แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 123 สองคะแนน
ตอนที่ 123 สองคะแนน
บรรดาผู้ที่เลือกแช่กรงหมูคึกคักและดีใจเป็นอย่างมากที่ฝ่ายของตนชนะจำนวนคน “หญิงสกปรกที่เลวทรามต่ำช้าเช่นนี้อยู่ในตระกูลต่อไปก็มีแต่จะทำให้ขายหน้าพวกเราเปล่า ๆ แช่กรงหมูนั่นแหละดีแล้ว”
“ใช่! น่าสะอิดสะเอียนมากจริง ๆ นางเป็นความอัปยศอดสูของวงศ์ตระกูล”
จู่ ๆ ร่างที่เปราะบางร่างหนึ่งก็มุดออกมาจากในฝูงชน ฝ่ายนั้นยกมืออย่างขลาดกลัวและเอ่ยถามขึ้นมา “อาซานไท่ ข้าอยากถามสักเรื่อง…”
คนผู้นั้นเป็นคนในตระกูลเจียงที่ไร้ตัวตนในหมู่บ้าน นามเขาคือเจียงอีฉง ครอบครัวของเขายากจนข้นแค้นมาก แต่เขาปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างหนักแน่น เรียกได้ว่าเขาเป็นคนขยันที่ไม่ชอบพูดประมาณนั้น
อาซานไท่สังเกตเขาเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “ว่ามา”
เจียงอีฉงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ “การประชุมในวันนี้ได้ให้ลูกหลานตระกูลเจียง ไม่ว่าจะชายหรือหญิงมาด้วยใช่หรือไม่ ? พอดีเมียข้าเพิ่งคลอดลูกสาวสองคนเมื่อเดือนที่แล้ว ข้าครุ่นคิดว่าพวกนางเพิ่งครบเดือน ออกมาตากลมไม่ค่อยดีนักจึงไม่ให้พวกนางมาด้วย… ตอนนี้ข้ากลับไปอุ้มลูกสาวของข้ามาและให้นางยกมือแสดงความคิดเห็นด้วย ท่านว่าจะได้หรือไม่ ?”
เมื่อเขาพูดเสร็จ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตกตะลึงไปทันที
มีคนพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดจากทางด้านข้าง “เจียงอีฉง จะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน ? ในบ้านใครไม่มีเด็กอายุน้อยและไม่เอามาที่นี่บ้าง ถ้าเจ้าเอาแบบนี้ก็ไม่สนุกน่ะซี่”
“ใช่ เหตุใดถึงต้องคดโกงด้วย ?”
เจียงอีฉงที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอมาตลอดกลับเงยหน้ามองพวกเขาอย่างกะทันหัน และพยายามเพิ่มน้ำเสียงขึ้น “หากว่าพวกเจ้าอยากอุ้มเด็กที่บ้านมาด้วย ก็อุ้มมาด้วยเลยสิ ข้าแค่… ข้าเพียงแค่คิดว่าต่อไปถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกสาวของข้า…” ไม่รู้ว่าเจียงอีฉงนึกอะไรได้ เขาถึงได้เช็ดน้ำตาทั้งอย่างนั้น “ลูกสาวข้าอ่อนช้อยและน่ารักขนาดนั้น ถ้าหากว่าต่อไปมีผู้ชายมารังแกนาง คนที่เป็นพ่ออย่างข้าไม่เพียงแต่ไม่สามารถขอความยุติธรรมให้ลูกสาวได้ ยังต้องส่งลูกสาวไปแช่ในกรงหมูอีก ข้า… ข้าแค่คิดหัวใจของข้าก็เหมือนถูกกรีดด้วยมีดแล้ว ซึ่งข้าจะไม่ให้ลูกสาวทั้งสองคนของข้ามีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เด็ดขาด!”
เริ่มแรกน้ำเสียงของเจียงอีฉงยังคงสั่นคลอน ต่อมาเขายิ่งพูดก็ยิ่งสะอื้นขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้คนจำนวนมากที่ด่าประจานเจียงต้ายาเงียบไปทันที ขณะเดียวกัน เจียงต้ายาคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้นเงียบ ๆ คนเดียว ครั้งนี้พ่อของนางไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม ส่วนปู่ของนางก็ยกมือตัดสินให้จับนางแช่กรงหมู
นี่เป็นญาติเป็นครอบครัวแบบไหนกัน ?
