แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 3 ทำผิดกฎแห่งต้าหลง
ตอนที่ 3 ทำผิดกฎแห่งต้าหลง
ชีวิตของเจียงป่าวชิงตอนอยู่ที่บ้านท่านปู่เจียงนั้นไม่ถือว่าดีนัก เด็กหญิงวัยสิบสามปีต้องหิวโหยจนผอมซูบ ดูแล้วเหมือนเด็กที่เพิ่งจะสิบขวบอย่างไรอย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้นางก็กำลังยิ้มให้กับเจียงหยุนชาน ด้วยหน้าตาและบุคลิกที่อ่อนวัย มันทำให้หัวใจของคนที่กำลังเฝ้าดูเรื่องสนุกอยู่นั้นเต้นอย่างรุนแรง
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ หลังจากที่ได้แช่น้ำเย็น สมองของข้าก็ปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อยเลย ทั้งยังจำเรื่องเมื่อก่อนได้อีกด้วย ข้าหายแล้วนะพี่” ถึงแม้ว่าใบหน้าของเจียงป่าวชิงจะผอมซูบ แต่รอยยิ้มของนางกลับงดงามเหมือนดอกไม้ที่เพิ่งผลิบาน
คนจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนาง ต่างคนก็ต่างพากันกลั้นหายใจ
ดูเหมือนแม่น้ำคราดสายนี้จะไม่ใช่แม่น้ำธรรมดา จากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่น นี่คือแม่น้ำที่มีประวัติความเป็นมามากมายสายหนึ่งเลยก็ว่าได้
เล่ากันว่าเมื่อนานมาแล้วชาวภูเขาที่อยู่ใกล้ภูเขาต้าโม๋นั้นโง่เขลาและใช้ชีวิตอย่างป่าเถื่อนมาโดยตลอด พวกเขาไม่รู้ว่าค่ำคืนข้างนอกนั้นเป็นอย่างไร
ต่อมามีชาวภูเขาผู้หนึ่งช่วยชีวิตชายคนหนึ่งที่กำลังจมน้ำขึ้นมาจากแม่น้ำคราด ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ชาวภูเขาต้าโม๋ได้ช่วยชีวิตตนเองไว้ ชายคนนั้นจึงสอนสิ่งต่าง ๆ มากมายให้กับพวกเขา ทั้งยังสนับสนุนให้พวกเขาออกไปจากภูเขาต้าโม๋เพื่อไปสัมผัสกับโลกภายนอก เรียกได้ว่าเขาเป็นคนนำชาวภูเขาเดินออกมาจากความไม่รู้ประสาและความป่าเถื่อน
ไม่รู้ว่าเรื่องราวนี้เล่าต่อกันมากี่ชั่วอายุคนแล้ว ในระหว่างเล่าต่อ ๆ กันมา แม่น้ำคราดก็กลายเป็นสถานที่ที่ลึกลับขึ้นเรื่อย ๆ จากคำพูดของชาวบ้านมากกว่าสิบหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับภูเขาต้าโม๋ นั่นถือได้ว่าเป็นแม่น้ำแห่งจิตวิญญาณสายหนึ่งเลยก็ว่าได้
เมื่อเรื่องราวพัฒนาต่อมาถึงช่วงหลัง ตอนที่เด็กทารกอยู่ในช่วงอาบน้ำหลังจากคลอดออกมาได้สามวัน ก็มักจะมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยตั้งใจไปตักน้ำในแม่น้ำคราดเพื่อนำมาผสมในอ่างอาบน้ำของเด็กทารก จากนั้นจะอธิษฐานให้เด็กฉลาดปราดเปรื่อง ปราศจากโรคภัยและเคราะห์ร้าย
มาตอนนี้เจียงป่าวชิง เจ้าเด็กปัญญาอ่อนกระโดดลงไปในแม่น้ำ และตอนที่โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง นางก็หายขาดจากโรคปัญญาอ่อนที่เป็นมาตลอดหลายปี นี่ก็เท่ากับว่าแม่น้ำคราดสำแดงฤทธิ์อีกแล้วใช่หรือไม่ ?!
