แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 146 จับโจร
อากาศในช่วงกลางฤดูร้อนนั้นร้อนจนเหงื่อแตก ทั้งสองคนรอแล้วรอเล่า รอจนดวงอาทิตย์เบี่ยงไปทางทิศตะวันตกก็แล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของแม่นางผู้นั้น
เหลียงจื้อถงสุดจะทน ผ้าเช็ดหน้าของเขาถูกใช้เช็ดเหงื่อจนแทบบิดออกมาเป็นน้ำได้ และในขณะนี้ สาวใช้ตัวน้อยผู้ซึ่งบอกต่อข้อความแทนเขาเดินถือน้ำผ่านมาทางนี้พอดี เหลียงจื้อถงจึงถีบคนรับใช้อย่างแรงพลางตะคอกสั่ง “ไอ้เด็กนั่นมันมาแล้ว ไหนเจ้าไปถามนางซิ!”
เป็นเพราะเหลียงจื้อถงมีร่างกายที่อ้วนท้วน อันที่จริง คนที่นั่งบนม้านั่งหินเพื่อแสร้งแสดงเป็นกงจี้คือคนรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายเหลียงจื้อถง ไม่ใช่ตัวเขาเอง
คนรับใช้กระโดดออกไป ออกแรงดึงสาวใช้ตัวน้อยเข้ามาถาม “ข้าให้เจ้าไปบอกต่อข้อความ เจ้าไปบอกหรือยัง ?”
สาวใช้ตัวน้อยตกใจจนร่างสั่นเทา นางอายุยังน้อย แยกไม่ออกหรอกว่าใครคือคนรับใช้หรือใครคือคุณชาย นางตอบไปว่า “คุณชายเจ้าคะ ข้าบอกต่อข้อความแล้ว ข้าบอกแล้วจริง ๆ นะเจ้าคะ”
คนรับใช้ดึงเสื้อด้านหน้าของสาวใช้ตัวน้อยจนแทบจะยกตัวนางขึ้นมาอยู่รอมร่อ เขาไม่สนดีสนร้าย ตะเพิดออกไปอย่างโหดเหี้ยม “แล้วทำไมนางถึงยังไม่มาอีกล่ะ ?”
สาวใช้ตัวน้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นางอยากร้องแต่ไม่กล้าร้อง “ข้า… ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ พี่สาวคนนั้นบอกว่าประเดี๋ยวนางจะมา”
“เจ้าบอกคนผิดหรือเปล่า ?” คนรับใช้ของเหลียงจื้อถงถามอย่างสงสัย
“ข้าถามแล้วและพบว่านางคือพี่ชิงยู่จริง ๆ นะเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยตัวสั่นงันงก เวลานี้นางใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
คนรับใช้หันกลับไปมองเหลียงจื้อถงในภูเขาจำลองเล็กน้อย เหลียงจื้อถงโบกมืออย่างหงุดหงิด คนรับใช้จึงหันกลับมาตะคอก “งั้นก็ไสหัวไปได้แล้ว!”
สาวใช้ตัวน้อยถือน้ำด้วยมืออันสั่นเทา นางวิ่งโซซัดโซเซหนีไปและไม่สนว่าน้ำจะกระเด็นออกมาหรือไม่
หลังจากที่สาวใช้ตัวน้อยจากไป คนรับใช้ก็เปลี่ยนสีหน้าแทบทันที จากนั้นเขาก็กลับไปพัดให้เหลียงจื้อถงอย่างคนชอบเลียแข้งเลียขาตามเดิม “คุณชายขอรับ เป็นไปได้หรือไม่ที่ไอ้เด็กนั่นจะไปหาผิดคน ? ถึงยังไงสวนนี้ก็ใหญ่อยู่พอสมควร การหลงทางเป็นเรื่องปกติเช่นกัน”
เหลียงจื้อถงรู้สึกว่าที่คนรับใช้พูดก็มีเหตุผล ทว่าถึงอย่างไร ไฟปรารถนาของเขามันก็ยากที่จะดับลงได้ เขากัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้ “งั้นไป เราไปตามหานางกัน”
“อ่า…?” เด็กรับใช้งงเป็นไก่ตาแตก “ทว่าข้าน้อยคิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมนะขอรับ”
ยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างการทำสิ่งไม่ดีอย่างลับ ๆ กับการบุกไปแย่งสาวใช้ของคนอื่นโดยตรง
เหลียงจื้อถงนึกถึงผิวที่เกลี้ยงเกลาราวหยกขาวของเจียงป่าวชิง รูปลักษณ์อ่อนวัยที่มีน้ำมีนวล กล่องเสียงใสกังวานจนฟังรื่นหูนั้น… เพียงแค่นึกถึงเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาไหม้แล้ว
“วันนี้ข้าจะต้องได้ข้อมูลสำหรับติดต่อของเด็กคนนั้นให้ได้!” เขากัดฟันพูด
เหลียงจื้อถงพาคนรับใช้หลีกเลี่ยงผู้คน มุ่งตรงไปยังห้องพักที่เจียงป่าวชิงพักอาศัยอยู่
แม้ห้องจะเล็ก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันงดงามมาก ทว่าในตอนนี้ เหลียงจื้อถงกลับไม่มีกะจิตกะใจมาชื่นชมความงดงามนี้แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าประตูห้องถูกปิดอย่างแน่นหนาก็สบตากับคนรับใช้ ก่อนเผยรอยยิ้มลามกระคนชั่วร้ายออกมาให้เห็น และแอบย่องไปที่นั่น