“พูดได้ดีมาก!” อาเจียงซานไท่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม เพราะอารมณ์ฮึกเหิมเกินไป เขาจึงอดไม่ได้ที่จะไอออกมาสองสามที
คนรุ่นหลังคนหนึ่งรีบส่งน้ำชาให้อาเจียงซานไท่จากทางด้านข้าง
อาเจียงซานไท่รับน้ำชาไปดื่มให้ชุ่มคอ เขากระแอมไอเล็กน้อย รอยเหี่ยวบนใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากของชีวิต “ในยุคของเรา หากว่าต้ายาทำเรื่องเช่นนี้ ข้าไม่สนว่าจะถูกบังคับหรือไม่ ไม่ใช่แค่จะจับต้ายาแช่กรงหมูเท่านั้น ยังต้องไล่ครอบครัวของเหล่าชีออกจากวงศ์ตระกูลด้วยเช่นกัน”
ท่านปู่เจียงตัวแข็งทื่อทันที
อาเจียงซานไท่มองท่านปู่เจียงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แต่ข้านั้นมีชีวิตอยู่จนถึงวัยนี้แล้ว และขนาดข้าเองยังไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของตระกูลตามความคิดโบราณนี้ได้… จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงคนรุ่นหลัง คะแนนเสียงของลูกสาวอีฉง ก็เอาตามนั้นแหละ”
สุดท้าย คล้ายกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่าง จึงพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “เจียงต้ายาทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ถือเป็นการทำให้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลแปดเปื้อน ในตระกูลของเราไม่ควรยอมให้มีคนที่ขัดต่อประเพณีและศีลธรรมแบบนี้อยู่ได้… ขับไล่นางออกจากตระกูลเจียงเถอะ จากนี้ไปนางจะไม่ใช่คนในตระกูลเจียงอีก”
พูดเพียงแค่คำเดียวก็ชี้ขาดคำตัดสินใจสุดท้ายได้
ท่านปู่เจียงไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาหน้าเขียวและพูดไม่ออก
พวกที่ยกมือตัดสินให้จับเจียงต้ายาแช่กรงหมูมองบรรยากาศในสถานที่นี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้เพียงซุบซิบกันเท่านั้น
และแล้วการรวมตัวของวงศ์ตระกูลในครั้งนี้ก็จบลง
อาเจียงซานไท่เชิญคนที่เก็บรักษาแผนผังวงศ์ตระกูลมา เพื่อให้เขาขีดฆ่าชื่อของเจียงต้ายาออกจากแผนผังวงศ์ตระกูล
ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มร่างกายกำยำในตระกูลเจียงหลายสิบคนยังพากันไปที่หมู่บ้านวัวเหลือง และทุบบ้านของหม่าเฉิงหยวนจนเละไปหมด แล้วยังต่อยหม่าเฉิงหยวนจนหน้าบวมจมูกเขียวอีกด้วย ตอนนี้เขากำลังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น แม่ของหม่าเฉิงหยวนร้องไห้และบอกว่าจะไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อให้เขาช่วยจัดการเรื่องนี้ ทว่าเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านวัวเหลืองได้ฟังว่าหม่าเฉิงหยวนคนนี้ถูกจับได้ว่าเล่นชู้กับคนอื่น ก่อนหน้านี้ยังทำร้ายลูกสาวบ้านอื่นจนแท้งลูก ตอนนี้ยังมาบังคับนางให้มีอะไรกับตัวเองอีก เขาก็ทำเพียงทิ้งท้ายว่าสมน้ำหน้าแล้วจากไปทันที
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตระกูลหม่าก็เรียกได้ว่าตกต่ำจมดินจนโงหัวไม่ขึ้นที่ในหมู่บ้านวัวเหลืองอย่างสิ้นเชิง ศักดิ์ศรีในชีหลี่โวของท่านปู่เจียงก็ไม่เหลืออะไรแล้วเช่นกัน
ท่านปู่เจียงกลับบ้านด้วยใบหน้าอึมครึม เขาก่นด่าใส่หน้าเจียงเอ้อยาเต็ม ๆ เขาด่าว่านางไม่ยอมไปประชุม ไม่อย่างนั้นคะแนนของการแช่กรงหมูก็จะเพิ่มขึ้นอีกคะแนน
อันที่จริงเจียงอีหนิวที่เป็นพ่อของเจียงต้ายาก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมประชุมเช่นกัน แต่ท่านปู่เจียงไม่รู้ว่าเขาไปไหน ส่วนเจียงโหย่วฉายที่เป็นตัวก่อเรื่องนี้นั้น ยังคงออกไปเล่นอย่างเมามันโดยไม่สนใจอะไรใด ๆ เลย
มีเพียงเจียงเอ้อยาที่อยู่บ้าน นางจึงถูกก่นด่าในครั้งนี้
