แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 191 สะพานถล่ม
จากเขื่อนจี๋เสียงไปยังอำเภอเป็นเส้นทางที่ต้องผ่านสะพานไม้ข้ามแม่น้ำคราด เนื่องจากบริเวณรอบนอกของแม่น้ำคราดมีระยะทางหลายสิบลี้ การจะผ่านไปได้มีเพียงต้องใช้สะพานไม้แห่งนี้เท่านั้น
การไปในอำเภอครั้งนี้ มีคนโดยสารรถล่อของเสี่ยวเจิ้งเป็นจำนวนมาก การบังคับรถล่อข้ามสะพานไปให้ได้จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากพอตัว เขาพยายามบังคับรถล่ออย่างตั้งใจแต่มันกลับช้าลง
เขาร้อนรนอยู่เล็กน้อย …ทำไมถึงซวยแบบนี้ ?! อีกทั้งวันนี้ลมยังพัดแรง โดยเฉพาะบริเวณใกล้ ๆ ผิวน้ำโล่งกว้างของแม่น้ำคราด ลมพัดแรงเสียจนคนผู้คนแทบลืมตาไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
เสี่ยวเจิ้งยกมือซ้ายขึ้นป้องดวงตาจากสายลม มือขวาก็สะบัดแส้ม้าอย่างหงุดหงิดใจเพื่อไล่เจ้าล่อเตี้ยไปด้วย ในช่วงหลังมานี้ ล่อเตี้ยของบ้านเสี่ยวเจิ้งถูกใช้งานหนักมาก มันแทบจะต้องแบกรับน้ำหนักอยู่กับการลากรถลากของตลอด ตอนนี้มันแสนจะเหนื่อยล้า มันเตะขาสองทีและไม่ยอมขึ้นสะพานเลย
“เฮ้ไอ้ตัวขี้ขลาด แกเดินดี ๆ หน่อยสิวะ!”
เสี่ยวเจิ้งโกรธจัด เขาสะบัดแส้ม้าอย่างแรง แต่เป็นเพราะลมแรงจนต้องหรี่ตา แส้ม้าของเขาสะบัดไปไม่ค่อยเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการเลย มันกลับสะบัดไปโดนบนหนังตาของเจ้าล่อ ทำให้มันเจ็บและตื่นตกใจวิ่งขึ้นสะพานไปอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีคนที่กำลังเดินข้ามสะพานกันอยู่ก็มีมากแล้ว แล้วยังมามีรถล่อวิ่งขึ้นไปอย่างบ้าคลั่งอีก สะพานไม้จึงโยกไปโยกมาอย่างน่าหวาดเสียวทันที
เจียงป่าวชิงรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย
ก่อนขึ้นสะพาน นางมองสังเกตสะพานไม้แห่งนี้แล้ว มันขาดการซ่อมบำรุงเป็นเวลานานอย่างเห็นได้ชัด คานไม้ที่ข้อต่อบางจุดก็เน่าเปื่อยเพราะถูกน้ำกัดเซาะ ไหนจะเจ้าล่อตัวนี้ที่วิ่งขึ้นไปอย่างกะทันหันแทบจะเฉี่ยวคนที่เดินหลบไม่ทัน สะพานไม้โยกไปเยกมาอย่างน่ากลัว
ช่างอันตรายจริง ๆ
เจียงป่าวชิงยังไม่ทันได้พูดคำว่า ‘ระวัง’ นางก็ได้ยินเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นสะพานไม้ก็ถล่มลงมาอย่างรุนแรง
โครม!
ครืน!