ทันใดนั้น สายตาที่สมาชิกหลายคนในหมู่บ้านหลีที่ใช้มองเจียงป่าวชิงก็เปลี่ยนไป แต่สำหรับเฉจื่อเจิ้ง เขากลับทั้งโกรธทั้งดีใจในคราวเดียวกัน
ที่เขาโกรธตอนแรกก็เพราะแม่หนูน้อยที่เขาซื้อมานั้นเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ซ้ำร้ายยังสาปแช่งให้เกิดหายนะขึ้นกับเขาอีก แต่หลังจากที่โกรธเสร็จ เขาก็ดีใจที่แม่หนูคนนี้หายขาดจากโรคปัญญาอ่อนแล้ว ดังนั้นเงินห้าตำลึงที่เขาเสียไปเพื่อซื้อเด็กที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้มาเป็นเมีย ก็เท่ากับว่าได้กำไร!
แม้ว่าหลังจากนี้นางจะให้กำเนิดทารกเพื่อเป็นทายาทให้แก่ตระกูลเจิ้งของเขาแล้ว ถ้าเขาขายนางต่อ เขาก็ยังจะได้กำไรอีกมหาศาล
คิดได้ดังนั้นเฉจื่อเจิ้งก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากที่จะลากเจียงป่าวชิงกลับไปที่บ้านหลังเล็กของตัวเอง จากนั้นจะได้ปิดประตูเพื่อทำการสั่งสอนนางสักรอบ
พวกคนเกียจคร้านในหมู่บ้านพูดถูก หญิงสาวที่แต่งงานแล้วควรถูกตีด้วยไม้ตะบองสักครั้ง ตีครั้งเดียวนางก็เชื่อฟังแล้ว
ในขณะที่เฉจื่อเจิ้งยังคงคิดฟุ้งซ่าน เจียงหยุนชานกลับรู้สึกตื่นเต้นและอยากที่จะเข้าไปโอบกอดน้องสาวที่เพิ่งหายขาดจากโรคปัญญาอ่อน แต่เขากลับเป็นกังวลเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวของชายหญิงเล็กน้อย จึงทำได้เพียงแต่จับแขนเสื้อของเจียงป่าวชิงผู้เป็นน้องสาวไว้ จากนั้นเขาก็เดินวนรอบตัวนางอย่างตื่นเต้น
เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นเจียงหยุนชานมีท่าทีดีอกดีใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจอ่อนทันที เพราะตอนที่ ‘เธอ’ อยู่ในยุคปัจจุบัน ‘เธอ’ ก็เป็นพี่สาวเช่นเดียวกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของเจียงหยุนชานเป็นอย่างดี
เจียงป่าวชิงจึงส่งยิ้มหวานให้เจียงหยุนชาน จากนั้นก็พูดขึ้น “พี่!”
เจียงหยุนชานรู้สึกดีใจจนไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไรดี ได้แต่เรียกชื่อนางซ้ำ ๆ “ป่าวชิง ๆ”
ในตอนนี้เฉจื่อเจิ้งเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากที่สติปัญญาของเจียงป่าวชิงกลับคืนมา นัยน์ตาของนางก็มีราศีขึ้นมาทันที และสามารถพูดได้ว่านางแตกต่างจากท่าทีปัญญาอ่อนในอดีตไปโดยสิ้นเชิง เฉจื่อเจิ้งที่เป็นโสดมาตลอดหลายปี เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่มีน้ำมีนวลเช่นนี้คือเมียที่ตัวเองใช้เงินห้าตำลึงซื้อมา เขาก็อดใจไม่ไหว ปากก็พร่ำบ่นพร้อมเดินเข้าไปหมายจะดึงตัวเจียงป่าวชิงมากอด
ทว่าแน่นอนว่าเจียงหยุนชานพยายามจะปกป้องเจียงป่าวชิงอย่างสุดความสามารถ
มือที่แห้งเหี่ยวเหมือนขาไก่ของเฉจื่อเจิ้งออกแรงผลักเจียงหยุนชานอย่างแรง จากนั้นเขาก็สบถคำหยาบคายออกมา “ไสหัวไปให้พ้นไอ้ลูกวัว! บิดาจะสั่งสอนเมียที่ใช้เงินห้าตำลึงซื้อมา เจ้าอายุเท่าไหร่กันเชียวถึงจะมาขัดขวางข้า ?”
