แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 266 รับมา
ในเมื่อนี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวอื่น แล้วเจียงป่าวชิงจะรู้เรื่องด้วยได้อย่างไร นางรู้สึกเพียงว่าเฉียนเซียงเซียงกับเฉียนจินหวู่เผาสมองของตัวเองไปแล้วหรือเปล่าก็เท่านั้น
เจียงป่าวชิงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ นางไล่เฉียนเซียงเซียงกลับไปด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ และพยายามลืมเรื่องนี้ไปซะ
แต่เจียงป่าวชิงไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เฉียนเซียงเซียงกลับถึงบ้านตัวเองแล้ว นางกลับรู้สึกเหมือนถูกสบประมาท ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ สุดท้ายก็ยืนร้องไห้อย่างเศร้าใจ
เจียงป่าวชิง เจ้าจำไว้เลย ข้าจะต้องเอาคืนเจ้าแน่!
เจียงเหลียนฮัวรักลูกสาวคนเล็กมาโดยตลอด นางเห็นลูกสาวคนเล็กร้องไห้จนตาบวมก็รู้สึกปวดใจไปด้วย นางคิดว่าคงเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นจึงกอดลูกสาวสุดที่รัก พูดโอ๋อยู่สักพักใหญ่แล้วค่อยถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉียนเซียงเซียงเล่าไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
เจียงเหลียนฮัวได้ฟัง ความโมโหก็แล่นเข้าเกาะกุมจิตใจทันที ‘เจียงป่าวชิง! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้าทำกับลูกสาวของข้าแบบนี้ ?!’
ประจวบเหมาะกับที่เฉียนจินหวู่เลิกม่านเข้ามาพอดี เขาไม่เห็นว่าน้องสาวกำลังร้องไห้ ได้แต่อ้าปากถามออกไปตามตรง “แม่ เรื่องที่ข้าให้แม่เก็บไปพิจารณาน่ะ แม่พิจารณาไปถึงไหนแล้ว ข้าต้องการแต่งงานกับเจียงป่าวชิงเร็ว ๆ นี้”
เจียงเหลียนฮัวกำลังโกรธเลือดขึ้นหน้า ก่อนหน้านี้ตอนที่โมโหมากที่สุด นางยังไม่เคยลงไม้ลงมือกับเฉียนจินหวู่เลยสักครั้ง ตอนนี้ความอดทนของนางขาดผึง คว้าเอาแก้วชาที่อยู่ข้างมือปาใส่เฉียนจินหวู่อย่างแรง
“ไอ้ลูกไม่รักดี ไม่เห็นหรือไงว่าไอ้เท้าเล็กนั่นมันทำให้น้องสาวเจ้าโกรธจนร้องไห้ขนาดนี้ ?!”
เฉียนเซียงเซียงเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้า “พี่ เจียงป่าวชิงนั่นมันแย่จริง ๆ พี่อย่าแต่งงานกับนางเลยนะ”
เฉียนจินหวู่พูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ข้าคิดว่านางไม่ได้แย่อะไร ก็แค่ไม่มีคนสอนนางเท่านั้น เมื่อแต่งนางเข้ามา พวกเจ้าคนนึงเป็นแม่สามี อีกคนเป็นน้องสาวสามี พอเป็นครอบครัวเดียวกันก็ค่อยสอนนางให้ดี ๆ ก็ได้หนิ”
เจียงเหลียนฮัวโมโหจนเนื้อตัวสั่นสะท้านไปหมดแล้ว “นี่เจ้ายังอยากให้ข้าสอนนางอีกรึ ?! แค่เห็นหน้านางข้าก็รู้สึกโมโหแล้ว ถ้าแต่งงานกับคนที่ชื่อเสียงเน่าเฟะเละไปถึงในโคลนอย่างนาง ตระกูลเฉียนของเราคงเงยหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิต!”
เฉียนจินหวู่ตะคอกใส่เจียงเหลียนฮัวอย่างหงุดหงิด “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้! ข้าแค่อยากแต่งงานกับเจียงป่าวชิงเท่านั้นโดยไม่สนว่าชื่อเสียงของนางจะเป็นยังไง รูปลักษณ์ของนางงดงามมาก ต่อให้วางไว้เชยชมอยู่เฉย ๆ ในบ้านทุกวันก็ไม่ขัดตา!”
เฉียนเซียงเซียงพูดเสียงแหลม “นี่พี่ถูกน้ำมันพรายปิดตาไปแล้วรึ ? เจียงป่าวชิงคนนั้นให้พี่กินยาเสน่ห์รึยังไง ในหัวของนางเต็มไปด้วยเงิน ก่อนหน้านี้ที่นางจะไปเป็นเมียน้อยให้นายกาวอะไรนั่นก็เพราะเงิน เเบบนี้พี่ยังอยากแต่งกับนางอีกรึ ?!”
