้าหากว่าพี่ต้ายาไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”
“ประเดี๋ยวก่อน…” เจียงต้ายาจับตัวเจียงป่าวชิงไว้อย่างไม่ทันได้คิด
เจียงป่าวชิงพยายามอดกลั้นเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองเจียงต้ายาด้วยแววตาที่พยายามคงความเป็นมิตร “พี่ต้ายายังมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรือเจ้าคะ ?”
เจียงต้ายาบิดมือของตัวเองไปมา นางตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ “เจ้ารู้… รู้แล้วใช่ไหม…?”
เจียงป่าวชิงไม่มีความเขินอาย นางพยักหน้าอย่างเปิดเผย “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าปัญญาอ่อน ข้าได้ยินท่านอาพูดกำชับพี่เอ้อยาว่าไม่ให้ไปพูดที่ไหน”
เจียงป่าวชิงเป็นคนฉลาด แน่นอนว่านางโยนหม้อไปให้โจซื่อกับเจียงเอ้อยาเต็ม ๆ
ที่แท้ก็เป็นแม่กับเอ้อยาที่เก็บความลับไว้ไม่อยู่ถึงได้ถูกคนอื่นได้ยินเข้าแบบนี้ คล้ายกับที่นางเดาไว้ไม่มีผิด…
เจียงต้ายาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถึงอย่างไรเจ้าก็รู้เรื่องนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้าอีก เราเป็นครอบครัวเดียวกันและข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดข้างนอก”
เจียงต้ายาก้มหน้าลง ลูบท้องของตัวเองเล็กน้อยและพูดต่อ “อืม… จะว่าไปแล้ว เมื่อลูกในท้องของข้าเกิดออกมาก็ต้องเรียกเจ้าว่าน้าเล็กเช่นกัน” พูดมาถึงตรงนี้ ในที่สุดในคำพูดของเจียงเอ้อยาก็มีความจริงใจเสียที “ลูกที่อยู่ในท้องของข้าไม่ได้มีส่วนผิด เพียงแต่มาผิดเวลาก็เท่านั้น…”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นอย่างใจเย็น “เด็กน้อยคนนี้ พี่ต้ายาได้มาจากการถูกคนอื่นบังคับหรือเปล่าเจ้าคะ ?”
บนใบหน้าที่ค่อนข้างคล้ำของเจียงต้ายาเผยความลำบากใจเล็กน้อย “ป่าวชิง เด็กผู้หญิงอย่างเจ้าพูดอะไรกัน ?” นางชะงักไปเหมือนนึกอะไรได้ จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างภูมิใจว่า “ข้ากับพี่เฉิงหยวนเราชอบกัน…”
หลังจากพูดไปเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะตระหนักได้ว่าตนเองกำลังพูดอยู่กับเจียงป่าวชิง เด็กผู้หญิงวัยสิบสามปีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พูดเรื่องพวกนี้ไปนางก็คงจะไม่เข้าใจ
เจียงต้ายาจึงหยุดหัวข้อสนทนานี้ลง นางถามขึ้นอย่างจนตรอกเล็กน้อย “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ ?”
เจียงป่าวชิงกะพริบตาปริบ ๆ “แล้วพี่ต้ายาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าทำไมล่ะเจ้าคะ ?”
เจียงต้ายาหลั่งน้ำตาด้วยความจริงใจ “ป่าวชิง ข้าจะไม่ปิดบังเจ้าอีกแล้ว พ่อของลูกในท้องข้า บ้านฝ่ายชายเขาบอกว่าถ้าไม่มีสินสมรสเป็นเงินห้าตำลึง พวกเขาจะไม่แต่งข้าเข้าบ้าน… ถ้าหากเจ้าแต่งงานกับเฉจื่อเจิ้ง เจ้าก็จะได้มีงานแต่งงานที่ดี ข้าก็จะได้นำเงินห้าตำลึงที่เฉจื่อเจิ้งให้มาไปเป็นสินสมรส และแต่งเข้าบ้านพี่เฉิงหยวน ให้หลานของเจ้าได้มีพ่อคอยดูแล เรื่องนี้มันดีกับเราทั้งสองฝ่ายนะป่าวชิง”
เจียงป่าวชิงตกใจมากเมื่อได้ยินเจียงต้ายาเอ่ยคำพูดที่ไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา ในตอนที่นางพูด บนใบหน้านางกลับไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว
จะให้เจียงป่าวชิงเสียสละตัวเองเพื่อเติมเต็มความสุขของตัวนางเองก็ว่าไร้ยางอายมากพอแล้ว นางยังมีหน้ามาบอกว่าการเสียสละนี้ดีต่อเจียงป่าวชิงด้วย
เจียงป่าวชิงหัวเราะด้วยความโกรธเคือง “เยี่ยมมาก พี่ต้ายา เรื่องดี ๆ แบบนี้พี่เหตุใดพี่ไม่เก็บไว้ให้พี่น้องบ้านตัวเอง ข้าพูดต่อไม่ได้เลย พี่ต้ายาให้พี่เอ้อยาไปแต่งงานกับเฉจื่อเจิ้งสิ แบบนี้พี่เอ้อยาก็จะมีงานแต่งงานที่ดี พี่ก็จะได้นำเงินห้าตำลึงที่เฉจื่อเจิ้งให้มาไปเป็นสินสมรส ลูกในท้องของพี่จะได้มีพ่อดูแลด้วย ดีจะตายไป จริงไหมเจ้าคะ ?”
เจียงต้ายาเห็นว่าไม่ว่าตัวนางจะเล่นไพ่ความสัมพันธ์อย่างไร เจียงป่าวชิงที่ใจจืดใจดำก็ไม่หวั่นไหวเลย เจียงป่าวชิงถึงกับนำคำพูดที่นางใช้พูดเกลี้ยกล่อมย้อนมาตบหน้านางอีกต่างหาก
นางรู้สึกเกลียดในใจ เจียงป่าวชิงคนนี้เหมือนกับที่หลีโผจื่อผู้เป็นย่าพูดไว้ไม่มีผิด นางเป็นหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง ซ้ำร้ายยังเนรคุณชั่วช้า
เจียงต้ายาเกิดอาการร้อนรน นางไม่สามารถรักษาความอ่อนโยนบนหน้ากากจอมปลอมได้อีกต่อไป นางชี้ไปที่เจียงป่าวชิง ใบหน้าเผยความจงเกลียดจงชังอย่างเต็มที่
“เจียงป่าวชิง หลังจากที่สมองของเจ้าดีแล้ว เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ ?! ข้าก็แค่ให้เจ้าไปแต่งงาน ไม่ได้ให้เจ้าไปตายสักหน่อย เหตุใดเจ้าถึงได้ใจจืดใจดำนัก ?!”