คล้ายกับว่ามีเสียงคนเดินอยู่ในห้อง เหลียงจื้อถงรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตัวเองใกล้กระโดดโลดขึ้นมาถึงคอหอยเต็มที และเขาก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัวเช่นกัน เขารีบใช้นิ้วยื่นมาจุ่มน้ำลายในปากเล็กน้อยแล้วทำให้เปียกชื้นเพื่อที่หน้าต่างจะได้เกิดเป็นรู
เหลียงจื้อถงยื่นตาเข้าไปเพราะต้องการดูสถานการณ์ภายใน แต่เขาไม่คาดคิดว่าเมื่อยื่นตาไปมองก็จะเห็นบางสิ่งวาบผ่านเข้ามาในนั้น ชั่วอึดใจต่อมา ดวงตาข้างซ้ายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง
ปึก!
กล่าวได้ว่าลูกตาเป็นจุดอ่อนแอที่สุดในร่างกายของคน เหลียงจื้อถงก้าวถอยหลังเล็กน้อย แต่แล้วก็พลัดตกลงจากขั้นบันไดแล้วล้มลงไปในลานบ้าน สุดท้ายเขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาโดยที่มือปิดตาข้างซ้ายไว้อย่างนั้น
เสียงร้องโหยหวนครั้งนี้พุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้เจียงป่าวชิงถือกล่องเหล็กสีแดงที่บรรจุผงสำหรับใช้ทาแก้มเอาไว้ นางยิ้มอย่างมีชัยอยู่ภายในห้อง สูดหายใจเข้าลึกพลางเปิดประตูออก พุ่งเข้าไปในลานบ้านและแหกปากตะโกนออกมาเสียงดังว่า “โจร! มีโจรเจ้าค่ะ! ใครก็ได้รีบมาจับโจรเร็วเข้า! มีโจรเจ้าค่าาาา!”
“คุณชายเป็นยังไงบ้างขอรับ ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ ?!” คนรับใช้รีบคุกเข่าลงข้างคุณชายของเขาอย่างร้อนใจ เขาตื่นตระหนกราวกับแมลงวันที่ทำอะไรแทบไม่ถูก โดนถึงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เขายังจะสนใจเจียงป่าวชิงได้อีกรึ ?
ต้องบอกว่าองครักษ์ของบ้านท่านซุนนั้นมาได้ทันเวลาพอดี
หนึ่งคือเสียงโหยหวนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้มันฟังแล้วน่าเวทนาจริง ๆ สองคือเดิมทีวันนี้ก็มีแขกเหรื่อจากที่ต่าง ๆ มารวมตัวกันอยู่แล้ว ความปลอดภัยจึงมีมากขึ้น และองครักษ์เองก็หูไวเมื่อได้ยินคำว่า ‘โจร’ เช่นกัน
ทว่าเมื่อมาถึงลานบ้านก็เห็นคนที่แต่งกายเหมือนคุณชายตระกูลร่ำรวยคนหนึ่งกำลังร้องโหยหวนขณะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น โดยที่เขาคนนั้นเอามือปิดตาข้างซ้ายไว้
ดูจากรูปร่างแล้วคงจะเป็นคุณชายเหลียง บุตรชายของขุนนางอำเภอเหลียง
“เอ่อ…” องครักษ์ตกตะลึงจนตาค้าง
เจียงป่าวชิงชี้เหลียงจื้อถงที่กลิ้งไปมาอยู่บนพื้นด้วยท่าทางตกใจ ปากนางก็รายงาน “พี่องครักษ์เจ้าคะ นี่คือโจร! รีบจับเขาเร็วเข้าเถอะเจ้าค่ะ”
“…” องครักษ์มองเหลียงจื้อถงที่ร้องโหยหวนอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุดหย่อน เขาตัดสินใจไปรายงานให้เจ้านายของเขาทราบ
ตอนที่องครักษ์ไปรายงาน บังเอิญว่าเป็นตอนที่กงจี้ตกลงเจตนาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เบื้องต้นกับท่านซุนเสร็จพอดี คนกลุ่มหนึ่งออกมาจากในห้องหนังสือ และกำลังเดินไปที่ห้องโถง
ท่านซุนในตอนนี้กำลังอารมณ์ดีมาก เขากระตือรือร้นชักชวนให้กงจี้อยู่รับประทานอาหารค่ำที่นี่ต่อ กงจี้ยังไม่ได้ตอบรับก็เห็นองครักษ์เดินมาทางนี้อย่างรวดเร็วเสียก่อน “นายท่าน ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายเหลียงขอรับ”
พูดถึงไอ้โง่คนนั้น ข้าหลวงซุนขมวดคิ้วทันที การปรึกษาหารือครั้งนี้ เหลียงโหย่วซินหรือขุนนางอำเภอเหลียงก็อยู่ด้วยเช่นกัน ตอนที่เขาได้ยินก็ตกใจ รีบเข้าไปดึงองครักษ์ไว้อย่างรวดเร็ว “เฉิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรบอกมาให้ชัดเจน ?”