เจียงหยุนชานโมโหจนหน้าแดงมากกว่าเดิม แต่เขาก็ยังคงเอาตัวมาบังเจียงป่าวชิงไว้อย่างมั่นคง ร่างกายของเขาผอมบางขนาดนี้ แต่ในสายตาของเจียงป่าวชิงกลับรู้สึกว่าเขานั้นดูสูงใหญ่ยิ่งนัก
เจียงป่าวชิงรู้สึกตาร้อนผ่าว นางจมอยู่ในความรู้สึกนึกคิดไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “พี่ ถ้าตาแก่คนนี้รนหาที่ตายนัก พี่ก็ช่วยให้เขาสมหวังสักหน่อยเถอะ!”
เจียงหยุนชานชะงักไปทันที
เฉจื่อเจิ้งก็ชะงักไปชั่วขณะเช่นกัน ทว่าจากนั้นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “เจ้าเด็กเลว เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร ?!”
ในตอนนี้ชาวบ้านที่กำลังดูเรื่องสนุกอยู่บริเวณรอบ ๆ เยอะขึ้นเรื่อย ๆ และต่างคนต่างพากันดูละครตลกฉากนี้อย่างสนอกสนใจ
อันที่จริงชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่ในหมู่บ้านใกล้กับภูเขาต้าโม๋ก็ล้วนเป็นคนจนกันทั้งนั้น อีกทั้งคนแก่โสดที่หาเมียไม่ได้ก็มีเยอะแยะ พวกเขารู้สึกอิจฉาเจ้าง่อยเฉจื่อเจิ้งคนนี้มานานแล้วที่สามารถเก็บออมเงินจำนวนห้าตำลึงเพื่อซื้อเมียกลับมาอุ่นเตียงและผลิตทายาทได้ เมื่อเห็นว่าเมียที่เฉจื่อเจิ้งซื้อกลับมาด้วยเงินห้าตำลึงและพี่ชายของนางกำลังสร้างปัญหา งานนี้คนที่ดีใจที่สุดก็น่าจะเป็นพวกเขาแล้วล่ะ
พวกคนเกียจคร้านผิวปากอย่างมุ่งร้ายและพูดขึ้น “สาวน้อย ไหนเจ้าลองบอกมาซิว่าเจ้าเฉจื่อเจิ้งคนนี้รนหาที่ตายยังไง ?”
ตอนที่เจียงป่าวชิงอยู่ในยุคปัจจุบัน นางมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่ชนบทเป็นส่วนใหญ่ นางจึงรู้ดีว่าเหล่าคนเกียจคร้านในชนบทจะมีพฤติกรรมเช่นไร เจียงป่าวชิงไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย นางส่งยิ้มให้คนในหมู่บ้านด้วยกิริยาท่าทางที่สง่า “ทุกคนมองดูพี่ชายของข้าก็รู้แล้วว่าพี่ชายของข้าเป็นปัญญาชน เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้าน ข้าเคยฟังพี่ชายของข้าอ่านเรื่องกฎแห่งต้าหลงให้ข้าฟัง…”
เจียงป่าวชิงจงใจหยุดพูดไปชั่วขณะ
เจียงหยุนชานก็ชะงักไปเล็กน้อย
‘กฎแห่งต้าหลง’ คือกฎของราชวงศ์ต้าหลงของพวกเขา ซึ่งเขาเคยอ่านให้เจียงป่าวชิงฟังเมื่อตอนอยู่ที่บ้านจริง ๆ ในความเป็นจริงแล้วไม่เพียงแต่กฎแห่งต้าหลงเท่านั้น เพื่อเป็นการสอนหนังสือให้กับน้องสาว เจียงหยุนชานมักจะอ่านหนังสือที่เขาเคยอ่านแล้วให้น้องสาวฟังอีกครั้งโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
แต่น่าเสียดายที่เจียงป่าวชิงในอดีต กลับไม่เคยตอบสนองต่อการกระทำเหล่านี้ของเจียงหยุนชานเลย และเจียงหยุนชานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อสติปัญญาของน้องสาวเขากลับคืนมาแล้ว นางจะยังจำเรื่องที่เขาเคยอ่านหนังสือให้นางฟังเมื่อนานมาแล้วได้
เจียงหยุนชานทั้งตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน
ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะรู้ว่ากฎแห่งต้าหลงเป็นกฎของราชวงศ์ต้าหลงของพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครเคยได้อ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้น พวกเขารู้แค่ว่าถ้าใครทำผิดกฎก็ต้องถูกจับไปเข้าคุก!