เสียงกรีดร้องของผู้คนบนสะพานดังระงมโดยเฉพาะคนบนรถล่อของเสี่ยวเจิ้ง บนรถเต็มไปด้วยผู้คนและทุกคนก็ตกลงไปในแม่น้ำกันหมด มีทั้งคนที่พอจะโชคดีตกน้ำไปแล้วลอยคอไปใกล้ฝั่งบ้าง มีไม้ลอยมาใกล้ ๆ ให้ยึดเกาะบ้าง ส่วนคนที่ค่อนข้างซวยก็มี หลังจากที่ตกแม่น้ำแล้ว เหล่าคนดวงซวยบางคนถูกท่อนไม้บนสะพานไม้ตกใส่ศีรษะจนเลือดอาบ และตอนนี้ก็กำลังลอยคออยู่ในแม่น้ำ อาการดูย่ำแย่ขนานหนัก
เจียงป่าวชิงตกใจไม่แพ้คนอื่น ๆ เลยแต่นางพยายามตั้งสติ กลั้นหายใจเอาไว้แล้วพยายามว่ายไปที่ด้านข้างแม่น้ำอย่างระมัดระวังเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากท่อนไม้ที่ตกลงมา
แม่น้ำคราดกว้างมาก นี่คงจะใกล้ถึงช่วงเวลาที่น้ำขึ้นแล้วด้วย น้ำถึงขึ้นมาสูงมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นกระแสน้ำยังเชี่ยวกราก ปรากฏการณ์อันตรายช่างเกิดต่อเนื่องกันดีจริง ๆ
เจียงป่าวชิงโผล่ศีรษะออกมาจากผืนน้ำ นางเห็นว่าในแม่น้ำมีคนที่ตกลงมาในน้ำแต่กลับว่ายน้ำไม่เป็นอยู่หลายคน พวกเขากำลังจม ๆ ลอย ๆ ตีแขนอยู่ในน้ำ เห็นแล้วน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
เจียงป่าวชิงไม่ใช่ไม่อยากช่วยพวกเขา แต่ลำพังนางยังเอาตัวเองไม่รอด นับประสาอะไรจะไปช่วยคนอื่น
มีบางคนที่โชคดี พวกเขาปีนขึ้นไปอยู่บนท่อนไม้หรือแผ่นไม้ใหญ่ที่ลอยอยู่ บางคนก็ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ส่วนบางคนโชคไม่ดี ว่ายน้ำไม่เป็นไม่พอยังถูกไม้ตกใส่ศีรษะ ไม่พ้นต้องจบชีวิตอยู่ที่แม่น้ำคราดแห่งนี้
เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ปอดได้รับอากาศสดชื่นเพียงพอ นางพยายามออกแรงว่ายไปยังท่อนไม้ลอยน้ำที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเพื่อเอาชีวิตรอด
ป้าหวังโชคดีหน่อย ถึงแม้ว่านางจะเติบโตอยู่ที่ริมแม่น้ำคราดและว่ายน้ำเป็น แต่นางอายุมากแล้ว เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี โชคดีที่ตอนนางตกลงมาจากบนสะพาน ข้างตัวนางมีท่อนไม้ลอยน้ำมานางจึงรีบกอดท่อนไม้ไว้โดยสัญชาตญาณ นางสำลักน้ำเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง
แต่ถึงอย่างไร อุบัติเหตุในครั้งนี้เรียกได้ว่ามีคนตกน้ำเยอะมาก กระแสน้ำก็เชี่ยวกราก ป้าหวังไม่ทันได้ช่วยใครก็ถูกกระแสน้ำพาไปไกลเสียก่อน
ทางด้านป๋ายรุ่ยฮัว นางดวงกุด ตอนที่นางตกน้ำก็จับแขนเฟิ่งเอ๋อร์ไว้แน่น เฟิ่งเอ๋อร์ร้องไห้อ้าปากกว้างด้วยความตื่นตระหนกจนทำให้น้ำเข้าปากนาง นางตกใจมือไม้พันอยู่บนหลังป๋ายรุ่ยฮัวเหมือนปลาหมึกยักษ์อย่างไรอย่างนั้น
ป๋ายรุ่ยฮัวเป็นหญิงที่ถูกซื้อมาเป็นสะใภ้ตั้งแต่นางยังเล็ก ตั้งแต่นางเข้าไปในตระกูลป๋ายวันแรกก็เริ่มอยู่ข้างกายลูกชายที่ป่วยของตระกูลป๋ายคนนั้นเลย เป็นเช่นนี้แล้วนางจะมีโอกาสออกไปเรียนว่ายน้ำได้ที่ไหนกัน ?
นางเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างที่เห็น ส่วนเฟิ่งเอ๋อร์เองก็ยังเล็กอยู่จึงยังไม่เริ่มเรียนว่ายน้ำเป็นธรรมดา สองแม่ลูกจม ๆ ลอย ๆ อยู่ในน้ำอย่างตื่นกลัว
ท่าไม่ดีเสียแล้ว
ในขณะนี้ เสียงแก่ ๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้น “สาวน้อย เจ้าอย่าได้หวาดกลัวไปเลย ยื่นมือมาให้ข้าเร็ว!”
เจ้าของเสียงคือป้าหวังที่กำลังจับท่อนไม้ลอยน้ำอยู่นั่นเอง
ความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดในหัวใจของป๋ายรุ่ยฮัวทำให้นางกลับมามีพลังอีกครั้ง นางพยายามถีบน้ำเพื่อดันร่างตัวเองให้ลอยไปหาเสียงนั้น
หลังจากผ่านความยากลำบาก ในที่สุดป้าหวังก็ลากสองแม่ลูกให้เข้ามาหาตัวได้สำเร็จ ป๋ายรุ่ยฮัวจับท่อนไม้ลอยน้ำนั้นไว้แน่นราวกับว่านั่นคือฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตนางกับลูก
แต่เฟิ่งเอ๋อร์ตัวน้อยหวาดกลัวเกินไป นางยังคงดิ้น มือไม้ก็พันอยู่บนหลังป๋ายรุ่ยฮัวทำให้นางเกาะท่อนไม้ได้ลำบากมาก สองคนแม่ลูกสำลักน้ำไม่น้อยเลย นางอดรู้สึกไม่ได้ว่าท่อนไม้นี้กำลังจะจม
ครู่ต่อมาป๋ายรุ่ยก็รู้สึกตัวว่าท่อนไม้นี้กำลังจะรับน้ำหนักไว้ไม่ไหวอีกต่อไป มันใหญ่เพียงพอจะรับน้ำหนักได้เพียงสองคนเท่านั้น
ขณะเดียวกันป้าหวังที่กำลังหอบหายใจก็พูดปลอบป๋ายรุ่ยฮัว “เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ป้าว่าจะต้อง… ต้องมีเรือมาช่วยเราอย่างแน่นอน”
แต่ป๋ายรุ่ยฮัวสำลักน้ำจนน้ำตาไหลแล้วในตอนนี้
‘ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!’ ป๋ายรุ่ยฮัวคิดในใจ นางมองป้าหวังและพยายามพูดกับป้าหวัง “ป้าหวังเจ้าคะ ที่ป้าบอกว่าขมขื่นก่อนแล้วถึงจะหวานนั้น จริงหรือเจ้าคะ ?”
ป้าหวังแช่น้ำนานจนหน้าซีดเผือด แต่นางยังคงพูดปลอบป๋ายรุ่ยฮัวอยู่ “ใช่… ใช่แล้ว สาวน้อยเจ้าไม่ต้องกลัวนะ…” ป้าหวังยังพูดไม่ทันจบคำก็เห็นสีหน้าของป๋ายรุ่ยฮัวเปลี่ยนไป
ป๋ายรุ่ยฮัวถีบร่างป้าหวังสุดแรง!
นางเห็นสายตาสุดท้ายของป้าหวัง เป็นสายตาที่ตกใจและไม่อยากจะเชื่อว่าสาวน้อยตรงหน้าจะทำกับนางอย่างนี้
สุดท้ายป้าหวังก็ถูกกระแสน้ำพัดจากไป
ป๋ายรุ่ยฮัวใช้แรงเฮือกสุกท้ายอุ้มเฟิ่งเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังวางลงบนท่อนไม้เพื่อให้เฟิ่งเอ๋อร์ได้นั่งจับท่อนไม้อยู่บนนั้น ร่างกายเล็ก ๆ ของเฟิ่งเอ๋อร์สั่นเทา นางกอดท่อนไม้และจม ๆ ลอย ๆ อยู่ในแม่น้ำคราดไปกับป๋ายรุ่ยฮัวแม่ของนาง
ป๋ายรุ่ยฮัวกัดฟันแน่น นางเองก็ตัวสั่น ป้าหวังจะโทษนางไม่ได้ ท่อนไม้ลอยน้ำนี้รับน้ำหนักพวกนางทั้งสามคนไม่ไหว ถ้าไม่เอาใครคนหนึ่งออกไปมีหวังพวกนางได้ตายกันหมด… อีกอย่าง ชีวิตที่ขมขื่นของนางยังไม่ผ่านไป ชีวิตที่หวานสดใสก็ยังมาไม่ถึง นางจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!
