แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 161 ทำอะไรลงไป
ตอนที่เจียงป่าวชิงออกจากในซอยและเลี้ยวมาถึงตรงร้านยาของเกิ่งจื่อเจียง นางก็เห็นป๋ายรุ่ยฮัวกับซุนต้าตงอยู่ข้างในอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
เกิ่งจื่อเจียงกำลังวัดชีพจรให้ป๋ายรุ่ยฮัว ส่วนซุนต้าตงก็พูดพึมพำอยู่ด้านข้าง “หมอคนนี้ยังหนุ่มขนาดนี้ จะทำเป็นรึ ?”
นอกจากนี้ ในร้านยายังมีผู้ป่วยต่อแถวอยู่ในนั้นอีกสองสามคน เมื่อพวกเขาได้ยินที่ซุนต้าตงพูด เขาก็ไม่พอใจเล็กน้อย “ไอ้โยพ่อหนุ่ม เจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็ไม่ชอบฟังนะ ถึงแม้ว่าหมอเกิ่งของเราจะยังหนุ่มยังแน่น แต่ฝีมือในการรักษาของเขากลับยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่ ๆ ๆ ลูกสาวสามคนที่อยู่บ้านติดกันป่วยเป็นโรคไข้หวัดก่อนหน้านี้ กินยาสี่ห้าอย่างจากห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ต่อมาได้ยินเพื่อนบ้านแนะนำให้มาซื้อยาเม็ดต้านโรคไข้หวัดจากหมอเกิ่ง เรียกว่าอะไรนะ… แต่ถึงอย่างไรก็ได้ผลดีมาก กินไม่กี่เม็ดก็ดีขึ้นแล้ว”
เมื่อพวกผู้ป่วยพากันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ สีหน้าของซุนต้าตงก็ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เห็นเจียงป่าวชิงเดินเข้ามาเสียก่อน จึงจงใจเผยรอยยิ้มที่คุ้นเคยออกมาให้เห็น “ไอ้โย! นี่ป่าวชิงไม่ใช่รึ ?”
เจียงป่าวชิงคิดทบทวนตัวเองว่าที่นางตีเขาก่อนหน้านี้ยังไม่แรงพอหรือเปล่า หรือต้องให้นางตีจนตายเขาถึงจะหลาบจำ
เมื่อหมอเกิ่งได้ยินชื่อของเจียงป่าวชิง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างดีใจ “แม่นางเจียง เจ้าไม่มาตั้งหลายวันเลย”
เกิ่งจื่อเจียงรีบทักทายเจียงป่าวชิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เก็บมือที่วางอยู่บนชีพจรของป๋ายรุ่ยฮัวกลับมาแล้วพูดขึ้น “คุณผู้หญิงคนนี้ ชีพจรของเจ้ายังอ่อนอยู่และคิดว่าน่าจะเพิ่งเป็นได้ไม่นาน ซึ่งมันยังไม่สามารถยืนยันได้เลยว่าเจ้าตั้งท้องหรือเปล่า ข้าแนะนำให้เจ้ามาตรวจอีกครั้งในภายหลังจะดีกว่า”
ขนตาของป๋ายรุ่ยฮัวสั่นไหวเล็กน้อย “ขอบใจหมอเกิ่งมากนะจ๊ะ”
เมื่อซุนต้าตงได้ยินว่าเกิ่งจื่อเจียงวัดชีพจรได้แต่ไม่รู้อาการ เขาจึงพร่ำบ่นขึ้นมาทันที “ตรวจไม่รู้อาการ ไม่ควรมาที่นี่เพราะเห็นแก่หน้าเจ้าปัญญาอ่อน… เจียงป่าวชิงเลยจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะในใจ
ป๋ายรุ่ยฮัวไม่สนใจซุนต้าตง นางทำเพียงยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง “หมอเกิ่ง ค่าตรวจอาการเท่าไหร่หรือจ๊ะ ?”