เฉียนจินหวู่พูดขึ้นอย่างไม่สนใจ “แล้วมันจะทำไม แม้ข้าจะไม่มีเงิน แต่ถ้าได้คนสวยน่ารักอย่างนางมาเป็นเมียน้อยข้า ข้าเองก็เต็มใจมากเหมือนกัน!”
เจียงเหลียนฮัวกำลังจะด่าเฉียนจินหวู่ แต่กลับมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในหัวของนาง นั่นถึงกับทำให้การหายใจของนางติดขัดเลยทีเดียว
เมียน้อยอย่างนั้นรึ ?
เฉียนจินหวู่ทะเลาะกับแม่ของเขาต่อไป แต่จู่ ๆ เขากลับได้ยินแม่ของเขาพูดขึ้นช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น “เอาเข้าจริง เรื่องที่เจ้าอยากแต่งงานกับเจียงป่าวชิงนั้นใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“หืม ?” เฉียนจินหวู่คิดว่าตัวเองฟังผิดไปจึงไม่ได้ตอบสนองกลับชั่วขณะ
เฉียนเซียงเซียงเป็นฝ่ายร้อนใจแทน นางดึงมือเจียงเหลียนฮัวอย่างแรง “แม่ นี่แม่พูดอะไร ?!”
เจียงเหลียนฮัวดึงมือเฉียนเซียงเซียงและลูบอย่างปลอบโยนเพื่อให้ลูกสาวสงบลง นางเงยหน้ามองเฉียนจินหวู่และเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดที่มุมปาก “แต่คำว่าแต่งงานต้องเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘รับมา’ นะ”
แต่งงานเป็นภรรยา รับมาเป็นเมียน้อย
นี่หมายความว่าจะให้เขารับเจียงป่าวชิงมาเป็นเมียน้อยอย่างนั้นรึ ?!
เฉียนจินหวู่ตกตะลึง เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ แต่เจียงเหลียนฮัวไม่รอช้า นางค่อย ๆ พูดขึ้นอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าครอบครัวชาวนาอย่างเราจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับการรับคนมาเป็นเมียน้อยเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะไม่มี ถ้าเจ้ารับเมียน้อยคนนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เจ้าจะหาเมียหลวงในภายหลังได้ยาก ดังนั้นข้าจึงต้องการตกลงเงื่อนไขบางอย่างกับเจ้า ข้ายอมให้เจ้ารับเจียงป่าวชิงเข้าบ้าน แต่เจ้าจำเป็นต้องกำหนดการแต่งงานเอาเมียหลวงเข้าบ้านอย่างเป็นทางการให้ข้าก่อน”
เฉียนจินหวู่พูดขึ้นอย่างสงสัย “แม่ ไม่ใช่ว่าแม่ทำไปเพื่อแค่หลอกให้ข้าหาเมียหรอกใช่ไหม ?”
เจียงเหลียนฮัวชักสีหน้าใส่เฉียนจินหวู่ “ก็ได้ เจ้าไม่เชื่อข้า ถ้าอย่างนั้นเรามาเขียนสัญญาลงกระดาษร่วมกันสิ ข้าถอยให้ได้เท่านี้แหละ ถ้าเจ้าต้องการให้เจียงป่าวชิงเข้ามาในบ้านหลังนี้ ข้าให้ได้ไม่เป็นไร แต่นางจะเข้ามาได้เพียงสถานะของเมียน้อยเท่านั้น”
เฉียนจินหวู่อดใจสั่นไม่ได้ เขายังลังเลใจอยู่หน่อย ๆ “แต่เจียงป่าวชิงอาจจะไม่ยอม…”
เจียงเหลียนฮัวยิ้มดูถูก “นางมีสิทธิ์อะไรมาไม่ยอม มีคนยอมขอคนที่มีชื่อเสียงย่ำแย่อย่างนางก็บุญโขแล้ว นางต้องซาบซึ้งในบุญคุณสิถึงจะถูก อีกอย่าง นางจะยอมหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของเจ้า เพราะถึงยังไงข้าก็ยอมให้เจ้าได้แค่นี้ เจ้าแค่บอกมาว่าตกลงหรือไม่ตกลงก็เท่านั้น”
เมื่อนึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านช่วงนี้ เฉียนจินหวู่เองก็รู้สึกปวดศีรษะและอยากทำอะไรให้มันจบ ๆ ไปเช่นกัน ตอนนี้ในเมื่อแม่ของเขาเสนอรับเจียงป่าวชิงเข้ามาได้แล้ว ก็ถือว่าเป็นการจบสิ้นเรื่องความในใจของเขามิใช่หรือ ?
