แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 310 ผู้หญิง
ทุกคนค่อนข้างงุนงง เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นหูมาก แต่ชั่วขณะหนึ่งกลับจำไม่ได้ว่าเป็นเสียงใคร
ผู้หญิงในหมู่บ้านของพวกเขามีน้อยจนนับจำนวนได้ เสียงไพเราะน่าฟังเช่นนี้ เพียงได้ฟังครั้งเดียวแล้วก็ไม่น่าจะลืมนี่นา…
ทุกคนเกิดความสงสัยในใจ
แอ๊ด!
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องข้าง ๆ เปิดออกมา แสงแดดส่องเข้ามาไล่ความมืดในห้องออกไปบ้างเล็กน้อย เด็กสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีเขียวสดใสพร้อมปิ่นปักผมสีเงินเรียบง่ายบนศีรษะของนาง ก้าวเดินมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ทุกคนในห้องตกตะลึงทันที
จิ้นเทียนหยู่ผุดลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้อย่างลืมตัว
เด็กสาวคิ้วโค้งโก่งได้รูปกับจมูกเป็นสันงดงาม นางไม่ได้ทาแป้งหรือเสริมแต่งความงามอะไร ดวงตานางก็สวยใสราวกับสามารถสะท้อนเงาของผู้คนได้ การปรากฏตัวออกมาเพียงครู่เดียวก็สามารถช่วงชิงสายตาของผู้คนทั้งหมดในที่นี้ไปได้
บนตัวของเด็กสาวไม่มีเครื่องประดับอะไร แต่นางกลับไม่ต้องการสิ่งนี้ก็เฉิดฉายได้ ทุกคนรู้สึกตกตะลึงราวกับมีดอกบัวโผล่ขึ้นมาจากน้ำใสตรงหน้าพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาเบิกโตหลายคูพากันจ้องมองดูสาวน้อย
ประการแรกก็เพราะเด็กสาวคนนี้รูปโฉมงดงามมากประหนึ่งดอกไม้แรกแย้มมีหยาดน้ำค้างในยามเช้าสดชื่นเกาะพร่างพราวเสริมให้มีชีวิตชีวา ประการที่สอง เหตุใดเด็กสาวคนนี้… ถึงคล้ายเจียงป่าวชิงขนาดนี้หนอ
ดูจากโครงหน้านั้นแล้ว ถ้าหากบอกว่าคือเจียงป่าวชิงก็ยังไม่ค่อยเหมือนสักเท่าไหร่นัก เพราะแม้เจียงป่าวชิงที่พวกเขารู้จักจะเป็นชายหนุ่มผิวขาวนวลคล้ายผิวสตรี แต่เขากลับมีความหล่อเหลาตามแบบฉบับของผู้ชาย เห็นได้ชัดว่าโครงหน้านี้ดูอ่อนโยนกว่าเจ้าหมอหนุ่มเจียงป่าวชิงคนนั้นเล็กน้อย และขาวผ่องกว่านิดหน่อย เรียกได้ว่ามีความเป็นผู้หญิงอย่างล้นเปี่ยม
กู่ฟู่กุ้ยปริปากถามอย่างไม่ยากจะเชื่อ ใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอยนั้นแข็งทื่อเล็กน้อย “สาวน้อย เจ้า… เจ้าเป็นใครรึ ?”
หางตาของเด็กสาวโค้งลงเล็กน้อย นางพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หัวหน้าใหญ่ ท่านไม่รู้จักข้าแล้วรึ ?”
กู่ฟู่กุ้ยตกตะลึงทันที น้ำเสียงกับสายตาของเด็กสาวคนนี้…
“สวรรค์!” กู่ฟู่กุ้ยโพล่งออกมา เขาถึงกับตะกุกตะกัก “น้องเจียงหรือนี่ ?!”
หากว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เจียงป่าวชิง แล้วจะเป็นใครได้อีก
นางยืมชุดผู้หญิงจากซูรุ่ยเอ๋อร์ ใช้น้ำยาล้างบริเวณที่ตกแต่งบนใบหน้าให้ดูเป็นผู้ชายของนางออก เอาลูกกระเดือกปลอมออกแล้วถึงจะใช้เข็มเงินเพื่อฟื้นคืนเสียงต้นฉบับของเด็กสาวที่ค่อนข้างไพเราะละเอียดอ่อนกลับคืนมา ทำทุกอย่างเสร็จแล้วจึงมาที่ห้องนี้
การปรากฏตัวของนางไม่ต้องเพิ่มคำพูดอะไรมากมายก็สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของนางได้แล้ว
ผู้หญิงอย่างนาง “เกิดอารมณ์” และคิดจะทำมิดีมิร้ายหลี่อันหรูอย่างนั้นรึ
เป็นไปไม่ได้!