เกิ่งจื่อเจียงโบกมืออย่างองอาจ “นั่นไม่ใช่ปัญหา ข้าเพียงแค่วัดชีพจร ไม่เก็บเงินหรอก”
ซุนต้าตงได้ยินเกิ่งจื่อเจียงบอกว่าไม่เก็บเงิน เขาก็แสดงความดีใจผ่านทางสีหน้าทันที จากนั้นเขาก็รีบลากป๋ายรุ่ยฮัวออกไปด้านนอก เพราะเขากลัวว่าเกิ่งจื่อเจียงจะกลับคำพูดในภายหลัง
ป๋ายรุ่ยฮัวจึงถูกซุนต้าตงลากออกไปด้วยสีหน้าลำบากใจ
เจียงป่าวชิงมองดูอย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่นางไม่ได้สนใจซุนต้าตงกับป๋ายรุ่ยฮัวเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เกิ่งจื่อเจียงตรวจอาการให้ผู้ป่วยอีกสองสามคนเสร็จแล้ว เขาถึงจะหยิบสมุดบัญชีออกมาจากหลังตู้สินค้า จากนั้นก็ทำการตรวจเช็คบัญชีกับเจียงป่าวชิง “แม่นางเจียงเจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ช่วงก่อนหน้านี้ข้ายังกลัวอยู่เลยว่าร้านยาของข้าจะต้องปิดกิจการหรือเปล่า โชคดีที่ค้ำจุนไว้ได้ก่อน”
เจียงป่าวชิงถามถึงสถานการณ์ นางถึงจะรู้ว่าที่แท้เรื่องที่เกิ่งจื่อเจียงขายยาเม็ดนั้น ไม่รู้ว่าตกไปถึงหูของเจ้าของห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิได้อย่างไร จึงเกิดความขัดแย้งที่ไม่เล็กเลยขึ้นมา
หากว่าพูดตามหลักแล้ว ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิเป็นกิจการใหญ่ มีร้านสาขาอยู่เกือบทั่วต้าหลง และพวกเขาไม่สนใจผลกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเกิ่งจื่อเจียงแม้แต่นิดเดียว ทว่าเพราะสภาพแวดล้อมทางการค้าของอำเภอฉือเจียไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากว่าห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิต้องการปักหลักอยู่ที่อำเภอฉือเจีย พวกเขาจะต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับขุนนางอำเภอฉือทุกปี ในเวลานี้บังเอิญว่าเป็นช่วงวันเกิดของซุนจงอี้หรือข้าหลวงซุน ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงถูกฟันราคา และตอนนี้พวกเขาก็กำลังต้องการเพิ่มเติมส่วนที่ขาดไปอยู่พอดี
และเรื่องที่ยาเม็ดของเกิ่งจื่อเจียงยึดครองผลประโยชน์ทางการตลาดของพวกเขาก็เกิดขึ้นในขณะนี้พอดี ทางฝั่งของห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงไม่พอใจ ในตอนแรกเริ่ม พวกเขาหาพวกอันธพาลท้องถิ่นมาก่อกวนร้านของหมอเกิ่ง ทำจนร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงไม่สามารถเปิดร้านได้เลยทีเดียว เกิ่งจื่อเจียงจึงไปฟ้องที่ว่าการอำเภอ แต่ขุนนางอำเภอฉือรับเงินจากทางฝั่งของห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องอยู่ข้างห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิ สุดท้ายจึงโบยเกิ่งจื่อเจียงสิบหวายและไล่เกิ่งจื่อเจียงออกมาในที่สุด
ต่อมาห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ยิ่งเหิมเกริมมากกว่าเดิม พวกเขาพยายามคิดหาวิธีขู่เข็ญและหลอกล่อให้เกิ่งจื่อเจียงส่งมอบใบสั่งทำยาเม็ดอย่างเปิดเผยและลับ ๆ
เกิ่งจื่อเจียงถูกบังคับจนเกือบปิดกิจการร้านยาอยู่รอมร่อ โชคดีที่ผ่านไปไม่กี่วัน ขุนนางอำเภอฉือก็หมดอำนาจลง เมื่อขุนนางอำเภอฉือหมดอำนาจ ขุนนางอำเภอคนใหม่ก็ขึ้นดำรงตำแหน่ง จากนั้นเขาก็จัดการกับพวกร้านค้าที่ติดสินบนทันที ตอนนี้ห้องโถงหวนคืนสู่ฤดูใบไม้ผลิถึงจะซื่อสัตย์เสียที และการค้าร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงถึงจะค่อย ๆ ดีขึ้นตาม
เมื่อพูดถึงเรื่องที่ขุนนางอำเภอฉือหมดอำนาจ สีหน้าของเกิ่งจื่อเจียงก็ตึงขึ้น จากนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวาและรีบปิดประตูร้านยาอย่างลุกลี้ลุกลนด้วยท่าทางลึกลับ
เจียงป่าวชิงกำลังพลิกดูสมุดบัญชีอยู่ เมื่อนางเห็นท่าทางของเกิ่งจื่อเจียงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ หมอเกิ่งเป็นอะไร เหตุใดถึงได้ทำท่าทางเหมือนทำอะไรผิดมาอย่างนั้นเล่า ?”
เกิ่งจื่อเจียงพูดอย่างประหม่า “แม่นางเจียง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี…”
“อย่า ๆ ๆ” เจียงป่าวชิงยื่นมือออกไปห้ามเกิ่งจื่อเจียง “โดยปกติแล้วหลังจากที่หมอเกิ่งพูดคำนี้ มักจะตามมาด้วยเรื่องที่ไม่ดีเสมอ ข้าขอเลือกที่จะไม่ฟังได้ไหม ?”