ป้าหวังอายุเยอะแล้ว การสละหนึ่งชีวิตแลกกับสองชีวิตถือว่าคุ้ม แทนที่จะตายหมดทั้งสามคน สู้ให้ป้าหวังสละชีวิตเพื่อให้พวกนางสองแม่ลูกได้มีชีวิตอยู่ต่อเสียดีกว่า
ป๋ายรุ่ยฮัวมองเฟิ่งเอ๋อร์ที่ผมเผ้าเปียกแนบติดกับเสื้อผ้าและมือน้อย ๆ กำลังกอดท่อนไม้ไว้แน่น นางครุ่นคิดในใจอย่างเงียบ ๆ ‘ป้าหวัง ชั่วชีวิตนี้เราสองแม่ลูกจะไม่ลืมบุญคุณยิ่งใหญ่ของป้าเลย ถ้าหากว่าวันนี้เราสองแม่ลูกได้รับการช่วยเหลือขึ้นฝั่ง เมื่อเรากลับบ้านไป เราจะสร้างแผ่นจารึกให้ป้า และเซ่นไหว้ป้าราวกับว่าป้าเป็นแม่ของข้าเอง’
……
หลังจากที่เจียงป่าวชิงขึ้นฝั่งมาได้ก็นอนนิ่งอยู่บนฝั่งเหมือนปลาที่ตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
เหนื่อยจริง ๆ!
ตอนนี้คนที่ว่ายน้ำเป็นและร่างกายบึกบึนก็ทยอยขึ้นฝั่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้พวกเขาจะมีญาติ ๆ ที่ยังอยู่ในน้ำ แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้ญาติ ๆ ของพวกเขาถูกแม่น้ำกลืนกินเสียแล้ว หมดหนทางที่จะให้พวกเขาได้ช่วยเหลืออะไรแล้ว
ผู้คนจำนวนมากที่รอดชีวิตมาได้ต่างพากันนอนร้องโหยหวนรอความช่วยเหลืออยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำ
สุดท้าย เหล่าผู้คนที่มีเรือจากหมู่บ้านใกล้เคียงก็มาช่วยผู้คนที่ยังลอยคอจับท่อนไม้ขึ้นฝั่งได้
ป๋ายรุ่ยฮัวกับเฟิ่งเอ๋อร์เองก็ได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน และเป็นเพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องของป๋ายรุ่ยฮัว ประกอบกับเฟิ่งเอ๋อร์ยังเป็นเด็กเล็ก สองแม่ลูกจึงได้ผ้าผืนใหญ่มาห่อตัวไว้
และบังเอิญว่าในหมู่บ้านข้าง ๆ มีหมอที่เดิมทีทำงานอยู่ในอำเภอด้วย เขาอายุมากแล้วจึงเกษียณกลับมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ยามปกติเขาก็มักจะตรวจดูอาการให้พวกชาวบ้านที่ไม่ค่อยสบายบ่อย ๆ
ครั้งนี้เกิดอุบัติเหตุที่สะพานไม้ เขาก็รีบมาช่วยเหลือผู้คนที่ประสบภัยโดยตรวจวัดชีพจรให้คนที่ถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำ เขาพบว่าหลายคนเป็นไข้หวัด จึงสั่งให้คนไปทำน้ำต้มขิงเข้มข้นมาที่นี่
มาถึงป่ายรุ่ยฮัว หมออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “แม่สาวน้อย เจ้าช่างมีวาสนาและดวงดีจริง ๆ เจอเรื่องตกใจมาขนาดนี้แต่สภาพท้องของเจ้าและลูกในท้องเจ้ายังคงที่ดีอยู่เลย”
ป๋ายรุ่ยฮัวลูบท้องด้วยใบหน้าตื่นตะลึง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
.