ทุกคนในห้องต่างพากันมองดูเจียงป่าวชิงที่อยู่ในชุดผู้หญิงอย่างไม่วางตา …โดยเฉพาะจิ้นเทียนหยู่
เสียงหัวใจเต้นดังอยู่ในทรวงอกของเขา และเกือบจะแย่งชิงเสียงทั้งหมดในหูของเขาไปอยู่แล้ว ในสายตาของเขามีเพียงแค่เงาของเด็กสาวเจียงคนนี้คนเดียวเท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้!” หลี่อันหรูมองเจียงป่าวชิงด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก นางพูดเสียงหลง “นี่มันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!!!”
เจียงป่าวชิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพลางมองหลี่อันหรูยิ้ม ๆ “มาสิ เจ้าดูรูปลักษณ์ของข้าแล้วพูดคำพูดที่เจ้าพูดเมื่อสักครู่สิ ที่เจ้าบอกว่าเห็นได้ชัดว่าตัวเจ้าสวยโดดเด่น ข้าจึงมีความคิดเลวทรามอยากรังแกเจ้า เจ้าพูดมันอีกทีสิ พูดต่อหน้าใบหน้านี้ของข้าอีกครั้ง เพื่อนเอ๋ย… เจ้าแหกตาดูบ้างว่าข้าดูดีกว่าเจ้า ถ้าข้าคิดจะลวนลามเจ้าจริง ๆ ข้าส่องกระจกแล้วลวนลามตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ?”
สีหน้าหลี่อันหรูดำคร่ำครึ นางมองเจียงป่าวชิงที่กำลังหัวเราะเยาะ ราวกับว่านางได้เห็นวิญญาณชั่วร้ายปรากฏตรงหน้า
ถึงขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมายอีกแล้ว พวกเขาคิดแล้วคิดอีก แต่สิ่งเดียวที่คิดไม่ถึงคือการที่เจียงป่าวชิงเป็นผู้หญิง
สีหน้าของหลู่เว่ยต้งเองก็ดูสับสนเช่นกัน มาตอนนี้… ในเมื่อเจียงป่าวชิงเองก็เป็นผู้หญิง แสดงว่าคำพูดเหล่านั้นที่หลี่อันหรูพูดก่อนหน้านี้ก็เป็นการทำลายตนเองโดยธรรมชาติน่ะสิ
สิ่งที่หลี่อันหรูพูดล้วนเป็นการโกหกเขาทั้งสิ้น
“เจ้า… ทำไมเจ้าต้องหลอกข้าด้วย ?” หลู่เว่ยต้งก้มหน้ามองหลี่อันหรูที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้
จู่ ๆ นางก็หัวเราะ ไร้ซึ่งท่าทางสลด “เหอะ ๆ ๆ เจ้าคิดจริง ๆ รึว่าข้าชอบโจรอย่างเจ้า” หลี่อันหรูเงยหน้าขึ้นท้าทายราวกับต้องการปากระป๋องให้แตก รอยยิ้มถากถางประดับอยู่ที่มุมปากของนาง “เจ้าไม่หัดดูซะบ้างว่าตัวเองสถานะอะไรและสารรูปยังไง ไม่ว่ายังไงข้าก็เป็นผู้ดีจากเมืองหลวง แม้ตกลงไปในโคลนก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคิดจะครอบครองได้”
แม้ว่านางไม่สามารถทำให้คนเหล่านี้สู้กันเองได้ แต่นางคำนวณเวลาและพบว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว อีกไม่นานนางจะถูกช่วยออกไป และนางไม่อยากแสร้งแสดงท่าทางนอบน้อมต่อโจรหยาบคายที่น่าขยะแขยงพวกนี้อีกแล้ว
ได้ฟังหลี่อันหรูพูด หลู่เว่ยต้งเหมือนถูกฟาดด้วยกระบองสองอัน สีหน้าเขาย่ำแย่จนไม่สามารถบรรยายได้ มือหนาค่อย ๆ ง้างขึ้นจะตบหน้าหลี่อันหรู แต่ตอนที่มือนั้นยังไปไม่ถึงใบหน้าของหลี่อันหรู มันกลับตกลงอย่างห่อเหี่ยวเสียก่อน
“ทุกสิ่งที่เจ้าพูดตอนที่อยู่ด้วยกันกับข้าล้วนเป็นคำพูดโกหกอย่างนั้นรึ ?!” หลู่เว่ยต้งเค้นเสียงถามด้วยความยากลำบาก
หลี่อันหรูหัวเราะเยาะ “หึ ๆ ก็ใช่น่ะสิ อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าชอบเจ้าจริง ๆ บอกตามตรงข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนจะตายอยู่แล้ว ทุกช่วงเวลาที่ข้าอยู่กับเจ้าคือข้าพยายามอย่างหนัก ต้องอดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนนี้ไว้!”