ไม่เพียงแค่ชาวบ้านเท่านั้น แม้แต่เจ้าง่อยเฉจื่อเจิ้ง เมื่อเขาได้ยินเจียงป่าวชิงพูดถึงกฎแห่งต้าหลงก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
เจียงป่าวชิงเห็นทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้แม้จะเห็นว่านางมีท่าทีที่มั่นอกมั่นใจ แต่ในความจริงแล้วนางมีความรู้สึกมั่นใจอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สุภาษิตกล่าวไว้ว่า พื้นที่บนภูเขาที่แห้งแล้งขาดแคลนเช่นนี้ ง่ายต่อการปลูกฝังคนให้ป่าเถื่อน ถ้าหากว่าพวกชาวบ้านเหล่านี้เป็นพวกป่าเถื่อนและไม่สนใจต่อกฎหมายบ้านเมืองล่ะ ?
แต่ในเมื่อยังรู้จักกลัวกัน แบบนี้ค่อยทำอะไรได้สะดวกขึ้นหน่อย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงป่าวชิงจึงเจิดจรัสมากกว่าเดิม จากนั้นนางก็มองเฉจื่อเจิ้งนิ่ง ๆ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า “ท่านก็รู้ว่าการที่ท่านซื้อข้ามานั้นเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎแห่งต้าหลง”
คำพูดนี้สะเทือนลือลั่นจนทำให้เฉจื่อเจิ้งตกใจจนหน้าเขียว จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น “เจ้าเด็กเลว เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล! ข้าซื้อเจ้ามาโดยผ่านทางนายหน้านะโว้ย! ข้าจ่ายเงินไปและรับเจ้ามา ไม่ได้มีติดค้างอะไรแล้วจะเรียกว่าทำผิดกฎหมายได้ยังไงกัน! ถ้านี่เรียกว่าผิดกฎหมายจริง หมู่บ้านข้าง ๆ ก็ซื้อเมียเหมือนกัน ทำไมข้าถึงไม่เห็นพวกข้าราชการมาจับตัวพวกเขาไปล่ะวะ ?!”
ถือว่าสมองของเฉจื่อเจิ้งทำงานได้รวดเร็วยิ่งนัก
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ท่านยังจะมาบอกว่าไม่ผิดกฎหมายอีกรึ ? การซื้อขายคน สิ่งสำคัญคือการยินยอมของทั้งสองฝ่าย และพฤติกรรมที่เป็นการฉกฉวยหรือหลอกลวงผู้คนใด ๆ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดกฎแห่งต้าหลงทั้งนั้น!” พูดจบเจียงป่าวชิงก็หันไปส่งรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ที่หาที่เปรียบมิได้ให้กับเจียงหยุนชาน
“พี่ ข้าจำไม่ได้แล้วว่าพฤติกรรมที่ฉกฉวยและหลอกลวงผู้คนให้ซื้อขายนั้น ตามกฎแห่งต้าหลง คนทำผิดต้องถูกตัดสินอย่างไรนะ ?”
เจียงหยุนชานที่มีนิสัยซื่อตรง เขาคิดว่าน้องสาวของเขาหลงลืมไปจริง ๆ ถึงได้ถามเขา และเขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขานี่ช่างเป็นพี่ชายที่ขาดความรับผิดชอบจริง ๆ น้องสาวเพิ่งจะผ่านเรื่องเคราะห์ร้ายมา อีกทั้งยังเพิ่งหายขาดจากอาการป่วยมาหมาด ๆ ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่นางอ่อนแอที่สุด เขาที่เป็นพี่ชายมัวแต่ดีใจจนเกินไปและปล่อยให้น้องสาวพูดทั้ง ๆ ที่ตัวเปียกชื้นแบบนี้
เจียงหยุนชานพูดขึ้นอย่างรีบร้อน “ตามกฎของราชวงศ์แล้ว ความผิดเรื่องการฉกฉวยและหลอกลวงผู้คนจะตัดสินคดีตามระดับโทษ ถ้าโทษเบาก็จะถูกสักตัวอักษรไปจนถึงถูกเนรเทศ แต่ถ้าโทษหนักก็จะถูกประหารทันที” พูดจบเขาถึงค่อยตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าดีใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อขึ้นทันที
หลังจากหายจากอาการป่วย น้องสาวของเขาก็กลายเป็นสาวน้อยที่ฉลาดมากจริง ๆ!
แต่ในเวลานี้ อารมณ์ของคนอื่นกลับไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนอย่างเจียงหยุนชาน