แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 17 ต้มซี่โครงที่ถูกเพิ่มวัตถุดิบ
ตอนที่ 17 ต้มซี่โครงที่ถูกเพิ่มวัตถุดิบ
เมื่อเจียงต้ายาเห็นเจียงเหมยฮัวทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นนางก็หยิบตระกร้าเล็ก ๆ ที่บรรจุงานเย็บปักถักร้อยออกมาจากข้างเตียงอิฐ และเข้าไปนั่งข้างเจียงเหมยฮัวอย่างใกล้ชิด “ท่านป้าเล็ก งานเย็บปักถักร้อยของท่านป้าดีมากจริง ๆ นะเจ้าคะ”
เจียงเหมยฮัวใช้เข็มแทงผมของตนเอง ได้ยินดังนั้นมือนางก็สั่นเล็กน้อย และเกือบทำให้แทงลงไปบนหนังศีรษะแล้ว “ก็… ก็ไม่ดีเท่าไหร่…”
“ท่านป้าเล็ก เหตุใดท่านป้าถึงไม่ชอบโอ้อวด เหตุใดถึงถ่อมตัวนักล่ะเจ้าคะ ?” เจียงต้ายาหยิบงานเย็บปักถักร้อยของตัวเองออกมาจากในตะกร้าเล็ก ๆ จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ใต้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อจงใจให้เจียงเหมยฮัวเห็นว่านั่นเป็นผ้าอ้อมเด็กเล็กที่ทำขึ้นมาแล้วครึ่งหนึ่ง
“เฮ้อ… ท่านป้าเล็ก ระหว่างคนเราน่ะมันช่างต่างกันมากจริง ๆ นะ ข้าเองก็ทำงานเย็บปักถักร้อยมาหลายปีแล้ว แต่ยังทำไม่ได้อย่างที่ท่านป้าทำเลย เฮ้อ… ดูรอยเย็บของท่านป้าสิ ละเอียดมากจริง ๆ”
เจียงเหมยฮัวรู้สึกชาที่หนังศีรษะเล็กน้อย นางรีบบ่ายเบี่ยงคำชมของเจียงต้ายา “ไม่หรอกต้ายา เจ้าไม่ต้องชมข้าขนาดนี้ก็ได้”
ถ้าจะให้วิจารณ์กันจริง ๆ งานเย็บปักถักร้อยของเจียงเหมยฮัวนั้นไม่เลวเลย รายได้ส่วนหนึ่งของครอบครัวก็พึ่งพาจากการที่เจียงเหมยฮัวทำงานเย็บปักถักร้อยและเอาไปขาย
เจียงต้ายายังคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านป้าเล็ก ถ้าหากท่านพูดว่าตัวเองทำได้ไม่ดีอีก ก็เท่ากับว่าท่านป้ากำลังเยาะเย้ยข้ากับเอ้อยานะเจ้าคะ”
เจียงเหมยฮัวได้ยินเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เจียงเอ้อยาพูดต่อ “ท่านป้าเล็ก เราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่พูดคำพูดที่ห่างเหินกันดีกว่านะเจ้าคะ ท่านป้าดูสิ งานเย็บปักถักร้อยของท่านป้าดีถึงเพียงนี้ ข้านั้นก็ใกล้จะออกเรือนแล้ว ท่านป้าช่วยข้าปักผ้าคลุมศีรษะให้สักหนึ่งผืนสิเจ้าคะ… อ้อ ใช่แล้ว แล้วข้าก็ขอให้ท่านป้าปักปลอกหมอนให้ข้าอีกหนึ่งคู่ด้วยนะเจ้าคะ งานไม่ได้เยอะอะไรเลย ท่านป้าว่าไหมเจ้าคะ ?”