เกิ่งจื่อเจียงลังเลไปสักครู่ “หลัก ๆ คือตอนนี้เราทำการค้าร่วมกัน และสิ่งที่ข้าทำนั้นมีความเสี่ยงจริง ๆ ที่ข้าพูดออกมาก็เพราะอยากให้เจ้าได้รับรู้ ส่วนจะร่วมมือกันอีกหรือไม่นั้น ข้าให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเอาเองนะ”
เจียงป่าวชิงได้ฟังดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อสักครู่นางเพียงแค่ล้อเกิ่งจื่อเจียงเล่นเท่านั้น ตอนนี้เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของเขาแล้ว เหตุใดถึงเหมือนว่าเกิ่งจื่อเจียงทำสิ่งที่ขัดต่อกฎระเบียบจริง ๆ เลยล่ะ ?
“หมอเกิ่งทำอะไรกันแน่ ?” เจียงป่าวชิงถามอย่างระมัดระวัง “หมอเกิ่ง เราไม่สามารถทำการเผา การฆ่า การใช้กำลังยื้อแย่ง การล่วงประเวณี และการปล้นจี้ได้หรอกนะ”
“เจียงป่าวชิงเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ?” เกิ่งจื่อเจียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็ดึงแขนเจียงป่าวชิงเบา ๆ “มานี่ เจ้าตามข้ามาหน่อย”
“ระวังหน่อยหมอเกิ่ง” เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วและดึงแขนของตัวเองออกมาจากในมือหมอเกิ่ง “อย่าแตะต้องตัวเด็กผู้หญิงสุ่มสี่สุ่มห้าสิ”
แม้ว่าจะพูดไปเช่นนี้ นางก็ยังคงเดินตามเกิ่งจื่อเจียงไปที่หลังบ้านอยู่ดี
……
ป๋ายรุ่ยฮัวกับซุนต้าตงหลบอยู่ท้ายซอย พวกเขาเห็นเกิ่งจื่อเจียงแสดงสีหน้ากินปูนร้อนท้องออกมา จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าบริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน เขาถึงจะปิดประตูร้านยา …และเจียงป่าวชิงก็ไม่ได้ออกมาเป็นเวลานานเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าตอนที่หมอแซ่เกิ่งคนนั้นปิดประตูแล้ว ขณะนี้ไม่แน่เขากับเจียงป่าวชิงอาจจะทำเรื่องชั่วอะไรบางอย่างอยู่ข้างในก็ได้…
ซุนต้าตงมีสีหน้าตกตะลึง เขาหยุดหายใจไปสักครู่ “ไอ้หยา! เจ้าเท้าเล็กอย่างเจียงป่าวชิงมีฝีมือจริง ๆ อย่างนั้นรึ ? ถึงได้ให้ท่าหมอในเมืองนี้ได้สำเร็จเช่นนี้ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวมองซุนต้าตง “ตอนนี้เจ้าคงจะเชื่อแล้วใช่หรือไม่ ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก”
“อืม… ตอนนี้ปิดร้านแล้ว ไม่แน่เขาพวกเขาอาจจะทำชั่วอะไรบางอย่างอยู่ข้างในก็ได้” เพียงแค่ซุนต้าตงนึกถึงเหตุการณ์นั้น ลำคอของเขาก็มีความแห้งผาก เขาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของตัวเอง
“ฮืมมม ดูไม่ออกเลย เจ้าปัญญาอ่อนนั่นปัญญาอ่อนมาตั้งหลายปี พอเริ่มมีสติปัญญาเข้าหน่อย นางกลับทำได้ขนาดนี้”
ป๋ายรุ่ยฮัวได้ยินซุนต้าตงพูดถึงเจียงป่าวชิงเช่นนี้ แววแห่งความบ้าคลั่งทออยู่ในนัยน์ตาของนาง และนางก็รู้สึกสบายใจมากเช่นกัน
ในเมื่อตัวนางตกลงไปในบ่อโคลนลึกแล้ว เจียงป่าวชิงมีสิทธิ์อะไรที่จะใช้ชีวิตได้อย่างบริสุทธ์ด้วย ?
นางมีสิทธิ์อะไร ?!
ซุนต้าตงกำลังคิดลามก จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นในหัวของเขา “ใช่แล้วรุ่ยฮัว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกไม่ใช่หรือว่าพี่ต้าหูของข้าก็คิดอะไรกับเจียงป่าวชิงเช่นกัน ? …หากว่าพี่ต้าหูของข้ารู้เรื่องนี้เข้า หึ ๆ ๆ…”
.