หลี่อันหรูพูดอย่างสบายใจมาก นางไม่กลัวว่าหลู่เว่ยต้งจะแก้แค้นนางเลยเพราะนางใกล้จะได้ไปจากหมู่บ้านที่ทำให้นางหวาดกลัวตลอดเวลาแห่งนี้แล้ว และที่นางพูดเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการระบายความอึดอัดกลัดกลุ้มที่เก็บสุมไว้ตลอดมา
หลู่เว่ยต้งตวาดด้วยจิตใจแหลกสลาย มือพลันกระชากชุดเจ้าบ่าวทิ้งแล้ววิ่งออกไปทันที
…
หลังจากที่หลู่เว่ยต้งวิ่งไป บรรยากาศตึงเครียดก็หายไปบ้างเล็กน้อย พวกลูกน้องของหลู่เว่ยต้งมองหน้ากันพร้อมเก็บมีดอย่างเก้อเขิน ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องชักมีดออกมาแล้ว ทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นพี่น้องที่ขอข้าวกินอยู่ในหมู่บ้านทั้งนั้น
แต่ในขณะนี้กลับไม่มีใครสนใจสิ่งนี้ สิ่งที่ดึงดูดใจคือเจียงป่าวชิงต่างหาก หลายคนแอบมองเจียงป่าวชิงที่อยู่ในชุดผู้หญิง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาถูกอกถูกใจอะไรเจียงป่าวชิง เพียงแค่… นี่มันน่าตกตะลึงเกินไปจริง ๆ
ไม่คิดว่าหมอเจียงที่อยู่ด้วยกันมาสามปีจะเป็นผู้หญิงไปซะได้ ทั้งยังน่ารักจิ้มลิ้มเป็นพิเศษอีกด้วย นี่ทำให้พวกเขาแทบทนไม่ไหวจริง ๆ
จิ้นหนิวเดินไปข้างหน้าอย่างตกตะลึง และเดินวนรอบ ๆ ตัวเจียงป่าวชิงอย่างระมัดระวังก่อนจะจุ๊ปากอยู่ครู่หนึ่ง “หมอเจียง แล้วลูกกระเดือกของเจ้าล่ะไปไหน ?”
เจียงป่าวชิงยิ้ม “ลูกกระเดือกข้า ข้าทิ้งไปแล้ว”
จิ้นหนิวถึงกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อ “เอ่อ…”
ไอ้ของแบบนี้สามารถโยนทิ้งได้อย่างนั้นรึ!
กูฟู่กุ้ยเองก็รู้สึกว่าโลกนี้ค่อนข้างมีสิ่งลึกลับน่าพิศวง เขานวดหัวคิ้วและพูดไปด้วย “น้องเจียง เจ้าคือน้องเจียงของข้าจริง ๆ ใช่ไหม ? ไม่ใช่ว่าเอาน้องสาวของเจ้ามาหลอกพวกเรานะ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ โธ่ หัวหน้าใหญ่ เจียงฉิงน้องสาวของข้ากับเพื่อน ๆ นางยังรอแกล้งเจ้าสาวอยู่ในงานอยู่เลย”
ในที่สุดกู่ฟู่กุ้ยก็ยอมรับความจริงที่ว่าเด็กสาวรูปงามตรงหน้าเขาคนนี้เป็น “น้องเจียง” ของเขาได้อย่างยากลำบากสักที
“เจ้านี่เก่งมากนะ หลอกพวกเราได้ตั้งสามปี แนบเนียนมากจริง ๆ” เดิมทีกู่ฟู่กุ้ยคิดจะตบไหล่เจียงป่าวชิง แต่เมื่อสายตาเขามองนางที่อยู่ในชุดผู้หญิงกับท่าทางอ่อนแอของนางแล้ว เขาก็กลัวว่าฝ่ามือหนา ๆ นี้จะทำให้เด็กสาวร่างบางถูกตบจนสำลักความเจ็บ
ไม่ว่าจะอย่างไรกู่ฟู่กุ้ยก็ทำไม่ลง เขาจึงต้องตบขาตัวเองและพูดขึ้นอย่างอึดอัดแทน “เจ้านี่เก่งจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงเก่งจริง ๆ!
ตอนนี้คนในห้องส่วนใหญ่ต่างก็คิดเช่นนี้กันทั้งนั้น
เจียงป่าวชิงส่ายศีรษะช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “ข้าเองก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ตอนที่ข้ากับอาฉิงถูกคนของพวกท่านลักพาตัวกลับมาที่นี่ ถ้าพวกท่านรู้ว่าเราสองคนเป็นผู้หญิง ไม่แน่ก็อาจเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ข้าไม่ขอขยายความมากนัก และไม่ใช่ว่าข้าเห็นความสำคัญอะไรในตัวเอง แต่ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่าข้าปลอมตัวเป็นผู้ชายเพราะกลัวอะไร ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถ้าข้าเปิดเผยไปเลยว่าเป็นหญิง อย่างน้อยข้าคงไม่มีอิสระเฉกเช่นที่เป็นมาอย่างแน่นอน… ต่อมาทุกคนต่างก็ยอมรับเราสองคนพี่น้อง สถานะผู้ชายถือว่าใช้ได้ดี พวกเราจึงใช้มาจนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ”
.