เจียงเหมยฮัวอ้าปากค้าง ผ่านไปสักครู่ นางก็ยังหาคำที่จะปฏิเสธไม่ได้
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน หลีโผจื่อเพิ่งรับงานใหญ่สองสามงานให้นาง ทุกงานล้วนเป็นงานเร่งทั้งนั้น เพราะฝ่ายนั้นเขาให้ราคาสูง หลีโผจื่อจึงไม่สนว่าเจียงเหมยฮัวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร หรือจะเย็บทันหรือไม่ นางเห็นว่าราคาดีจึงรับมาทั้งหมด
ตลอดหลายวันมานี้ เจียงเหมยฮัวต้องทำงานบ้านและต้องดูแลสวนผักในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็ต้องใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดให้แสงสว่างเพื่อทำงานเย็บปักถักร้อย ด้วยการที่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นางจึงดูซีดเซียวไปไม่น้อย
ทว่าเจียงเหมยฮัวไม่ค่อยมีตัวตนในบ้านนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงไม่มีใครสนใจว่านางจะซีดเซียวหรือแข็งแรงดี ทว่าด้วยนิสัยขี้ขลาดของนาง นางปฏิเสธคนไม่เป็นมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้ตัวเองจะลำบากใจเพียงใด และต่อให้จะอ้าปากค้างนานขนาดไหน นางก็มักจะพูดคำว่า ‘ไม่’ ไม่ออกเสมอ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางไม่มีเวลาปักผ้าคลุมศีรษะกับปลอกหมอนให้เจียงต้ายาจริง ๆ
เจียงต้ายาปรบมืออย่างดีใจ นางมัดมือชกเรื่องนี้ด้วยตัวของนางเอง “เช่นนั้นก็เอาตามนี้เลยนะเจ้าคะ แต่ท่านป้าเล็กต้องรีบหน่อยนะ ข้าน่าจะออกเรือนในเร็ววันนี้”
เจียงเหมยฮัวจับเข็มแน่นขึ้น ริมฝีปากของนางขมุบขมิบสักครู่ ใบหน้านางก็ซีดเหมือนสีเทียนไขซีด ๆ สุดท้ายนางยังคงพูดปฏิเสธออกมาไม่ได้
เจียงต้ายาคลำถุงกระดาษน้ำมันในอ้อมกอดเล็กน้อย ในความตื่นเต้นยังมีความฮึกเหิมที่ไม่สามารถบรรยายได้
ผ่านไปไม่นานนัก เจียงเอ้อยาก็เลิกม่านประตูเดินเข้ามา “ท่านป้าเล็ก ท่านย่าบอกให้ท่านไปทำงานที่ห้องของท่านย่า จะได้ประหยัดน้ำมันตะเกียง”
เจียงเหมยฮัวพยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นนางก็รีบเก็บงานเย็บปักถักร้อยลงตะกร้า ถือตะกร้าและรีบออกไปจากห้องทันที
เจียงเอ้อยาเบะปากอยู่ตรงด้านหลังเจียงเหมยฮัว จากนั้นก็หันไปขยิบตาให้เจียงต้ายา “พี่ ข้าไปเล่นที่ห้องท่านย่านะ”
เจียงต้ายาพยายามระงับไม่ให้หัวใจเต้นแรง จากนั้นนางก็หันไปโบกมือให้เจียงเอ้อยา “เจ้าไปเถอะ”
ม่านประตูถูกเลิกออกและปิดลง ภายในห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
เจียงต้ายานั่งอยู่ในห้อง นางยื่นมือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในอ้อมกอด หัวใจของนางเต้นรัวเร็วราวกับมีคนตีกลองอยู่ในนั้น
ผ่านไปสักครู่ โจซื่อก็ถือต้มซี่โครงใส่ฟักเขียวที่ดูค่อนข้างใสเข้ามาหนึ่งถ้วย นางบอกว่าเป็นต้มซี่โครง แต่ข้างในมีเพียงซี่โครงชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้นที่มีเนื้อเพียงน้อยนิด ในถ้วยจะเป็นฟักเขียวเสียส่วนใหญ่ แต่ในซุปกลับตุ๋นจนมีความหอมที่เข้มขึ้นมาก เจียงต้ายาที่ไม่ค่อยเห็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์สักเท่าไหร่ได้กลิ่นหอมนั้น น้ำลายของนางก็แทบจะไหลออกมา
เป็นเพราะคืนเงินห้าตำลึงให้เฉจื่อเจิ้งแล้ว และโจซื่อก็รู้ว่าตนเองเลี้ยงลูกสาวคนโตมาโดยเปล่าประโยชน์ นางจึงคิดว่ารอให้ลูกสาวแท้งลูกคนนี้ก่อน แล้วค่อยขายนางไปไกล ๆ ไม่รู้ว่าชาตินี้ตนจะได้เจอหน้านางอีกหรือไม่
เดิมทีโจซื่ออยากตักซี่โครงให้ลูกสาวคนโตอีกหน่อย แต่ลูกชายคนเล็กกลับเห็นเข้าก่อน เขาเป็นคนที่ห่วงของกินมาก สุดท้ายก็ร้องไห้โวยวายแย่งเอาซี่โครงชิ้นใหญ่ไปจนได้
“เจ้ากินเยอะ ๆ” โจซื่อไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อย ทว่าเมื่อคิดกลับกัน การที่ต้ายาตกอยู่ในสถานการณ์นี้จะโทษใครได้อีกเล่า ? ถ้าไม่โทษตัวนางเองที่ไม่มีความละอายต่อบาป อายุยังน้อยแต่กลับไม่รอให้ผู้เป็นบิดามารดาหาคู่ให้ นางอดกลั้นไม่ไหวไปมีอะไรกับคนป่าเถื่อนจนได้เรื่อง
เลี้ยงนางมาโดยเปล่าประโยชน์ตั้งหลายปี แย่จริง ๆ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของโจซื่อก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก นางนั่งลงได้สักพัก สุดท้ายก็รีบออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงต้ายานั่งอยู่ในห้องที่มืดสลัว ผ่านไปสักพักนางก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
…… เจียงป่าวชิงในเวลานี้หมกมุ่นอยู่กับการถูเข็มจนไม่รู้ว่าเวลาข้างนอกผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ในตอนที่นางถูจนได้ที่ นางก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาถีบประตู
ปึง!