แต่สำหรับวิธีทำให้เจียงป่าวชิงยอมมาเป็นเมียน้อย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นวิธีการของผู้ชายหรอกรึ ?
เฉียนจินหวู่เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “ได้ งั้นเอาตามนั้นแหละ แม่ แม่เองก็รีบไปดูตัวเจ้าสาวให้ข้าเถอะ เมื่อแต่งงานแล้ว ข้าจะรีบรับเจียงป่าวชิงเข้ามาทันที” พูดเสร็จ เฉียนจินหวู่ก็เลิกม่านและเดินออกไปอย่างฮึกเหิม
เจียงเหลียนฮัวกำมือเฉียนเซียงเซียงแน่นเพื่อไม่ให้ลูกสาวพูดอะไร จวบจนเฉียนจินหวู่ออกไปแล้ว เจียงเหลียนฮัวถึงจะปล่อยมือ
แน่นอนว่าเฉียนเซียงเซียงพูดขึ้นมาทันทีอย่างร้อนใจ “แม่ นี่แม่โกรธพี่จนหน้ามืดตามัวไปแล้วรึ ? ทำไมถึงได้ไปตามใจเขาแบบนั้นล่ะ ? ถ้าคนกลับกลอกอย่างเจียงป่าวชิงเข้ามาในบ้านของเรา มีหวังบ้านเราคงเหลือแต่ความไม่สบายใจ แล้วครอบครัวเราจะมีวันสุขสบายได้ยังไง ?”
เจียงเหลียนฮัวเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมาให้เห็น “เด็กโง่ เจ้าไม่รู้หรอกว่าวิธีสำหรับแม่ยายที่จะบดขยี้ลูกสะใภ้นั้นมีมากแค่ไหน อีกอย่าง ไอ้เท้าเล็กนั่นเข้ามาเป็นเมียน้อย แม้แต่เมียจริง ๆ ก็ถือว่ายังไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นโอกาสให้เราตบตีนางได้ตามอำเภอใจหรอกรึ ?”
เฉียนเซียงเซียงเข้าใจได้ในทันที นัยน์ตานางเป็นประกายวิบวับ “โห แม่! วิธีของแม่ดีจริง ๆ จ้ะ”
เจียงเหลียนฮัวหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
……
เจียงป่าวชิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลเฉียนในขณะนี้ นางอยู่ในบ้านตามปกติ แต่จู่ ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่หน้าบ้าน ทว่าครั้งนี้แขกไม่ได้รับเชิญคนนี้ไม่ได้มาหานาง แต่มาหาเจียงหยุนชาน
เจียงป่าวชิงมองดูน้องอาซิ่งที่มือกำชายเสื้อขยำไปมาและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติผ่านทางประตู นางมองดูอยู่สักครู่ถึงจะหมุนตัวกลับไปเรียกเจียงหยุนชานที่ในห้อง
เจียงหยุนชานออกมาแล้ว เจียงป่าวชิงจึงจะกลับเข้าไปในบ้าน แต่หวังอาซิ่งรีบพูดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติเสียก่อน “ป่าวชิง เจ้าไม่ต้องกลับเข้าไปในบ้านหรอกนะ ข้า… คือข้า…”
อุตส่าห์มาถึงนี่แล้วแท้ ๆ แต่ดันพูดไม่ออกซะอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าลง
นึก ๆ ดูแล้ว เมื่อก่อนหวังอาซิ่งปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี แต่ในวันนั้นนางเองก็เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยหวังอาซิ่งเช่นกัน
ถือว่าไม่มีใครติดค้างใคร เพียงแค่ขาดวาสนาในการเป็นมิตรสหายกันก็เท่านั้น
หวังอาซิ่งเห็นเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง เจียงป่าวชิงไม่ใช่เด็กผู้หญิงปัญญาอ่อนผอมแห้งแรงน้อยอีกต่อไปแล้ว เจียงหยุนชานก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้อายในความทรงจำเก่า ๆ อีกต่อไป
ทุกคนต่างเปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปในทางที่ดีกันทั้งนั้น เหลือแต่นางที่ตามฝีเท้าของเพื่อนเล่นไม่ทัน และกำลังจะเดินไปอีกทาง
เจียงหยุนชานรู้สึกว่าหวังอาซิ่งผิดปกติไปจึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย “น้องอาซิ่ง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”
หวังอาซิ่งถึงกับไม่กล้าสบตาเด็กหนุ่มที่หล่อเหลามากขึ้นเรื่อย ๆ คนนี้ นางก้มหน้า สูดจมูกอย่างขมขื่นก่อนจะปริปากเอ่ยออกมาว่า “ฮึก.. ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็แค่จะแต่งงานในวันมะรืน ถึงตอนนั้นพวกเจ้ามาร่วมงานและไปส่งข้าสักหน่อยเถอะนะ”