หลีโผจื่อในตอนนี้อารมณ์เสียและหงุดหงิดมากไม่แพ้กัน นางก่นด่าโจซื่อว่าตอนที่คลอดเจียงต้ายา โจซื่อไม่ควรเลี้ยงเจียงต้ายาให้โตมา น่าจะโยนทิ้งในแม้น้ำคราดยังจะดีกว่า ตอนนี้ถือได้ว่าเจียงต้ายาทำร้ายครอบครัวไปจนหมดสิ้น และยังบอกว่าโจซื่อกับเจียงต้ายาเป็นดาวแห่งความหายนะและตัวซวยของตระกูลเจียงของพวกเขา
หลีโผจื่อยิ่งด่าก็ยิ่งโมโห จนกระทั่งนางพุ่งเข้าไปในห้องของเจียงต้ายาและดึงเสื้อผ้าของเจียงต้ายาออกมาลวก ๆ จากนั้นก็ห่อด้วยห่อผ้าชำรุดก่อนโยนออกไปนอกบ้าน สุดท้ายก็ลงกลอนประตูอย่างแน่นหนา
เจียงต้ายาลากฝีเท้ากลับมาถึงหน้าประตูบ้านด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยผักเหม็นเน่า แล้วนางก็เห็นว่าประตูบ้านทั้งลงกลอนไว้และมีห่อผ้าชำรุดโยนไว้อยู่ด้านนอก ชายเสื้อผ้าที่หลุดออกมาจากในห่อผ้าคือเสื้อผ้าของนางอย่างเห็นได้ชัด
เจียงต้ายาเข้าใจได้ทันที นางยกมุมปากอย่างถากถาง
หรือว่าต้องขอบคุณ ‘ครอบครัว’ ของนาง ที่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ให้นางออกไปตัวเปล่า เจียงต้ายาสะพายห่อผ้าโดยไม่พูดอะไร จากนั้นนางก็มุ่งหน้าไปที่นอกหมู่บ้าน
ระหว่างทางออกจากหมู่บ้าน นางเดินผ่านหน้าบ้านของแม่หม้ายซ่งและได้ยินคำว่า ‘พี่อีหนิว’ อย่างเลือนราง นางชะงักไปทันที และเมื่อนางเขย่งเท้าให้ชิดกับประตูบ้านของแม่หม้ายซ่ง ก็ได้ยินแม่หม้ายซ่งกำลังพูดปลอบใครบางคนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “อันที่จริงลูกสาวพี่คนนั้นควรเป็นเด็กดี แต่เมียพี่นิสัยเป็นยังไงพี่ก็รู้ นางสอนลูกไม่เป็น การสอนของนางเป็นการทำลายชีวิตของเด็กดีคนหนึ่ง พี่อีหนิว พี่เป็นคนดี พี่ไม่ควรได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้เลยจริง ๆ”
เจียงต้ายาได้ยินพ่อของนางพูดอย่างซาบซึ้งใจ “เหมยเอ๋อร์ เจ้าเข้าใจข้าดีกว่าใคร หญิงหยาบคายที่บ้านทำเป็นแค่บ่นทุกวัน จะมาเอาใจใส่อย่างเจ้านั้นหามีไม่… เหมยเอ๋อร์ เจ้าคลอดลูกให้ข้าสักคนสิ แล้วเจ้าก็สั่งสอนเขาให้ดี ๆ”
“คนบ้า~”
เจียงต้ายาฟังเจียงอีหนิวผู้เป็นพ่อของนางหยอกล้อกับแม่หม้ายซ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ
ตอนที่ลูกสาวแท้ ๆ ของเขาถูกคนอื่น ๆ ตัดสินให้แช่กรงหมูหรือขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูล ผู้ชายคนที่นางเรียกว่า ‘พ่อ’ คนนี้กลับกำลังแอบพูดจาหวานแหววคบชู้กับแม่หม้าย
ช่างเป็น ‘ครอบครัว’ เดียวกันจริง ๆ
เจียงต้ายาถือห่อผ้าและเดินไปนอกหมู่บ้านต่อ แต่เมื่อนางเดินไปได้ครึ่งทาง นางก็หยุดฝีเท้าลงและหมุนตัวกลับไป นางบีบเสียงเล็กน้อย จากนั้นก็หลบอยู่นอกรั้วบ้านและตะโกนอย่างสุดความสามารถ “จับชู้เร็ว! มีคนปีนขึ้นบ้านแม่หม้ายแล้ว มีคนแอบคบชู้กับแม่หม้ายแล้ว”
ผู้คนที่อยู่ไม่ไกลโผล่หัวออกมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นเจียงอีหนิววิ่งออกมาจากในบ้านของแม่หม้ายซ่งในสภาพถือกางเกงและหน้าซีดพอดี จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
คนในหมู่บ้านพากันนินทาทันที “นั่นเจียงอีหนิวไม่ใช่รึ ? โย… ข้าดูออกตั้งนานแล้วว่าระหว่างเขากับแม่หม้ายซ่งต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาต่อกัน”
“ใช่ เมื่อสองวันก่อนลูกสาวคนโตของเขาถูกจับได้ว่ามีอะไรกับคนอื่นโดยลูกชายคนเล็กของเขา แล้วดูเขาสิ… ครอบครัวของเขาเป็นอะไรไปหมดแล้ว”
“จุ๊ ๆ ได้ยินว่าวันนี้ลูกสาวของเขาถูกพาไปที่วงศ์ตระกูล เหมือนจะต้องถูกแช่กรงหมูนะ”
“โธ่! แล้วคนเป็นพ่อยังมีกะจิตกะใจออกมาแอบคบชู้กับแม่หม้ายได้อีก… ”
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
เจียงต้ายาหลบอยู่ในมุมมืด เมื่อนางได้ยินคำวิจารณ์นี้ นางก็หัวเราะอย่างสบายใจ แต่หัวเราะไปหัวเราะมา น้ำตากลับคลอเบ้าเสียอย่างนั้น
หลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว เจียงต้ายาก็สะพายห่อผ้าและไปจากหมู่บ้านแห่งนี้โดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย
.