องครักษ์ลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นก็ตัดสินใจรายงานไปตามความจริง “ข้าน้อยไม่ทราบเลยขอรับ ตอนที่ข้าน้อยไปถึงก็เห็นคุณชายเหลียงส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่บนพื้นโดยที่เอามือปิดตาไว้อยู่แล้วขอรับ”
เหลียงโหย่วซินรีบรายงานความผิดทันที “เจ้าลูกไม่รักดีที่ดื้อรั้น ไม่รู้ว่าเขาก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกนะ!”
ถึงอย่างไรข้าหลวงซุนก็ต้องไว้หน้าเหลียงโหย่วซินขุนนางอำเภอคนนี้ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “เอาเถอะ ๆ เขายังอายุน้อยอยู่ ก่อเรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอก ได้ยินว่าได้รับบาดเจ็บที่ตาด้วยหนิ ใช่ไหมล่ะ ?” เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พูดกับคนรับใช้ข้างกาย “เจ้าไปเชิญหมอให้มาที่นี่สิ”
ขุนนางอำเภอเหลียงรู้สึกโล่งใจ
แต่กงจี้นั้น เขาไม่รู้สึกสนใจใยดีต่อเรื่องพวกนี้เลย แววความหงุดหงิดปรากฏให้เห็นในดวงตาของเขาอย่างชัดเจน
และในตอนนี้ ก็ได้ยินองครักษ์พูดรายงานอย่างลังเลอีกครั้ง “ตอนที่ข้าน้อยไปถึงก็มีสาวใช้คนหนึ่งอยู่ที่ลานบ้านเช่นกัน ได้ยินนางตะโกนว่าจับโจร…”
ท่านซุนรู้สึกไม่พอใจ “อะไร ? เรื่องเล็กแบบนี้เจ้าก็ต้องรายงานข้าด้วยรึ ?”
องครักษ์รายงานความผิด จากนั้นก็มองกงจี้อย่างลังเล “เอ่อ… นางเหมือนจะเป็น… สาวใช้ของคุณชายท่านนี้ขอรับ”
เดิมทีสองมือของกงจี้ที่วางอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนที่พักแขน ก็เผยให้เห็นเส้นเอ็นนูนออกมา
เช่นเดียวกับซุนจงอี้ เมื่อเขาได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกงจี้ด้วย เขาก็รีบมองกงจี้ทันที “หลานช่าง นี่คือ…”
กงจี้เงยหน้าขึ้นมององครักษ์คนนั้น ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ในเมื่อเป็นสาวใช้ของข้า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าด้วย นำทาง ข้าจะไปดูสักหน่อยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
องครักษ์ถูกกงจี้กวาดตามองจนสั่นไปทั้งตัวแล้ว
ซุนจงอี้ฉวยโอกาสตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “อืม ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นในจวนของข้า ข้าก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนและให้คำอธิบายแก่ขุนนางอำเภอเหลียงกับหลานช่าง เช่นนั้นเราไปที่นั่นด้วยกันเถอะ”
พูดเหมือนเป็นการถาม แต่ความเป็นจริงกลับไม่ต่างอะไรจากคำสั่ง
กงจี้ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
และแล้ว คนกลุ่มหนึ่งก็พากันเดินไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ อย่างยิ่งใหญ่ ยังเดินไม่ทันถึงที่ลานบ้าน กลับได้ยินเสียงเหลียงจื้อถงตวาดด้วยความโกรธเสียก่อน “ตาข้างซ้ายของข้ามองไม่เห็นแล้ว! ข้าจะฆ่าเจ้าไอ้ผู้หญิงชั้นต่ำโสโครก!”
เหลียงโหย่วซินตัวสั่นทันที เขารีบวิ่งไปที่ลานบ้านโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งอะไรอีกต่อไป
กงจี้หรี่ตาลง กระแสสังหารตลบไปทั่วทุกสารทิศ
.