เจียงป่าวชิงย่นจมูกเล็กน้อย และคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป ทว่ามีเสียงเหมือนประตูถูกคนถีบอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้นางได้ยินอย่างชัดเจน
ปึง!
“ใคร ?” เจียงป่าวชิงถามขึ้น
คนที่อยู่ข้างนอกกดเสียงลง ในน้ำเสียงมีความวิตกกังวลและความหงุดหงิดเจืออยู่เล็กน้อย “เจียงป่าวชิง เจ้ารีบเปิดประตูเร็วเข้า!”
เจียงป่าวชิงมีปฏิกิริยาไวต่อเสียงของมนุษย์เป็นอย่างมาก นางแยกออกว่านั่นคือเสียงของเจียงเอ้อยา เจียงเอ้อยามาหานางเอาดึกดื่นเช่นนี้ จะเป็นเรื่องดีไปได้อย่างไร ?
เจียงป่าวชิงไม่อยากจะสนใจนางสักเท่าไหร่ ทว่าเจียงเอ้อยากลับไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ นางถีบประตูและยังคงกดเสียงต่ำลงอีกครั้ง ในน้ำเสียงของนางมีความฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด “เจียงป่าวชิง รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”
ดูเหมือนว่าถ้าไม่เปิดประตูให้นาง นางก็จะโวยวายเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
เจียงป่าวชิงลูบเข็มที่ตนเองถูมาสักพักใหญ่เล็กน้อย ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่เป็นไปตามที่หวังทั้งหมด แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่มากก็น้อย
เมื่อมีเข็มสองเล่มนี้ เจียงป่าวชิงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นไม่น้อยเลย นางกำเข็มไว้ในมือ จากนั้นถึงจะใส่รองเท้าและเดินไปเปิดประตู
เวลานี้ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีดำหมดแล้ว แต่สีพระจันทร์กลับสวยมาก เจียงป่าวชิงจึงเห็นอย่างชัดเจนว่าเจียงเอ้อยากำลังยืนถือถ้วยอะไรบางอย่างอยู่ด้านนอก และสีหน้าของนางมีความแปลกประหลาดเจืออยู่เล็กน้อย
“มีอะไรหรือ ?” เจียงป่าวชิงพิงกรอบประตู นางไม่คิดจะออกไป
เจียงเอ้อยายื่นถ้วยเคลือบที่ตนถืออยู่ในมือมาด้านหน้า และจงใจแสร้งทำสีหน้าไม่สนใจ “เอาไปสิ ถ้วยนี้ให้เจ้า”
ถึงแม้ว่าในถ้วยจะมีซี่โครงที่น่าสงสารเพียงหนึ่งชิ้น ที่เหลือเป็นฟักเขียวหั่นบาง ๆ แต่กลิ่นหอมของซี่โครงกลับปะทะเข้าจมูกอย่างจัง
ทว่า… ปีกจมูกของเจียงป่าวชิงขยับเล็กน้อย แต่สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไป นางสังเกตเจียงเอ้อยา จากนั้นก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “ใครใช้ให้เจ้าเอามาให้ข้าหรือ ?”
“จะมีใครได้อีก ? ก็ท่านย่า… ไม่ใช่ ท่านแม่ของข้าน่ะสิ บอกให้เอามาให้เจ้าบำรุงร่างกายด้วย” สีหน้าของเจียงเอ้อยายิ่งไม่เป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม นางยัดถ้วยต้มซี่โครงถ้วยนั้นใส่ในมือเจียงป่าวชิงอย่างบังคับ จากนั้นก็หมุนตัวและวิ่งหนีไป
เจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงประตูภายใต้แสงจันทร์ นางสังเกตต้มซี่โครงที่อยู่ในมืออย่างละเอียด จมูกนางกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็ดมกลิ่นที่ผิดปกติจาง ๆ จากในต้มซี่โครงถ้วยนั้น
ถึงแม้ว่านางจะฝึกฝนวิชาฝังเข็มเป็นหลัก แต่นางก็ไม่เคยละทิ้งทักษะพื้นฐานของแพทย์แผนจีน
คนที่เพิ่มวัตถุดิบบางอย่างลงไปในต้มซี่โครงถ้วยนี้จะต้องเป็นคนที่ไม่ชำนาญอย่างแน่นอน เพราะเมื่อลองดมดี ๆ กลิ่นของ ‘วัตถุดิบ’ นั้นก็ค่อนข้างขัดแย้งกับกลิ่นของต้มซี่โครงถ้วยนี้อยู่พอสมควร มันไม่เข้ากันเลยสักนิดเดียว
ถ้าหากใช้คำพูดของนางเอง นี่ก็คงจะเป็นการบอกนางอย่างโจ่งแจ้งว่า ‘ข้าใส่อะไรบางอย่างลงไปในต้มซี่โครงถ้วยนี้’
เจียงป่าวชิงถือต้มซี่โครงถ้วยนั้น พลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะมีคนนำสิ่งของสกปรกเช่นนี้ออกมาใช้